JJNY : บ.ไทยทำธุรกิจเลี่ยงคว่ำบาตร│“ไพศาล”แนะจับตา!“นักโทษเทวดา”│11 พ.ย.กลับมาร้อนอีก│ศาลรัสเซีย“ขังลืม”ทหาร“ฆ่ายกครัว”

ก.คลังสหรัฐฯเผยรายชื่อ บ.ไทย ทำธุรกิจเลี่ยงคว่ำบาตรมอสโก ส่งของไปรัสเซียมูลค่านับพัน ล.
https://www.isranews.org/article/isranews-news/133245-USARussiaSanction.html
 
 
ก.คลังสหรัฐฯเผยรายชื่อบริษัทไทย ทำธุรกิจเลี่ยงคว่ำบาตรมอสโก พบช่วงปี 66-67 ส่งชิ้นส่วนเครื่องจักรไปยังรัสเซีย
คิดเป็นมูลค่านับพันล้าน ขณะอีกบริษัทดำเนินการจัดส่งเครื่องอ่านแม่เหล็กไปรัสเซียกว่า 200 รายการ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
สืบเนื่องจากที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้รายงานว่าเมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา ทางการสหรัฐอเมริกาได้ออกประกาศคว่ำบาตรบริษัทนับร้อยแห่ง ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับประเทศรัสเซีย โดยนี่เป็นสัญญาณว่าสหรัฐฯจะยังคงตอบโต้กับความพยายามที่จะหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรที่มีผลบังคับใช้กับมอสโกต่อกรณีการรุกรานยูเครน
 
โดยเอกสารที่กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงการคลังสหรัฐฯได้เผยแพร่ออกมานั้นพบว่ามีบริษัทในไทยที่โดนคว่ำบาตรด้วยได้แก่บริษัท MMP ELECTRONICS COMP CO. LTD ซึ่งบริษัทนี้ถูกระบุว่าเป็นบริษัทในประเทศไทย มีเจ้าของเป็นคนรัสเซีย และบริษัทแห่งนี้ยังมีส่วนในการจัดส่งสินค้าประเภทชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ไปยังผู้รับสินค้าในประเทศรัสเซีย

• สหรัฐฯ ลงโทษเอกชนไทย เหตุเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตร ส่งชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ให้รัสเซีย
 
ล่าสุดสำนักข่าวอิศราได้มีการสืบค้นข้อมูลบนเว็บไซต์ https://sanctionssearch.ofac.treas.gov  ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของสำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศ กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เพื่อค้นหานิติบุคคลที่ถูกคว่ำบาตรจากทางการสหรัฐฯ พบว่านอกจากบริษัท MMP แล้ว ยังมีบริษัทในประเทศไทยอีกจำนวน 5 แห่งด้วยกันที่ถูกทางการสหรัฐฯ คว่ำบาตรในกรณีรัสเซียรุกรานยูเครน ได้แก่ 1. บริษัท BENTOZER COMPANY LIMITED  2. บริษัท INTRACORP COMPANY LIMITED 3. บริษัท NAL SOLUTIONS COMPANY LIMITED 4.บริษัท RBW LAB CO LTD และ 5. บริษัท TSEZAR GROUP COMPANY LIMITED  (ดูภาพประกอบ)
 
สำหรับพฤติการณ์ของบริษัทเหล่านี้นั้นทางกระทรวงการคลังสหรัฐฯดี้การระบุเอาไว้แค่บางแห่งว่าบริษัท Intracorp Company Limited (Intracorp) หรืออินทราคอร์ป นั้นเป็นบริษัทในประเทศไทยที่อำนวยความสะดวกในการจัดตั้งบริษัทอื่นๆในประเทศไทย สำหรับชาวรัสเซีย และบุคคลอื่นๆจากประเทศที่สามที่ต้องการทำธุรกิจกับตลาดรัสเซีย โดยมีการดำเนินการเช่นนี้เป็นเวลานานหลายปีแล้ว บริษัทอินทราคอร์ปได้ให้บริการกับลูกค้าชาวรัสเซียเป็นหลัก รวมไปถึงทำหน้าที่บริหารบริษัทชั้นนำในประเทศไทยเพื่อส่งสินค้าที่มีความสำคัญสูงไปยังประเทศรัสเซีย โดยบริษัทอื่นในไทยที่พบว่ามีการส่งออกไปยังรัสเซียได้แก่บริษัท เซซาร์ กรุ๊ป จํากัด (Tsezar Group) และบริษัท อาร์บีดับบลิว แล็บ จํากัด (RBW Lab)
 
จากข้อมูลในปี 2566-2567 พบว่าบริษัทเซซาร์ กรุ๊ป จำกัด ได้มีการจัดส่งสินค้าคิดเป็นมูลค่า 57 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (1,950,254,150 บาท)ไปยังผู้ใช้สินค้าปลายทางที่ประเทศรัสเซีย ซึ่งสินค้าเหล่านี้พบว่ามีทั้งเครื่องสําหรับรับ การแปลง และการส่งข้อมูล และอุปกรณ์สายเคเบิลใยแก้วนําแสง ส่วนบริษัท อาร์บีดับบลิว แล็บ จํากัด พบว่าในช่วงปี 2566-2567 บริษัทนี้ได้ดำเนินการจัดส่งมากกว่า 200 รายการไปยังผู้ใช้ปลายทางที่ประเทศรัสเซีย ซึ่งสินค้าที่ถูกจัดส่งมีทั้งเครื่องมือสําหรับ รับ แปลง และการส่งข้อมูล และเครื่องอ่านแม่เหล็กหรือออปติคัล
 
เรียบเรียงจาก : https://home.treasury.gov/news/press-releases/jy2700,https://sanctionssearch.ofac.treas.gov



“ไพศาล”แนะจับตา! ศาลฯไต่สวน-ออกหมายขัง “นักโทษเทวดา”
https://siamrath.co.th/n/579279

เมื่อวันที่ 9 พ.ย.67 นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์เฟซบุ๊กว่า
 
เทวดาที่ไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียวใกล้จะตกสวรรค์แล้ว คณะกรรมาธิการความมั่นคงของสภาผู้แทน ได้ตรวจสอบแล้วแถลงเมื่อวานนี้ว่า
 
1. แพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่มีใครยอมรับแม้แต่คนเดียวว่าได้ตรวจสุขภาพนักโทษ จึงมีการอ้างว่า พยาบาลเป็นผู้ให้ความเห็นส่งตัวนักโทษไปรักษาข้างนอก ซึ่งไม่มีพยาบาลคนไหนยอมรับด้วย
 
และความจริงนั้นพยาบาลก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะ รายงานอาการของผู้ป่วย หรือตรวจอาการของผู้ป่วย และไม่มีสิทธิ์ออกความเห็นทางการแพทย์ว่าป่วยหนักใกล้เสียชีวิตจนต้องส่งตัวไปรักษาข้างนอก
 
2. ประธานกรรมาธิการแถลงว่า ระยะเวลาตั้งแต่อ้างว่า มีอาการป่วย จนถึงเวลาส่งตัวไปโรงพยาบาลตำรวจนั้น ใช้เวลาแค่ 4 นาที ซึ่งบอกความนัยว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการตรวจอาการป่วย จึงส่อว่าเป็นการป่วยทิพย์
 
3.การรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ก็แบบเดียวกัน คือไม่มีแพทย์แม้แต่คนเดียวที่ยอมรับว่าได้ตรวจรักษานักโทษ
จึงเท่ากับว่าที่โรงพยาบาลตำรวจนั้นไม่มีแพทย์ดูแลรักษานักโทษเลยแม้แต่คนเดียว และไม่มีข้อเท็จจริงว่ามีพยาบาลดูแลรักษาด้วย
 
4. หลักฐานสำคัญคือเวชระเบียน ซึ่งไม่ยอมส่งให้แก่ป.ป.ช. นั้นล่าสุด ทำท่าว่าจะถูกป.ป.ชดำเนินคดีอาญากับผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง และคาดหมายว่าในที่สุด ก็ไม่มีเวชระเบียน เพราะเมื่อไม่มีการรักษา โดยแพทย์แม้แต่คนเดียวแล้ว จะมีการลงบันทึกในเวชระเบียนไม่ได้ เพราะแพทย์เป็นผู้บันทึก ข้อมูลในเวชระเบียน
 
จากการแถลงทั้งหมดนั้น ทำให้ข้อเท็จจริง ฟังได้ ตามที อดีตผู้บัญชาการตำรวจเสรีพิศุทธ์ เตมียาเวช แถลงไว้คือไม่ได้ป่วยจริง
 
ถ้าไม่ป่วยจริง การนำตัวออกจากเรือนจำโดยไม่ขออนุญาตศาล ก็เป็นการฝ่าฝืนขัดหมายขังของศาล ฝ่าฝืนพระบรมราชโองการ และไม่ถือว่าถูกจำคุก ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 246 จึงไม่ได้รับผล ให้มีการพักโทษ ตามพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษ 2567
 
น่าห่วงว่าจะต้องถูกศาลออกหมายขังอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้เป็นไปตามคำพิพากษา และพระบรมราชโองการที่ให้จำคุกอีก 1 ปี
และข่าวคราวที่ดังสนั่นหวั่นไหวในเรื่องนี้ จะถือว่าศาล "ทราบ" ได้หรือยัง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 246
เพราะถ้าถือว่าศาลทราบแล้ว ศาลก็มีหน้าที่ต้องทำการไต่สวน ตามที่กฎหมายได้บัญญัติไว้
 
ซึ่งศาลสามารถออกหมายเรียก ไปทำการไต่สวนได้เองโดยไม่ต้องมีใครร้อง ว่ามีการนำตัวผู้ต้องขังออกนอกเรือนจำโดยไม่ได้ขออนุญาตศาลจริงหรือไม่
ถ้าจริงศาลก็ต้องออกหมายขัง และหมายจับไปขัง ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลและพระบรมราชโองการที่ให้จำคุก 1 ปีต่อไป
 
จึงต้องจับตาดูกันว่า นายทักษิณ ชินวัตรบิดาของนายกอุ๊งอิ๊ง จะต้องกลับเรือนจำอีกครั้งหรือไม่ อีกไม่นานเท่าไหร่แล้วก็คงทราบผลเรื่องนี้ทัล และ (3) การเติบโตทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง สมดุล มั่นคง ยั่งยืน และครอบคลุม

https://www.facebook.com/Paisal.Fanpage/posts/pfbid02Gqavtj3eXH8RsWa2K6hQgu7y6p3gbFi9pJ1egtAhxLd7HnJBgsivZGEVxfLcK8Lhl
 


หนาวได้ไม่กี่วัน อุตุแจ้ง 11 พ.ย.กลับมาร้อนอีก เผย อากาศกระเพื่อม มวลอากาศเย็นจากจีนอ่อนกำลัง
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_4889863 

หนาวได้ไม่กี่วัน อุตุแจ้ง 11 พ.ย.กลับมาร้อนอีก เผยอากาศกระเพื่อม มวลอากาศเย็นจากจีนอ่อนกำลัง
 
วันที่ 9 พฤศจิกายน นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการส่วนพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยกับ มติชนออนไลน์ ว่า แม้ประเทศไทยจะเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว แต่อากาศยังมีความกระเพื่อมบ่อยครั้ง ช่วงที่ผ่านมานั้น พื้นที่ภาคเหนือ อีสาน รวมทั้งกรุงเทพมหานคร อุณหภูมิลดลง โดย เหนือ อีสาน ตอนเช้าอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 20-21 เซลเซียส ส่วนกรุงเทพ จะอยู่ที่ 23-24 เซลเซียส คืออากาศออกเย็นๆ แต่จากการตรวจสอบพบว่า ในวันที่ 11 พฤศจิกายนอุณหภูมิทั่วประเทศจะสูงขึ้นมาอีก คือ อากาศจะเย็นตอนเช้า ตอนกลางวันก็จะค่อนข้างร้อนเหมือนเดิม
 
สาเหตุที่เป็นแบบนี้ก็เพราะ มวลอากาศเย็นที่แผ่มาจากจีน มาปกคลุมประเทศไทยมีกำลังอ่อนลง เหนืออีสาน กรุงเทพ จะร้อนขึ้น กรุงเทะยังมีฝนตกด้วยในบางวัน คือ อากาศค่อนข้างกระเพื่อม โดยคาดว่า มวลอากาศเย็นจะมาปกคลุมอีกทีประมาณวันที่ 17-18 พฤศจิกายน โน่นเลย” ผู้อำนวยการส่วนพยากรณ์อากาศ กล่าว
 
เมื่อถามว่า แล้วประเทศไทยจะเข้าสู่ฤดูหนาวแบบสมบูรณ์เมื่อไร นายสมควร กล่าวว่า ตอนนี้อยู่ระระหว่างจับตาดูมวลอากาศเย็นที่มาปกคลุม ว่าจะเข้ามาแรงเต็มที่เมื่อไร คาดว่า ช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม น่าจะมาเต็มที่ ตอนนั้นกรุงเทพก็น่าจะ 21-22 เซลเซียส แต่ไม่ลดลงแตะเลข 1 เมื่อก่อนหน้านี้ ส่วนเหนืออีสานหนาวเย็นบางพื้นที่ก็อาจจะแตะเลข 1 บนดอยก็หนาวปกติ
 
ที่เราตั้งข้อสังเกตคือ ทำไมเดือนพฤศจิกายนแล้ว ยังมีพายุก่อตัวในทะเลบ่อยครั้ง ทั้งๆที่ปกติ เดือนพฤศจิกายนไปแล้ว ไม่ค่อยมีพายุก่อตัวในทะเล อย่างลูกล่าสุด มีทิศทางไปยังเวียดนาม แต่น่าจะสลายตัวเป็นหย่อมความกออากาศต่ำ แต่ไม่มีผลกระทบใดๆกับประเทศไทย อย่างไรก็ตาม เรื่องอากาศต้องติดตามอย่างใกล้ชิด” ผู้อำนวยการส่วนพยากรณ์อากาศ กล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่