เอเชียอยากได้ใคร เป็น ปธน สหรัฐ

ระหว่าง"โดนัล ทรัมป์" กับ "กมลา แฮร์ริส"
เอเชียอยากได้ใคร

คิดว่าใครเป็นมิตร และ เป็นประโยชน์ ต่อเอเชียมากกว่ากัน


Editor’s Pick: อีกไม่กี่วันแล้ว เราจะได้รู้กันว่าใครจะได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ คามาลา แฮร์ริส หรือ โดนัลด์ ทรัมป์ แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่ได้กระทบแค่กับคนอเมริกันเท่านั้น แต่จะกระทบเรื่องการเมืองและการค้าระหว่างประเทศด้วย แล้วทวีปเอเชียของเราจะได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง ใครได้เป็นประธานาธิบดีแล้วจะเป็นประโยชน์ต่อเอเชียมากกว่ากัน

ผลสำรวจของ Novus and Gallop International ระบุว่าคนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อยากให้ แฮร์ริส ชนะการเลือกตั้งครั้งนี้มากกว่าทรัมป์ ด้วยสัดส่วน 56% ต่อ 34% ซึ่งโดยรวมแล้วต้องบอกว่า หาก คามาลา แฮร์ริส ชนะการเลือกตั้งและได้เป็นประธานาธิบดี จะเป็นประโยชน์ต่อเอเชียมากกว่า เนื่องจากว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศไว้ชัดเจนว่าหากเขาได้เป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง เขาจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนสูงสุด 60% และสินค้าจากประเทศอื่นๆ สูงสุด 20% ตรงนี้ จะกระทบกับเศรษฐกิจของเอเชียอย่างแน่นอน เพราะประเทศในเอเชียส่วนใหญ่ ก็มีสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกสินค้ารายใหญ่ ก็จะทำให้เราส่งออกสินค้าไปขายที่สหรัฐฯ ได้ยากยิ่งขึ้น

ในส่วนของการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนสูงสุด 60% ตรงนี้ก็กระทบกับประเทศอื่นในเอเชียเหมือนกัน โดยเฉพาะประเทศในอาเซียน ซึ่งตอนนี้ หลายๆ ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถูกใช้เป็นฐานการผลิตสินค้าให้กับประเทศจีน ซึ่งทรัมป์อาจจะขึ้นภาษีสินค้าของบริษัทจีนที่ผลิตในต่างประเทศด้วย ตรงนี้ ทำให้เรามั่นใจได้อย่างหนึ่งว่า หากทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง การส่งออกสินค้าของประเทศในเอเชียจะต้องลำบากขึ้นแน่นอน จากการขึ้นกำแพงภาษีของสหรัฐฯ

ด้านแฮร์ริสก็คงใช้มาตรการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากต่างปนระเทศเหมือนกัน แต่เธอน่าจะใช้การขึ้นภาษีแบบเลือกประเทศที่เป็นคู่แข่งกับสหรัฐฯ และเลือกขึ้นภาษีแค่สินค้าที่มีความอ่อนไหว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเอเชียน้อยกว่า

ในส่วนเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ หากทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดี ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะถูกบีบให้เลือกข้างมากขึ้น ระหว่างจีนและสหรัฐฯ ซึ่งประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ส่วนใหญ่ พยายามจะรักษาความเป็นกลางในการใกล้ชิดกับทั้งจีนและสหรัฐฯ หากประเทศไหนเลือกใกล้ชิดกับจีนมากเกินไป ก็อาจเสี่ยงถูกสหรัฐฯ ตัดความช่วยเหลือและความร่วมมือระหว่างประเทศ

นักวิเคราะห์การเมืองระหว่างประเทศพยายามหาคำตอบว่า แล้วจีนมองเรื่องนี้อย่างไรบ้าง จีนอยากให้แฮร์ริสหรือทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยทางรัฐบาลจีนไม่เคยแสดงออกว่าอยากให้คนไหนได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ และบอกชัดเจนว่าไม่ว่าใครจะชนะการเลือกตั้ง ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อจีนไปมากกว่ากัน ซึ่งในส่วนของทรัมป์ นักวิเคราะห์คาดว่าจีนอาจจะตอบโต้การขึ้นภาษีของทรัมป์ ด้วยการขึ้นภาษีสินค้าของสหรัฐฯ เช่นเดียวกัน ซึ่งจะนำไปสู่สงครามการค้า ที่จริงๆ แล้ว ก็ไม่ได้เป็นผลดีต่อทั้งจีนและสหรัฐฯ

ส่วน คามาลา แฮร์ริส ยังไม่ได้พูดถึงนโยบายที่เธอมีต่อจีนมากเท่าไร ในช่วงการหาเสียง โดยเธอบอกเพียงว่า เธอจะไม่ยอมให้จีนเป็นผู้ชนะอเมริกาในการแข่งขันของยุคนี้ แต่ก็คาดว่านโยบายของแฮร์ริส จะเป็นมิตรกับจีนมากกว่าทรัมป์ เหมือนกับนโยบายของไบเดนที่เข้าหาจีนและพูดคุยกับจีนมากขึ้น ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา

แต่เป็นที่น่าสนใจว่า แม้ทรัมป์มีแนวโน้มจะเผชิญหน้ากับจีนมากขึ้น แต่นักวิชาการด้านการเมืองระหว่างประเทศ แสดงความคิดเห็นว่าจีนอาจอยากให้ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งมากกว่า เนื่องจากทรัมป์มีนโยบายจะให้อเมริกาถอนตัวจากความร่วมมือต่างๆ กับประเทศพันธมิตรมากขึ้น ซึ่งตรงนี้จะกลายเป็นช่องว่างให้จีนเข้าไปสานสัมพันธ์กับประเทศที่ถูกทรัมป์ตีตัวต่างออกมา และจะช่วยให้จีนมีอิทธิพลด้านการเมืองระหว่างประเทศมากขึ้น

แต่ไม่ว่าใครจะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ ประเทศในเอเชียก็ต้องเตรียมรับมือกับการแข่งขันทางการค้าที่เพิ่มขึ้น คามาลา แฮร์ริส อาจจะมีนโยบายที่รับมือได้ง่ายกว่า โดนัลด์ ทรัมป์ แต่การเจรจาเพื่อผลประโยชน์ทั้งเรื่องการค้าและความมั่นคง น่าจะเป็นเรื่องที่ท้าทายมากขึ้นของทุกประเทศหลังการเลือกตั้ง

https://www.facebook.com/share/p/VCoyKp8fsWLYrYov/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่