สหรัฐฯ ได้กำหนดอัตราภาษีใหม่สำหรับแผงโซลาร์เซลล์ที่นำเข้าจากกัมพูชา มาเลเซีย ไทย และเวียดนาม เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2568 โดยมุ่งเป้าไปที่บริษัทจีนที่ย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเหล่านี้เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่มีอยู่สำหรับสินค้าโซลาร์เซลล์จากจีน ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 25% และมีกำหนดจะเพิ่มขึ้น
การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นหลังจากที่คำประกาศของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ฉบับที่ 10414 หมดอายุลงในเดือนมิถุนายน 2567 ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ผ่อนคลายภาษีนำเข้าสินค้าโซลาร์จากประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ชั่วคราว แต่ตอนนี้ทำให้สินค้าเหล่านี้ต้องเผชิญกับภาษีต่อต้านการทุ่มตลาด (antidumping) และภาษีชดเชย (countervailing duties) ที่สูงถึง 272% ตามการสอบสวนของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นแหล่งจัดหาแผงโซลาร์ให้สหรัฐฯ มากกว่า 75% และคิดเป็น 40% ของการผลิตโมดูลโซลาร์ทั่วโลกนอกเหนือจากจีน ดังนั้น ภาษีใหม่นี้อาจเพิ่มต้นทุนโครงการโซลาร์ในสหรัฐฯ สร้างความปั่นป่วนในห่วงโซ่อุปทานพลังงานสะอาด และอาจขัดขวางความพยายามในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ตามที่ระบุในรายงานของ SolarQuarter ปี 2567
โดนจนได้ เมกันเก็บภาษีแผงโซลาร์เซลเพิ่ม