ให้มองซ้ายมองขวาทั่วหล้าจะหาไอ้บ้าที่จะแถเรื่องขุนพลประจัญบาน หรือนักเรียนนายร้อยเดนตาย ให้เป็นวิทยาศาสตร์ได้ ก็หามีไม่ กระนั้นแล้ว ในฐานะนักวิดกระยาสาร์ทที่ดี ก็พึงสร้างชื่อเสีย ไว้ลายให้เห็นว่า ขุนพลประจัญบานที่ว่ากันว่าเป็นมังงะดมกาวน่ะ มันมีหลักการ มันมีความเป็นวิทยาศาสตร์ มันมีประวัติศาสตร์ เหมาะสมกับเป็นมังงะมีสาระอันดับหนึ่งของโรค เอ๊ย โลก วะฮ่าๆๆๆๆๆคร่อกๆๆๆๆ อ่า... เอาละน่ะ จริงๆก็คือไอ้กระผมนี่ว่างๆก็เขียนบทความแถวิดกระยาสารทไปเรื่อยในเฟซบุค แต่เฟซบุคนี่บทความมันกระจัดกระจายหายาก ก็คิดว่าจะรวบรวมมันไว้ที่เดียว ปัจจุบันวิดกระยาสาร์ทของขุนพลประจัญบานผมเขียนไว้เป็น 8 ตอนสั้น ก็จะเอามาลงแบ่งกระทู้ละ 4 ตอน ภายหลังถ้าจะหาอ่านก็หาง่ายละ มาเริ่มกันเลยดีกว่า
1. วิดกระยาสารทของวิชา โคริวเทนรินฮากิ
หวังต้าเล้งเป็นโคตsพ่อโคตsแม่หมอจากเรื่องขุนพลประจัญบานที่วิชาเหนือชั้นยิ่งกว่าหมอลอว์แห่งวันพีซ ให้ตกลาวา หรือโดนผ่าครึ่ง ถึงมือหวังต้าเล้งรับรองรักษาได้ นี่ถ้าหนวดขาวรักษากับหวังต้าเล้งป่านนี้คืนชีพสมบูรณ์ไปแล้ว และแกมีวิชาที่เรียกว่า โคริวเทนรินฮากิ ที่ควงพลองเหินฟ้าได้ เรามาลองคำนวณกันว่า ความเร็วการควงพลองของหวังต้าเล้งมันขนาดไหนถึงเหาะเหินเดินหาวได้เยี่ยงนี้
สมมุติฐานสำคัญคือ พลองนี้มีใบมีดติดปลาย (ถ้าเป้นพลองกลมๆหรือแบนๆควงให้ตายมันก็ไม่เกิดแรงยกละ) ใบมีดนี้ต้องทำมุมเพื่อกินอากาศให้ไหลลงล่างแบบใบพัด และสมการการบินนี้ เราสามารถใช้การดุลแรงคือ แรงโน้มถ่วง (M.g) จะเท่ากับแรงที่ใช้ผลักอากาศปริมาณ m ลงด้านล่างไปด้วยความเร็ว v หรือ
Mg =v.dm/dt
ในที่นี้ สมมุติพลองของหวังต้าเล้งยาว 2 เมตร (รัศมีการหมุน 1 เมตร) ติดใบมีดยาว 30 ซม และมีระยะการกินลม 5 ซม การควงพลอง 1 รอบ จะทำให้อากาศไหลลงข้างล่างได้ 216 ลิตรโดยประมาณ ให้อากาศมี ถพ 1 กิโลต่อลบม เราสามารถคำนวณหาความเร็วการควงที่จะทำให้พจน์แรงจากโมเมนตั้มของลมได้สมดุลกับแรงโน้มถ่วงที่การควง 178 RPS หรือ 10,680 RPM มือของหวังต้าเล้งจะต้องวาดอยู่เหนือหัวตัวเองด้วยความเร็วมัค 1.5 -2 เพื่อที่จะเริ่มบินขึ้นได้
สำหรับบุคคลทั่วไปที่จะฝึกจนบินได้อย่างหวังต้าเล้ง สามารถไปฝึกที่แซงค์จูรี่โดยตั้งเป้าไว้ที่ระดับซิลเวอร์เซนต์เป็นอย่างน้อย
2. วิดกระยาสารทของวิชา บัตโตมัน
วิชาบัตโตมัน หรือวิชาปีกมารเหินลม ในบันทึกของเอนไซโคลพีเดียกาแลคติก้า ได้บันทึกไว้ว่า เป็นวิชาที่ เดวาเรซ หนึ่งใน 5 ผู้คุ้มกันเส้นทางสู่พระราชวังของโตโด เคียวเฮย์ใช้สู้กับฮิเอน วิชาบัตโตมัน เป็นวิชาที่คิดค้นโดนชนเผ่าบัตโตในประเทศจีน อาศัยลมหุบเขาที่พัดจากเบื้องล่างสู่เบื้องบนและบินร่อนเดินทางไปได้ วิชานี้ถูกใช้ในการสื่อสารและทางทหารได้อย่างสะดวกดาย แม้ใช่ทุกคนจะบินได้ทั้งหมด มีเพียงคนที่ได้รับเลือกและฝึกฝนเท่านั้นถึงจะบินได้ แต่การฝึกฝนนั้นก็ยากลำบากแสน สักหมื่นหนึ่งจักสำเร็จสัก 1 คน ผู้ที่สำเร็จ จะได้ชื่อว่าบัตโตมัน วิชานี้ถูกสืบต่อมาจนถึง ราส อัลกูล ซึ่งถ่ายทอดมายังมหาเศรษฐีคนสำคัญ บรูซ เวยน์ ซึ่งสื่อเรียกสำเนียงนี้เพี้ยนไปว่าเป็น แบทแมน
ตามหลักวิชาที่อ้างอิงโดยไร้สาระนุกรม มินเมย์ วิชาบัตโตมันเป็นการร่อน ไม่ใช่การบินโดยตรง เพราะโดยโครงสร้างของมนุษย์แล้ว มวลกระดูกของเราหนาและหนักเกินไปที่จะสร้างแรงกระพือด้วยปีกจนเกิดการบินได้ มนุษย์จึงต้องสร้างปีกจากวัสดุมวลเบาและใช้ระบบทดแรงจากแขนขาออกมาเป็นเครื่องบินแรงมนุษย์ การบินด้วยแรงมนุษย์ครั้งแรกทำโดยท่านจอมยุทธ์ดิเรก พิโกโร่ ในปีโชวะที่ 31 โดยเหินฟ้าได้เป็นระยะทางถึง 1.3 ลี้ ด้วยการถ่ายเทพลังวัตรจากแขนขาสู่กังหันวงจักรในการขับเคลื่อน แต่วิชาบัตโตมันนั้น อาศัยการเพิ่มของพื้นที่ผิวในการลด Terminal Velocity ทำให้เพียงกระแสลมจากหุบเขาสามารถสร้างแรงยกให้ผู้ใช้เหินหาวได้ ในทางฟิสิกส์ ด้วยพื้นที่ปีก 2.5 ตารางเมตร และสัมประสิทธิ์แรงฉุดของอากาศที่ 1.7 (ค่าสัมประสิทธิ์ของชุดวิงสูท จะอยู่ประมาณนี้) กระแสลมเพียง 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็เพียงพอจะทำให้จอมยุทธนั้นสามารถเหินฟ้าเพิ่มเพดานบินและดิ่งลงโจมตีเหยื่อที่คืบคลานบนภาคพื้น หึ ถ้าเจ้าขี้เก๊กหน้ามนฮิเอนไม่โชคดีผูกสัมพันธ์กับนกไว้ก่อนละก็ ป่านนี้โดนส่งล่วงหน้าไปพบท่านพญายมแล้ว
การเคลื่อนไหวของวิชาบัตโตมันนั้นเป็นวิทยาศาสตร์ที่สามารถอธิบายได้ด้วยฟิสิกส์ของการร่อน เปลี่ยนพลังงานศักย์ (ความสูง) ออกมาเป็นความเร็ว และอาศัยการปรับมุมของมือที่บังคับปีกในการเปลี่ยนทิศทาง ดังนั้น จึงเป็นวิชาที่มีความเหมาะสมกับเมืองก็อตแธม ที่มีตึกระฟ้ามากพอจะสร้างปรากฎการณ์ลมหุบเขาจำลอง และถ้าช่วงที่ลมไม่มี ก็ยังอาศัยลิฟท์ในการเดินทางไปชั้นดาดฟ้าและร่อนลงมาปราบปรามเหล่าร้ายได้โดยสะดวก
3. วิดกระยาสารทของ ... โตโด เคียวเอ คืนชีพ
โตโด เคียวเอ ตาแก่ผู้มีความรอบคอบเป็นอย่างยิ่งแม้จะโดนผ่าครึ่งตามยาวตกเฮลิคอปเตอร์ลงมาก็ยังเตรียมเรือดำน้ำนิวเคลียร์รอไว้พร้อมทีมแพทย์ชั้นปรมาจารย์ผู้ช่ำชองวิทยาศาสตร์และไสยศาสตร์แห่งยุครอไว้ แม้การผ่าตัดจะยากเย็นแสนเข็ญ แต่ด้วยความมุ่งมั่นและมหันต์โชค เทพแห่งการแก้แค้นได้อำนวยปาฏิหารย์ให้มันรอดคืนชีวิตมาได้ พับผ่าสิ
การรักษา ไม่สิ มันต้องเรียกว่าการชุบชีวิตมากกว่า การที่เราจะชุบชีวิต โตโด ได้นั้น ปัญหาคือ โตโด เคียวเอ ถูกผ่าตามยาว ไม่ได้ผ่าตามขวาง ในการผ่าตัดถ้าจะโม้ให้ทำได้ อย่างน้อยก็ขอให้มีระบบไหลเวียนของเลือดเพื่อจะถ่ายเทออกซิเจนไม่ให้เซลล์สมองและระบบประสาทส่วนกลางตาย การตายของสมอง เทียบกับกรณีสภาพหัวใจหยุดเต้น โอกาสตายจะเพิ่มขึ้น 7-10% ในทุกนาทีที่ผ่านไปที่ไม่มีการทำ CPR ถ้าเกิน 3-4 นาที ก็แทบมั่นใจได้ว่าถึงฟื้นมาได้ก็พิการ อย่างไรก็ตาม อัตราการตายของเซลล์สามารถยืดออกได้ด้วยการลดอุณหภูมิ การผ่าตัดนี้ น่าจะต้องทำในห้องที่อุณหภูมิต่ำเกือบ 0 องศา และอาจมีการแช่ร่าง และอวัยวะที่ต้องเอามาปะต่อแบบจิ๊กซอว์ไว้ในสารประเภท Perfluorocarbon ที่มีการใช้เป็นเลือดเทียมพร้อมระบบปั๊มเพื่อยื้อเวลาในการผ่าตัด (ถ้าคิดคร่าวๆ แค่จำนวนลำไส้ที่ถูกตัดกลางลำตัวแบ่งครึ่ง มันอาจมีสัก 10-20 ท่อน เอามาเย็บแยกข้างนอกน่าจะเวิร์คกว่าทำบนเตียงผ่าตัดละ)
ต่อมาคือเรื่องของระบบประสาท การเชื่อมต่อระบบประสาททำได้ในกรณีของประสาทส่วนปลายที่มีการเติบโตทดแทน ระบบประสาทส่วนกลางนั้นไม่มีการเติบโตเชื่อมต่อ แค่การบาดเจ็บ เกิดเนื้อเยื่อเข้ามาหุ้มบล็อกเส้นทางประสาทก็อัมพาตถาวรแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางเป็นไปได้เสียทีเดียว การจะเชื่อมต่อเส้นประสาทส่วนกลาง อาจมีความเป็นไปได้ด้วยการใช้เทคโนโลยีสเตมเซลล์เข้ามาเชื่อมต่อทดแทน ทำให้เส้นประสาทส่วนกลางที่ชำรุดสามารถเชื่อมต่อสื่อสารกันได้อีกครั้ง
สำหรับทีมหมอยุคปัจจุบันที่ทางโทโด เฮียวเอ เขาจะต้องเตรียม เราลืมพวกหมอจ่า หมอแมว หรือหมอแลบ ไปได้เลย ความสามารถของดรีมทีมนี้คงต้องเป็นระดับคุณหมอแบล็คแจ๊ค คุณหมอแปลก หรืออย่างน้อยก็ต้องทีมศัลยแพทย์ของช็อกเกอร์ถึงจะเอาอยู่ แต่ให้ตายสิ ถ้าถึงมือทีมหมอระดับเทพที่ผ่าศพฟื้นมาเป็นคนได้ขนาดนี้ ไหงรอยแผลเป็นถึงได้มีคีลอยด์มากมายน่าเกลียดปานนั้น นี่คงเป็นปริศนาที่ต้องให้คินดะอิจิไปตามสืบต่อไป
4. วิดกระยาสาร์ทของ ธงลูกผู้ชาย
ธงโรงเรียนลูกผู้ชายนั้น จากปากคำของ “ข้าคือ เอดาจิม่า เฮย์ฮาจิ ผอ. โรงเรียนลูกผู้ชาย!!!” ธงโรงเรียนนั้นกว้าง 7 เมตร ยาว 10 เมตร น้ำหนักรวมเสาคือ 300 กิโลกรัม สิ่งที่ต้องใช้ยกธงนี้ ไม่ใช่กำลัง แต่เป็นจิตวิญญาณของลูกผู้ชาย!!! ในตำนานของโรงเรียนนี้ เคยมีผู้ท้าทายธงนี้และโดนธงทับกระดูกซี่โครงหักป่านตายคาที่ ไม่ทราบจริงๆว่าโรงเรียนนี้มันไม่โดนปิดได้ยังไง ธงนี้ ได้โบกสะบัดครั้งแรกด้วยลูกผู้ชายนามฮิเดะมาโร่ในศึกระหว่างโมโมทาโร่ กับดาเตะ บนสมรภูมินรกใยแมงมุมเพลิง ในทางวิดกระยาสาร์ท ลูกผู้ชายนามฮิเดะมาโร่นั้น แข็งแกร่งขนาดไหน เรามาดูกัน!!!
สิ่งที่เอดาจิม่าได้กล่าวไว้ว่า สิ่งที่ต้องใช้ยกธง ไม่ใช่กำลัง แต่เป็นจิตวิญญาณของลูกผู้ชาย!!! ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เพราะต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งขนาดไหน ก็ไม่มีวันยกธงนี้โบกสะบัดได้ เนื่องด้วยหลักโมเมนต์
โมเมนต์คือการคูณแรงเข้ากับระยะทางถึงจุดยก ธง 300 กิโลกรัม ความยาวรวมน่าจะร่วม 14 เมตร ระยะ CM ของธงนี้ไม่น่าจะต่ำไปกว่า 10 เมตร คิดเป็นโมเมนต์คือ 300 kg x 9.81 m/s
2 x 10 m = 29,430 N.m หน่วยอ่านว่านิวตั้นเมตร การจะงัดธงนี้ขึ้นได้ จะต้องใช้โมเมนต์ขนาดเดียวกัน แต่ด้วยรูปร่างของฮิเดะมาโร่ที่ตัวเล็กระยะแขนสั้นขนาดความยาวของจุดรับถึงจุดสมดุลเพียงครึ่งเมตร โมเมนต์ขนาด 29,430 N.m จะต้องใช้แรงถึง 58,860 นิวตั้นในการดุลธงเพื่อยกขึ้นมา แรงตรงนี้ เทียบเท่ากับมวลหนัก 6,000 กิโลกรัม ตัวฮิเดะมาโร่นั้น อย่างดี ก็อาจหนักสัก 60 กิโลกรัม ด้วยน้ำหนักนี้ ต่อให้มีพลังมากมายปานไซตามะ ออกแรงไป ตัวเองก็แค่ลอยขึ้นเพราะน้ำหนักถ่วงไม่พอ
การที่ฮิเดะมาโร่สามารถยกธงนี้ได้ เป็นหลักฐานว่า ฮิเดะมาโร่สามารถใช้พลังคลื่นมนตรา เพราะ ฮิเดะมาโร่ใช้แรงยึดระหว่างเท้ากับพื้นดิน แทนการถ่วงด้วยน้ำหนัก ซึ่งเป็นสมบัติพิเศษของวิชา ตัวพลังคลื่นมนตรานั้นมีความสามารถในการสร้างแรงดูดและแรงดีดได้ จึงเป็นจุดจับยึดให้ฮิเดมาโระสามารถงัดเสาธงขนาด 300 กิโลกรัมขึ้นมาได้ทั้งที่ตัวเองแขนก็สั้น ตัวก็เบา ที่สำคัญ พลังคลื่นมนตรานั้นสามารถใช้จับต้องสแตนด์ได้ก็เพราะมันมาจากความเร่าร้อนของจิตวิญญาณลูกผู้ชาย นี่คือคำใบ้ที่เอดาจิม่า เฮฮาจิ ใบ้ไว้ให้อยู่แล้วตั้งแต่ต้น!!! มีแต่ผู้ใช้พลังคลื่นมนตราเท่านั้นที่จะยกธงโรงเรียนลูกผู้ชายได้!!!!!!
อนึ่ง วิชาคลื่นมนตราแม้จะเห็นว่าเผยแพร่มาจากทางยุโรป แต่จริงๆแล้วต้นวิชานั้นมาจากอินเดียโดยอาจารย์เซปเปลี ที่ได้เรียนรู้มนตราจากพราหมณ์และนำมาใช้ต่อสู้กับแวมไพร์ พวกพราหมณ์ได้มีการเดินทางมาที่ญี่ปุ่นเนิ่นนานมาแล้วและเรียกตัวเองเพี้ยนตามสำเนียงญี่ปุ่นว่าสำนักบารามอน ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะพบว่าฮิเดะมาโร่สามารถใช้วิชานี้ได้ทั้งที่ไม่เคยมีประวัติต่อสู้กับแวมไพร์
ติดตามตอนต่อไป ที่นี่
https://ppantip.com/topic/43059361/
วิทยาศาสตร์ของ ขุนพลประจัญบาน!!! ภาค 1
1. วิดกระยาสารทของวิชา โคริวเทนรินฮากิ
สมมุติฐานสำคัญคือ พลองนี้มีใบมีดติดปลาย (ถ้าเป้นพลองกลมๆหรือแบนๆควงให้ตายมันก็ไม่เกิดแรงยกละ) ใบมีดนี้ต้องทำมุมเพื่อกินอากาศให้ไหลลงล่างแบบใบพัด และสมการการบินนี้ เราสามารถใช้การดุลแรงคือ แรงโน้มถ่วง (M.g) จะเท่ากับแรงที่ใช้ผลักอากาศปริมาณ m ลงด้านล่างไปด้วยความเร็ว v หรือ
Mg =v.dm/dt
ในที่นี้ สมมุติพลองของหวังต้าเล้งยาว 2 เมตร (รัศมีการหมุน 1 เมตร) ติดใบมีดยาว 30 ซม และมีระยะการกินลม 5 ซม การควงพลอง 1 รอบ จะทำให้อากาศไหลลงข้างล่างได้ 216 ลิตรโดยประมาณ ให้อากาศมี ถพ 1 กิโลต่อลบม เราสามารถคำนวณหาความเร็วการควงที่จะทำให้พจน์แรงจากโมเมนตั้มของลมได้สมดุลกับแรงโน้มถ่วงที่การควง 178 RPS หรือ 10,680 RPM มือของหวังต้าเล้งจะต้องวาดอยู่เหนือหัวตัวเองด้วยความเร็วมัค 1.5 -2 เพื่อที่จะเริ่มบินขึ้นได้
สำหรับบุคคลทั่วไปที่จะฝึกจนบินได้อย่างหวังต้าเล้ง สามารถไปฝึกที่แซงค์จูรี่โดยตั้งเป้าไว้ที่ระดับซิลเวอร์เซนต์เป็นอย่างน้อย
2. วิดกระยาสารทของวิชา บัตโตมัน
ตามหลักวิชาที่อ้างอิงโดยไร้สาระนุกรม มินเมย์ วิชาบัตโตมันเป็นการร่อน ไม่ใช่การบินโดยตรง เพราะโดยโครงสร้างของมนุษย์แล้ว มวลกระดูกของเราหนาและหนักเกินไปที่จะสร้างแรงกระพือด้วยปีกจนเกิดการบินได้ มนุษย์จึงต้องสร้างปีกจากวัสดุมวลเบาและใช้ระบบทดแรงจากแขนขาออกมาเป็นเครื่องบินแรงมนุษย์ การบินด้วยแรงมนุษย์ครั้งแรกทำโดยท่านจอมยุทธ์ดิเรก พิโกโร่ ในปีโชวะที่ 31 โดยเหินฟ้าได้เป็นระยะทางถึง 1.3 ลี้ ด้วยการถ่ายเทพลังวัตรจากแขนขาสู่กังหันวงจักรในการขับเคลื่อน แต่วิชาบัตโตมันนั้น อาศัยการเพิ่มของพื้นที่ผิวในการลด Terminal Velocity ทำให้เพียงกระแสลมจากหุบเขาสามารถสร้างแรงยกให้ผู้ใช้เหินหาวได้ ในทางฟิสิกส์ ด้วยพื้นที่ปีก 2.5 ตารางเมตร และสัมประสิทธิ์แรงฉุดของอากาศที่ 1.7 (ค่าสัมประสิทธิ์ของชุดวิงสูท จะอยู่ประมาณนี้) กระแสลมเพียง 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็เพียงพอจะทำให้จอมยุทธนั้นสามารถเหินฟ้าเพิ่มเพดานบินและดิ่งลงโจมตีเหยื่อที่คืบคลานบนภาคพื้น หึ ถ้าเจ้าขี้เก๊กหน้ามนฮิเอนไม่โชคดีผูกสัมพันธ์กับนกไว้ก่อนละก็ ป่านนี้โดนส่งล่วงหน้าไปพบท่านพญายมแล้ว
การเคลื่อนไหวของวิชาบัตโตมันนั้นเป็นวิทยาศาสตร์ที่สามารถอธิบายได้ด้วยฟิสิกส์ของการร่อน เปลี่ยนพลังงานศักย์ (ความสูง) ออกมาเป็นความเร็ว และอาศัยการปรับมุมของมือที่บังคับปีกในการเปลี่ยนทิศทาง ดังนั้น จึงเป็นวิชาที่มีความเหมาะสมกับเมืองก็อตแธม ที่มีตึกระฟ้ามากพอจะสร้างปรากฎการณ์ลมหุบเขาจำลอง และถ้าช่วงที่ลมไม่มี ก็ยังอาศัยลิฟท์ในการเดินทางไปชั้นดาดฟ้าและร่อนลงมาปราบปรามเหล่าร้ายได้โดยสะดวก
3. วิดกระยาสารทของ ... โตโด เคียวเอ คืนชีพ
ต่อมาคือเรื่องของระบบประสาท การเชื่อมต่อระบบประสาททำได้ในกรณีของประสาทส่วนปลายที่มีการเติบโตทดแทน ระบบประสาทส่วนกลางนั้นไม่มีการเติบโตเชื่อมต่อ แค่การบาดเจ็บ เกิดเนื้อเยื่อเข้ามาหุ้มบล็อกเส้นทางประสาทก็อัมพาตถาวรแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางเป็นไปได้เสียทีเดียว การจะเชื่อมต่อเส้นประสาทส่วนกลาง อาจมีความเป็นไปได้ด้วยการใช้เทคโนโลยีสเตมเซลล์เข้ามาเชื่อมต่อทดแทน ทำให้เส้นประสาทส่วนกลางที่ชำรุดสามารถเชื่อมต่อสื่อสารกันได้อีกครั้ง
สำหรับทีมหมอยุคปัจจุบันที่ทางโทโด เฮียวเอ เขาจะต้องเตรียม เราลืมพวกหมอจ่า หมอแมว หรือหมอแลบ ไปได้เลย ความสามารถของดรีมทีมนี้คงต้องเป็นระดับคุณหมอแบล็คแจ๊ค คุณหมอแปลก หรืออย่างน้อยก็ต้องทีมศัลยแพทย์ของช็อกเกอร์ถึงจะเอาอยู่ แต่ให้ตายสิ ถ้าถึงมือทีมหมอระดับเทพที่ผ่าศพฟื้นมาเป็นคนได้ขนาดนี้ ไหงรอยแผลเป็นถึงได้มีคีลอยด์มากมายน่าเกลียดปานนั้น นี่คงเป็นปริศนาที่ต้องให้คินดะอิจิไปตามสืบต่อไป
4. วิดกระยาสาร์ทของ ธงลูกผู้ชาย
โมเมนต์คือการคูณแรงเข้ากับระยะทางถึงจุดยก ธง 300 กิโลกรัม ความยาวรวมน่าจะร่วม 14 เมตร ระยะ CM ของธงนี้ไม่น่าจะต่ำไปกว่า 10 เมตร คิดเป็นโมเมนต์คือ 300 kg x 9.81 m/s2 x 10 m = 29,430 N.m หน่วยอ่านว่านิวตั้นเมตร การจะงัดธงนี้ขึ้นได้ จะต้องใช้โมเมนต์ขนาดเดียวกัน แต่ด้วยรูปร่างของฮิเดะมาโร่ที่ตัวเล็กระยะแขนสั้นขนาดความยาวของจุดรับถึงจุดสมดุลเพียงครึ่งเมตร โมเมนต์ขนาด 29,430 N.m จะต้องใช้แรงถึง 58,860 นิวตั้นในการดุลธงเพื่อยกขึ้นมา แรงตรงนี้ เทียบเท่ากับมวลหนัก 6,000 กิโลกรัม ตัวฮิเดะมาโร่นั้น อย่างดี ก็อาจหนักสัก 60 กิโลกรัม ด้วยน้ำหนักนี้ ต่อให้มีพลังมากมายปานไซตามะ ออกแรงไป ตัวเองก็แค่ลอยขึ้นเพราะน้ำหนักถ่วงไม่พอ
การที่ฮิเดะมาโร่สามารถยกธงนี้ได้ เป็นหลักฐานว่า ฮิเดะมาโร่สามารถใช้พลังคลื่นมนตรา เพราะ ฮิเดะมาโร่ใช้แรงยึดระหว่างเท้ากับพื้นดิน แทนการถ่วงด้วยน้ำหนัก ซึ่งเป็นสมบัติพิเศษของวิชา ตัวพลังคลื่นมนตรานั้นมีความสามารถในการสร้างแรงดูดและแรงดีดได้ จึงเป็นจุดจับยึดให้ฮิเดมาโระสามารถงัดเสาธงขนาด 300 กิโลกรัมขึ้นมาได้ทั้งที่ตัวเองแขนก็สั้น ตัวก็เบา ที่สำคัญ พลังคลื่นมนตรานั้นสามารถใช้จับต้องสแตนด์ได้ก็เพราะมันมาจากความเร่าร้อนของจิตวิญญาณลูกผู้ชาย นี่คือคำใบ้ที่เอดาจิม่า เฮฮาจิ ใบ้ไว้ให้อยู่แล้วตั้งแต่ต้น!!! มีแต่ผู้ใช้พลังคลื่นมนตราเท่านั้นที่จะยกธงโรงเรียนลูกผู้ชายได้!!!!!!
อนึ่ง วิชาคลื่นมนตราแม้จะเห็นว่าเผยแพร่มาจากทางยุโรป แต่จริงๆแล้วต้นวิชานั้นมาจากอินเดียโดยอาจารย์เซปเปลี ที่ได้เรียนรู้มนตราจากพราหมณ์และนำมาใช้ต่อสู้กับแวมไพร์ พวกพราหมณ์ได้มีการเดินทางมาที่ญี่ปุ่นเนิ่นนานมาแล้วและเรียกตัวเองเพี้ยนตามสำเนียงญี่ปุ่นว่าสำนักบารามอน ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะพบว่าฮิเดะมาโร่สามารถใช้วิชานี้ได้ทั้งที่ไม่เคยมีประวัติต่อสู้กับแวมไพร์
ติดตามตอนต่อไป ที่นี่ https://ppantip.com/topic/43059361/