บอกล่วงหน้านะคะที่หนูมาเล่าเรื่องนี้เพียงแค่หนูมาระบายและต้องความคิดเห็นคำแนะนำจากพี่ๆน้องๆเท่านั้น อย่าด่าว่าพ่อหนูนะคะหนูก็รักพ่อหนูค่ะไม่ใช่ว่าพ่อหนูไม่ดีทั้งหมด
คนที่สมัยวัยรุ่นเกเรหนูคิดว่าโตขึ้นจะมีวิธีเลี้ยงลูกอยู่2แบบคือ 1.เข้าใจลูกได้ดีเพราะเคยผ่านมาแล้ว 2.ปิดกั้นทุกอย่างเพื่อไม่ให้ลูกเป็นแบบตัวเอง นั่นแหละค่ะพ่อหนูเป็นแบบที่2
หนูเป็นเด็กอายุ13คนนึงที่มีความต้องการเหมือนเด็กธรรมดาทั่วๆไป หนูบอกพ่อว่าอยากไปดูคอนเสิร์ต พ่อบอกว่า อยากอะไรก็ไม่ใช่ว่าจะได้เสมอไป อายุแค่นี้อยากอะไรให้เหมาะสมหน่อย ถ้าเป็นแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากสก๊อย อีกอย่างคนมันเยอะเดี๋ยวก็ตีกันคนมันไม่บอกนะว่าจะตีกันตอนไหน
สถานที่เป็นสถานที่ของคนใหญ่คนโตซึ่งไม่ค่อยมีใครกล้าตีกัน และด้วยอีกเสียงของเพื่อนหนูที่บอกว่าไปแล้วไม่มีใครตีกัน เลยเถียงพ่อไปว่าไม่มีใครกล้าตีกันหรอก พ่อก็ตอบว่า ให้แม่เอ็งบอกสิ้ (ท้าวความก่อนนะคะแม่หนูก็ค่อนข้างเข้าใจหนูอยู่บ้าง แต่ทำอะไรไม่ได้ค่ะ พ่อเป็นเหมือนเสียงหลักในบ้านแม่ทำอะไรไม่ค่อยได้จะโดนว่าไปด้วย พ่อเลี้ยงหนูแบบด่าคำหยาบตี แต่ไม่ได้ทารุณหรืออะไรตามพวกในข่าวนะคะ แค่สอนโดยการตีเพราะเขาหัวโบราณ)
แม่ก็ตอบว่าคนมันเยอะลูก หนูก็เลยตอบว่าแล้วอีกกี่ปีจะได้ไป (ศิลปินเค้าก็วัยกลางคนแล้วอ่ะค่ะกว่าหนูจะโตจะ20เขาคงหยุดคอนเสิร์ตพอดี หนูคิดว่ามันเสียโอกาสมากๆ) พ่อก็ตอบตามที่เล่าไปตอนแรกนี่แหละค่ะ
หนูก็เข้าใจทุกอย่างนะคะว่าควรคิดควรทำแบบไหนแต่บางครั้งก็มีคำถามเต็มหัวทุกครั้งว่าทำไมหนูไม่มีแบบเพื่อน ทำไมเพื่อนเขาทำได้ ทำไมพ่อแม่เพื่อนเข้าใจบลาๆ พ่อกับแม่หนูไม่พร้อมด้านการเงินด้วยแหละค่ะ แต่หนูเข้าใจด้านนี้แต่อยากให้เข้าใจและซัพพอร์์์ตหนูแบบคนอื่นๆบ้าง บางครั้งหนูก็ได้แค่คิดปลอบใจตัวเองในสิ่งถูกต้อง แต่บางทีก็หาทางออกหาคำตอบไม่เจอ
**แต่ทั้งหมดทั้งมวลเขาก็หวังดีแหละค่ะแค่ผิดวิธี ยังไงให้คำแนะนำแสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพนะคะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจนจบค่ะ😊**
คิดยังไงกับพ่อที่หวงลูกมากๆ ไม่ให้ลูกไปคอนเสิร์ต
คนที่สมัยวัยรุ่นเกเรหนูคิดว่าโตขึ้นจะมีวิธีเลี้ยงลูกอยู่2แบบคือ 1.เข้าใจลูกได้ดีเพราะเคยผ่านมาแล้ว 2.ปิดกั้นทุกอย่างเพื่อไม่ให้ลูกเป็นแบบตัวเอง นั่นแหละค่ะพ่อหนูเป็นแบบที่2
หนูเป็นเด็กอายุ13คนนึงที่มีความต้องการเหมือนเด็กธรรมดาทั่วๆไป หนูบอกพ่อว่าอยากไปดูคอนเสิร์ต พ่อบอกว่า อยากอะไรก็ไม่ใช่ว่าจะได้เสมอไป อายุแค่นี้อยากอะไรให้เหมาะสมหน่อย ถ้าเป็นแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากสก๊อย อีกอย่างคนมันเยอะเดี๋ยวก็ตีกันคนมันไม่บอกนะว่าจะตีกันตอนไหน
สถานที่เป็นสถานที่ของคนใหญ่คนโตซึ่งไม่ค่อยมีใครกล้าตีกัน และด้วยอีกเสียงของเพื่อนหนูที่บอกว่าไปแล้วไม่มีใครตีกัน เลยเถียงพ่อไปว่าไม่มีใครกล้าตีกันหรอก พ่อก็ตอบว่า ให้แม่เอ็งบอกสิ้ (ท้าวความก่อนนะคะแม่หนูก็ค่อนข้างเข้าใจหนูอยู่บ้าง แต่ทำอะไรไม่ได้ค่ะ พ่อเป็นเหมือนเสียงหลักในบ้านแม่ทำอะไรไม่ค่อยได้จะโดนว่าไปด้วย พ่อเลี้ยงหนูแบบด่าคำหยาบตี แต่ไม่ได้ทารุณหรืออะไรตามพวกในข่าวนะคะ แค่สอนโดยการตีเพราะเขาหัวโบราณ)
แม่ก็ตอบว่าคนมันเยอะลูก หนูก็เลยตอบว่าแล้วอีกกี่ปีจะได้ไป (ศิลปินเค้าก็วัยกลางคนแล้วอ่ะค่ะกว่าหนูจะโตจะ20เขาคงหยุดคอนเสิร์ตพอดี หนูคิดว่ามันเสียโอกาสมากๆ) พ่อก็ตอบตามที่เล่าไปตอนแรกนี่แหละค่ะ
หนูก็เข้าใจทุกอย่างนะคะว่าควรคิดควรทำแบบไหนแต่บางครั้งก็มีคำถามเต็มหัวทุกครั้งว่าทำไมหนูไม่มีแบบเพื่อน ทำไมเพื่อนเขาทำได้ ทำไมพ่อแม่เพื่อนเข้าใจบลาๆ พ่อกับแม่หนูไม่พร้อมด้านการเงินด้วยแหละค่ะ แต่หนูเข้าใจด้านนี้แต่อยากให้เข้าใจและซัพพอร์์์ตหนูแบบคนอื่นๆบ้าง บางครั้งหนูก็ได้แค่คิดปลอบใจตัวเองในสิ่งถูกต้อง แต่บางทีก็หาทางออกหาคำตอบไม่เจอ
**แต่ทั้งหมดทั้งมวลเขาก็หวังดีแหละค่ะแค่ผิดวิธี ยังไงให้คำแนะนำแสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพนะคะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจนจบค่ะ😊**