เที่ยวนอร์เวย์ Tromso Lofoten Bergen เกือบๆจะเป็นชะโงกทัวร์ บางแห่ง

ทริปนี้เป็นทริปกระทันหัน พี่สาวกับพี่เขยบอกล่วงหน้าไว้นานล่ะว่าจะไปกันสองคน แต่ไม่ได้บอกว่าจะไปเมื่อไร    แล้วจู่ๆ คืนวันที่ 24 กย. พี่สาวก็ส่งไลน์มาว่าจะไปเที่ยว นอร์เวย์วันที่ 4 ตุลา.  ด้วยความที่เราอยากไปมาก ก็ส่งข้อความขอไปด้วย บอกว่าถ้าไม่ได้ไปด้วยครั้งนี้ ก็คงไม่มีโอกาสได้ไป เพราะไม่มีใครจะไปด้วย  แอบร้องไห้กระซิกๆ นี่น้องเพี้ยนเองทำไม ไม่ให้ไป  พอตอนเช้าพี่สาวก็ส่งไลน์มาอีกตอบกลับข้อความเราว่า อย่าไปเลยนะ  ไว้ค่อยไปกันเอง  เวลามันสั้น แพลนลำบาก (ไม่ได้ไปไฟล์ทเดียวกัน )  แล้วต้องต่อเครื่องภายใน  คุยไปหาเหตุผลลบล้างที่พี่สาวจะไม่ให้ไปเรื่อย  จนพี่สาวให้เราดูราคาตั๋วว่าไปลงออสโลเท่าไร  สามหมื่นกว่า ไม่ถึงพัน กับตั๋วภายใน ออสโล ทรุมเซอ (ตอนดูไปกลับหกพันกว่าแต่ตอนซื้อ หมื่นนิดๆ) 

พอพี่สาวโอเคปั๊ป เราก็บอกเดี๋ยวไปหา  จะได้ให้พี่ช่วยดูเรื่องตั๋วภายในว่ากี่โมง จะได้ไฟลท์ไม่ต่างกันมาก (แต่สรุปเราได้ไฟล์ทภายในดึกเลย กว่าจะไปถึงทรุมเซอ สี่ทุ่มกว่า เครื่องลงที่ออสโล สองโมงกว่า ไฟล์ทก่อนหน้านี้มี ห้าโมงกว่า เรากลัวว่าถ้าเครื่องดีเลย์ หรือกระเป๋าช้า  เราจะต่อเครื่องไม่ทัน แถวเวลาห้าโมงกว่าราคาแพงกว่าเกือบสี่พัน)

ทริปนี้เป็นทริปแรกที่เดินทางคนเดียว เพื่อจะไปเจอพี่สาว  ถ้าเป็นสมัยก่อนก็จะมีคนโน้น คนนี้นั่งเครื่องเดียวกัน  ภาษาก็ไม่ค่อยได้ แต่มีเพื่อนเดินทาง  ครั้งนี้ภาษาค่อยกล้าพูดขึ้นบ้างนิดหน่อย แต่ยังฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง จับใจความไม่ได้  แต่มีแอปแปลภาษาเป็นเพื่อน ซื้ออินเตอร์เน็ตไว้ตั้งแต่แรก เพราะเื่อ ตอนไปถึงทรุมเซอ ต้องนั่งรถเมล์ต่อ แล้วเดินไปบ้านพัก กลัวพลาดตรงนี้ ไม่งั้นคงไม่ซื้อ ขอใช้ของพี่สาว หรือพี่เขยได้  (ส่วนใหญ่ไปซื้อเอาที่โน่น นิยมของราคาไม่แรง 😅) และเราเป็นคนเมารถ นั่งรถ ไม่เล่นมือถือ  ใช้ตอนถึงที่พัก  แต่ครั้งนี้ซื้อมาห้ากิ๊ก  เราก็ใช้ตอนเดินเที่ยวโพสต์รูป ลงไลน์ ลงเฟส อวดรูปพี่ น้อง ญาติ และเพื่อน วันละสามสี่รอบ  ไม่ได้เช็คดูว่าใช้ไทั้งหมดกี่กิ๊ก เพราะตอนเที่ยวไปสิบวน เพิ่งใช้ไม่ถึงสองกิ๊ก

ซิมที่ซื้อครั้งนี้เป็นของซิมซามูไร 5กิ๊ก 15วัน ราคาห้าร้อยต้นๆ (ซื้อจากน้งลาสมีคูปองส่วนลด)  อ่านรีวิวแล้วโอเค  แต่วันที่เราไปถึงออสโล นั่งทำไปสามชั่วโมง สัญญาณไม่ขึ้น คุยไลน์กับเจ้าหน้าที่ตลอด ตั้งแต่การใส่ซิม การตั้งค่า apn เราทำถูกหมดทุกอย่างแล้วก็ยังใช้ไม่ได้ ใช้โทรศัพท์แอนดรอย์  จนเมื่อย ขอลองเปลี่ยนใส่ไอแพดบ้าง ก็ไม่มีสัญญาณ 4g หรือ5g ขึ้นมาให้เห็น ทางเจ้าหน้าที่เลยขอเลขซิม ไปแล้วให้ทางต้นสังกัดรีสัญญาณให้ใหม่  แป๊ปเดียวขึ้น 5gมาเลย  เจ้าหน้าที่บริการดีมาก ตอนเริ่มคุยก็คงสามทุ่มที่ไทย กว่าจะเสร็จน่าจะเกินเวลาเลิกงานห้าทุ่ม  ก็ขอชมตรงนี้เลยนะคะว่าช่วยแก้ปัญหาจนใช้ได้ (โชคดีที่เรามีเวลารอต่อเครื่องหลายชั่วโมงด้วย)  

เสื้อผ้าสำหรับเที่ยวหน้าหนาว ครั้งสุดท้ายปี 19 ไปเที่ยวหนาวกว่าที่ผ่านๆมา เลยมีเสื้อ กางเกง ถุงท้า แบบใส่อุ่นอยู่หลายตัว  ขุดออกมาซัก  รองเท้าพังไปแล้วตอนเที่ยวครั้งที่แล้ว ก็ใช้รองเท้าที่ใช้อยู่ไป ไม่ได้ซื้อของใช้ใม่เลย  ถุงมือเก่าหยิบออกมาเป็นผงๆ แหะๆ  เลยขอของพี่สาว พอไปถึง ก็เป็นผงๆเหมือนกัน แต่ใช้ได้อยู่ ข้างในยังดีทุกอย่าง😁

กระเป๋าเดินทาง ครั้งนี้จากกระเป๋าขนาด 24"  เปลี่ยนเป็นใช้ 2 ใบ ใบ ขนาด20"  (ไซด์เอาขึ้นเครื่องได้ แต่เราโหลด) กับเป้เดินทางขนาด 30ลิตร (ใสของใช่เล็กน้อย  กับเสื้อหนาวตัวหนา) กางเกงสามตัว  เสื้อยืดสี่ตัว เสื้อหนาวสองชั้นหนึ่งตัว เสื้อยีนส์หนึ่งตัว  แล้วก็ชุดส่วนตัว  เคยเอาไปเยอะๆ แล้วไม่ได้ใช้  ครั้งนี้เลยทดสอบดูว่าพอไหม (เช่าที่พักเกือบทุกที่ มีเครื่องซักผ้านะคะ  ส่วนครัวมีทุกที่ )  ติดของแห้งไปเยอะกว่าตอนไปเที่ยวหนึ่งเดือนอีก  

แต่ละครั้งที่ไป ตปท ส่วนใหญพวกเราจะทำกินกันเอง  เดินซุปเปอร์มาเก็ต ซื้อของไปทำ และก็จะเห็นหลายที่มีข้าวห่อสาหร่ายขาย  ครั้งนี้เราเลยติดสาหร่ายที่เหลือในตู้เย็นไปด้วย  ดีต่อใจ อร่อยได้หลายมื้อเลย (ส่วนใหญ่ทำไปกินระหว่างทาง กินง่ายดี)

ออกเดินทางตอน สามทุ่ม คืนวันที่สาม ไฟลท์พี่สาวเที่ยงคืนกว่า
วันที่ 4  วันแรก ไปถึงออสโลเช้าเครื่องบินตรง   ของเราไปตีสองกว่า แวะพัก สองเกือบสาม ชั่วโมงไปถึงออสโล บ่ายสอง (แต่ราคาดี) รวมเวลารอต่อเครื่องภายใน กับเดินทางอีก รวมๆ 25-26ชั่วโมง

ไปถึงทรุมเซอ สามทุ่มกว่าเอากระเป๋าออกมากำลังเดินไปป้ายรถเมล์  พี่เขยส่งไลน์มาว่ารถมา 22.05 เราก็ถึงป้ายพอดีตั๋วก็ยังไม่ได้ซื้อ รถก็จอดแล้วมีคนขึ้น ยืนลีลาอยู่จนคนขึ้นไปหมด คนขับก็ถามว่าจะไปไหม(เราเดาเอาว่าเขาถามแบบนี้นะ 555) เราก็ขึ้นรถไป แบบกระหืดกระหอบ เป้อยู่ที่หลัง กระเป๋าใบเล็ก สิบกิโลหน่อยๆ ยกง่าย แต่วิ่งมา  เราเตรียมบัตรเดบิตไว้กับมือตั้งแต่เดินออกจากสนามบิน เพราะต้องมาซื้อที่ป้าย แต่รถมาก่อนเลยไม่ได้ซื้อ  ยื่นบัตรให้คนขับ ส่ายหัวค่ะ บอก no card  cash  เงินสดเรา็ไม่มี ก็ยืนอึ้งอยู่  คนขับก็ไม่เปิดประตูให้ลงนะคะ บอเราให้ slow down ๆ คนขับคงกลัวเราหายใจไม่ทัน  เราก็ยืนเกาะอยู่หน้ารถ รถออกแล้วคนขับบอกให้ไปนั่ง  เราก็เรานั่งเบาะหน้าสุด (ความคิดตอนนั้น คือเดี๋ยวคงมีป้ายไหนสักป้ายที่มีที่ขายตั๋วคนขับคงให้เราลงกด)  นั่งไปก็ค่อยๆผ่อนลมหายใจ เริ่มรู้สึกว่าหายใจรัว ตื่นเต้นเกินไป  พี่ก็ส่งข้อความให้คอยดูที่จอหน้ารถ  เดี๋ยวเกินแล้วเดินไกล  แต่เรานั่งหน้าสุดไม่เห็นจอ เราเลยยื่นโทรศัพท์ให้คนขับดูป้ายที่เราลง คนขับพยักหน้า เราก็สบายใจล่ะ  พอถึงป้ายมีคนอื่นลง แต่เรายังนั่งอยู่คนขับก็บอกป้ายนี้ให้ลง  เราก็ยกบัตรเดรบิตที่จะจ่ายค่ารถให้คนขับอีกที  เพราะไม่รู้จะภามยังไง แต่คนขับตอบมาว่า โอเค  และยิ้มมาให้  สรุป เราขึ้นรถเมล์ฟรี  ได้แต่ thank youไปหลายรอบ คนขับก็ยิ้มแล้ว บ๊ายบายมา  

ก็โทรหาพี่เขย เพราะพี่สาวบอกนอนแล้ว  ไม่คุย  พี่เขยก็เดินออกมารับ  พี่สาวยังสั่งไว้ก่อนนอน ในตู้เย็นมีกุ้ง มีบล็อก เคอรี่ ขนมปัง เผื่อหิว  แต่ง่วง  เบลอมาก อาบน้ำ สระผมนอน
สนามบินสุวรรณภูมิ - สนามบินฮะมัด(สะกดตามวิกิพีเดีย)- สนามบินออสโล การ์เดอร์มอน สนามบิน Tromso(ทรุมเซอ)

วันที่ 5 ตุลา วันที่สอง
เช้าตื่นขึ้นมาก็เดินไปรับรถที่เช่าไว้  ครั้งนี้พี่สาวบอกว่าพี่เขยจะลองใช้รถไฟฟ้าดู  รอบๆที่ไปรับรถเช่า

จาทรุมเซอ ขับลงไป  Lofoten (โลโฟเทน) 7ชั่วโมงกว่า  แต่เราไปได้ไปรวดเดียวนะคะ ที่พักคืนแรก Gibostad ห่างจาก tromso สามชั่โมง. แต่ขับไปแวะตลอดทาง เริ่ม ออกเดินทาง 10 โมงเช้า  ถึงที่พัก 5โมงเย็น

วิวดีงาม  ระหว่างทาง



ถึงที่พัก ้าโมงนิดๆ  วิวกำลังสวยเลย พระาทิตย์ยังไม่ตก ฝนหยุดตกพอดี ถ่ายจากตรงที่จอกรถ

จากระเบียงบ้าน

บอกเจ้าของที่พักไว้ ถ้ามีแสงเหนือให้เรียกด้วย เจ้าของที่พักบอกก่อนหน้าเรามาสองคืนมีให้เห็น เราก็มีลุ้นล่ะ แต่เมฆเยอะมาก
เจ้าของมาเคาะเรียกตอนสามทุ่มกว่า  มีน้อยนิด ต้องมองลึกๆหน่อยนะคะ  มีเราเอามือถือมาถ่ายคนเดียว พี่สาวไม่กลงมา พี่เขยก็ไม่ได้ถ่าย
มีให้เห็นแค่นี้แล้วก็หายไป  มองด้วตาเปล่าจะเห็นแสงขาวๆ พอถ่ายรูปเห็นออกเขียวๆ
วันที่ 6 ตุลา วันที่สาม
วิวหน้าที่พักตอนเช้าค่ะ ที่มองเมื่อคืนเห็นแสงเหนือ  บ้านพักเป็นฟาร์มเลี้ยงแพะ เลี้ยงไก่ ปลูกพืช
ในบ้านที่พัก  ครัวใหญ่  หนึ่งห้องนอน ห้องครัวกับห้องรับแขก มีโซฟาเบด
หน้าบ้านเป็นทิศตะวันออกพอดี ได้ดูพระอาทิตย์ขึ้น
เดินเข้าไในฟาร์มค่ะ เจอน้องมอลลี่ ตอนแรกมันก็ไม่สนเราเท่าไร พอรู้ชื่อเรียกก็เดินตามมาค่ะ
ห้องสำหรับพบปะ กับพี่น้อง เพื่อนบ้านของเจ้าของบ้าน   อยู่ริมทะเล  บอกว่าห้องนี้มีอายุหลายร้อยปีแล้ว

เดินไปถ่ายรูปไกลๆ  เห็นฝูงพะกำลังเดินมาเลยย้อนกลับมา
น้องแพะก็เชื่อนะคะ  เดินเข้ามาหา เลย แล้วเลี้ยวไปตรงต้นไม้ พอเราไม่เดินตามไป ก็มีหยุดรอ หันมาเรียกด้วย
ออกจากที่พัก ก็เกือบสิบเอ็ดโมง   คืนนี้พักนาร์วิค ใช้เวลาสองชั่วโมงกว่า  แต่แวะจุดสวย จุดชมวิว  และห้องน้ำตลอดทาง 

แวะชาร์จไฟรถ  ตรงนี้วิวสวย อากาศเย็นแบบพอไหว เลยเอาอาหารลงไปนั่งกิน เที่ยงกว่า  ระหว่างรอชาร์จ
ข้าวห่อมื้อที่สอง  มื้อแรก พี่สาวขโมยรูปไปโพสต์เฟสบุคแล้ว เพื่อนๆในเฟสชมกันว่าเก่งทุกอย่าง  แต่ข้าวห่อ เราทำนะ  เพี้ยนกินกล้วยเพี้ยนเซ็งเป็ดเพี้ยนขำหนักมากมีอะไรเหลือจากมื้อเย็นเราก็ใส่ลงไป  มีไส้น้ำพริกหมูฝอยด้วย พี่สาวบอกให้ทำให้เจ้าของบ้านสองอัน  ชมมาว่าอร่อย

ชารไฟได้80% ก็ไปเที่ยวต่อค่ะ
Skaland ใน Senja  


มุมนี้จากลานจอดรถ
Tungeneset Senja. เดินเล่นอยูพักใหญ่ แล้วก็ต้องรีบเดินทางต่อ

วิวรหว่างทาง ไม่ได้จอดรถ

ถึงบ้านค่ำ แวะ ซุปเปอร์  ซื้อพิซซ่า  หิวจัด ขี้เกียจทำอาาร




แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่