เที่ยวน่าน...แบบไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้มา


วันที่ 1 (30 กันยายน 2024)

    ทริปนี้เป็นทริปที่ไม่คิดว่าจะได้มาแล้วก็ไม่คิดว่าน่านจะเป็นจังหวัดที่น่ารักแบบนี้ เอาจริงๆก็ทำให้ผมหายคิดถึงการไปเที่ยวญี่ปุ่นได้เหมือนกัน เพราะผมไปญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็ไปเสพธรรมชาติ ป่า เขา แม่น้ำอยู่แล้วไม่ค่อยได้อยู่ในเมืองครับ ผมเริ่มเดินทางจากบ้านที่ตำบลแม่ขะจาน เชียงรายไปขึ้นรถที่เชียงใหม่แต่เช้ามืด รถเชียงใหม่-พะเยา-น่านไม่วิ่งช่วงนี้เพราะสะพานขาดไม่ทราบว่าจะซ่อมเสร็จเมื่อไหร่ ก็เลยต้องอ้อมไปจากเชียงใหม่-ลำปาง-แพร่-น่าน แทนครับ ที่พักคืนแรกผมและคณะตกลงกันว่าเราจะไปค้างคืนที่หมู่บ้านสะปันแล้วก็ขับรถเที่ยวระหว่างทางเอาแต่ก่อนหน้านั้นผมต้องมาเที่ยวคนเดียวก่อนวันนึงเพราะคณะทัวร์อีก 3 คนจะนั่งเครื่องมาจากกทม. ถึงน่านเช้าวันที่ 1 ตุลาครับ หลังจากการเดินทางอันยาวนานจากแม่ขะจานสู่เชียงใหม่-ลำปาง-แพร่-น่านแล้ว ลงจากรถบ่าย 2 เป๊ะๆหิวมากครับเพราะไม่มีข้าวเที่ยงบนรถ ข้าวมื้อแรกเป็นร้านข้าวหน้าเป็ดแถวๆสถานีขนส่งเลยโรงแรมที่จองไว้ก็อยู่แถวๆนี้ เดินทางสะดวกครับ

ข้าวมื้อแรกของทริปนี้ หิวสุดๆกินเร็วจนไม่รู้ว่าอร่อยรึเปล่า

ห้องพักกว้างขวางดี สาธารณูปโภคครบครัน มีฟิตเนส มีสระว่ายน้ำด้วยแต่ผมไม่ได้ใช้บริการซักอย่างครับ
พักในห้องแป๊บนึงฝนก็เทลงมาทันทีอากาศร้อนๆกลายเป็นเย็นชุ่มฉ่ำไปเลย พอฝนหยุดก็ได้เวลาออกไปเดินเที่ยว...

ศาลหลักเมืองที่นี่สีขาวทั้งหลัง สวยงามดีครับ ถ่ายแค่รอบนอกนี่เองไม่ได้เดินเข้าไปข้างใน

ทริปไหนที่เราไปแล้วไม่มีแมวก็เหมือนเราไม่ได้ไป

วัดพระธาตุช้างค้ำอยู่ตรงข้ามวัดภูมินทร์ โดดเด่น ใหญ่กว่ามากเลยครับ (แต่ไม่ได้เข้าไปครับ)

วัดภูมินทร์จุดหมายหลักสำหรับวันนี้ มาดูภาพวาดฝาผนังที่มีชื่อของที่นี่ครับ ด้านในอุโบสถมีการซ่อมบำรุงพระพุทธรูปอยู่อาจจะถ่ายรูปยากหน่อย

รูปภาพ "ปู่ม่านย่าม่าน" เก่ามากครับ แต่ก็มีสเน่ห์ดี

ครูบาศรีวิชัยที่รักและเคารพของชาวเหนือ ไปที่ไหนก็เจอครับ

ข้างในอุโบสถมีจิตรกรรม ข้างนอกก็มีรูปปั้นให้ชมครับ

หลังจากเดินชมวัดภูมินทร์จนอิ่มใจแล้ว ท้องก็หิวอีกครั้ง ฝนตกพรำๆตลอดทาง ร้านค้าส่วนใหญ่ปิด นักท่องเที่ยวก็น้อยเลยตกลงใจแวะร้านนี้ครับ

ข้าวไข่ระเบิดต้มยำปลาหมึก 63 บาทถ้วนๆ อร่อยดีครับแต่คิดว่ากินมากๆจะเลี่ยนเอาได้

ขนมโตเกียว 1 ชุดมี 4 ชิ้น 40 บาท(ไม่มีฮอทดอกตรงกลางด้วย) แพงเอาเรื่องเหมือนกัน

    ออกเดินจากที่พักไป-กลับวัดภูมินทร์ ได้ระยะทางราวๆ 4 กิโลเมตรครับ เดินเรื่อยๆชิลๆมีฝนปรอยๆ ชุ่มฉ่ำ ราวๆหกโมงกว่าก็ถึงที่พักเป็นอันจบการเดินเที่ยวของวันนี้ การเที่ยวของวันที่ 2 จะเช่ารถขับขึ้นไปหมู่บ้านสะปันที่อำเภอบ่อเกลือครับ 

วันที่ 2 (1 ตุลาคม 2024)
   
   เช้านี้ผมตื่นราวๆ 6 โมงครึ่งคุยกับแฟนช่วงก่อนขึ้นเครื่อง นัดแนะการมารับกันเรียบร้อยโดยที่แฟนผมแล้วก็-น้องสาวกับแฟนเขา จะขึ้นเครื่องมาน่านตอน 7 โมง เครื่องจะลงที่สนามบินน่านนครประมาณ 8 โมงครึ่งหลังจากออกจากสนามบินก็จะเช่ารถที่จองไว้ แล้วขับเข้ามารับผมที่โรงแรมครับ จากนั้นเราจะเดินทางไปอำเภอบ่อเกลือโดยระหว่างทางเราจะแวะ ไร่ปางแกะ ณ กิ่วม่วง, ถนนหมายเลขสาม, ร้านกาแฟหลงเขา ตามที่ได้รับคำแนะนำมาจาก Home Stay "ธรรมชาติสะปัน" ที่จะเข้าพักคืนนี้ เขาแนะนำว่า "ควรจะมาเช็คอินก่อนห้าโมงเย็นนะคะ ไม่ยังงั้นทางจะมืดเกินไปอันตรายค่ะ" ผมก็ไม่รู้หรอกว่าสภาพแวดล้อมแถวนั้นมันเป็นยังไงแต่เห็นว่าไม่มีไฟฟ้า(ต้องปั่นไฟใช้เอาเอง) น้ำประปาก็ม่ายมี แน่นอนว่าน้ำที่ใช้อาบหรือซักล้างก็มาจากลำธารใกล้ๆ คุยกันทาง Line จบเท่านี้ผมก็ลุกไปอาบน้ำเตรียมตัว Checkout ครับ

ดอกกุหลาบที่โต๊ะใน Cafe ของโรงแรมครับ(ระหว่างรอรถมารับ) ทดสอบกล้องก่อนใช้งานจริง

ชานมที่นี่ชงมาแบบแยกชั้น นมอยู่ล่างชาอยู่บนครับผมเกือบหันไปโวยวายว่า "ผมสั่งชานมนะครับ ไม่ใช่ชาดำเย็น" แต่โชคดีว่าลองดูดอึกนึงก่อน 
ไม่ยังงั้นนะ...หน้าแตก 555+

โรงแรมที่พักเมื่อคืนครับ หมอนสูงไปหน่อย, ห้องน้ำไม่ค่อยดีนะ เจอน้ำท่วมใน Shower box ครับ
 
หลังจากนั่งรอที่ Cafe ซักพัก คุยกันว่าจะไปกินข้าวเช้าด้วยกันครับผมก็เลยกินแค่ชาเย็นไปก่อน
ราวๆ 9 โมงนิดๆแฟนผมและคณะก็เดินทางมาถึงโรงแรมแล้วก็เริ่มออกเดินทาง

   จุดเที่ยวแรก ไร่ปางแกะ ณ กิ่วม่วง เป็นฟาร์มแกะเล็กๆเพื่อการถ่ายรูปร่วมกับแกะโดยเฉพาะครับ โดยฟาร์มจะอยู่บนเนิน มีแกะราวๆเกือบ 30 ตัว
บัตรผ่านประตู 100 บาท(ชาวน่านลด 50%) มีอาหารแกะให้ 2 อย่างคือแครอทหั่นกับอาหารเม็ดครับ

จอดรถ เดินเข้ามาที่ Ticket box ปุ๊บก็เจอน้องนอนเฝ้าร้านอยู่

จ่ายเงินถือกระทะใส่อาหารผ่านรั้วเข้ามา ไม่ทันไรก็เห็นต้าวแกะน้อยเดินกินหญ้าเทียมอยู่อย่างสบายใจ ไม่สนใจมะนุดที่มาเที่ยวหาเจ้าเลยหรือ???

แต่พอมีคนชูกระทะใส่อาหารเท่านั้นแหล่ะ ต้าวแกะน้อยก็วิ่งกรูกันเข้ามาอย่างบ้าคลั่งงงง!!!

"ช่วยด้วยยยย!! ชั้นกำลังถูกล่าาา" น้องสาวแฟนผมพยายามจะบอกต้าวแกะน้อยทั้งหลายว่า ไม่มีอาหารแล้วจ้าา 
แต่ดูเหมือนต้าวแกะน้อยจะไม่มีใครเชื่อเลย

เหตุการณ์หลังจากนั้นผมไม่สามารถเปิดเผยได้ ขอคั่นโฆษณาด้วยต้นไม้สีเขียวสวยครับ

หลังจากที่เราออกมาจากฟาร์แกะน้อยมฤตยู(?) แล้ว ทางที่เราไปต่อก็มีแต่ขึ้น! ขึ้น! ขึ้น!!ครับ
แต่วิวก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ช่วงที่พวกผมไปเป็นช่วงที่ยังมีฝนตกอยู่ ฟ้ามีเมฆปิดตลอด เรายังหวังลึกๆว่าจะได้ล่าทางช้างเผือกในคืนไหนซักคืนนึง ถ้ามีโอกาส...

ช่วงที่เราขับรถขึ้นภูเขามาเรื่อยๆก็มีจุดจอดรถให้แวะถ่ายรูปกัน มีรถจอดอยู่บ้างประปราย พวกเราก็ไม่พลาดที่จะเก็บภาพมาครับ
แต่ผมไม่ทราบจริงๆว่า แฟนผมเห็นอะไรที่ฟากขะโน้น

พวกเราขับรถต่อมาอีกไม่นานก็ถึงจุดหมายถัดไป ถนนเลข 3 นั่นเอง ตรงนี้เป็นศาลาจุดพักตรงข้ามที่จอดรถครับ 
เล็กจิ๋ว เมื่อเทียบกับจำนวนคนที่มาแล้วไม่พอแน่นอน

"ตุ๊เอ๋!!" จากตรงนี้ก็เป็นเลข 3 จริงๆครับ เป็นจุดเที่ยวที่ไม่เลวเลย

"แอ่น แอ๊น!" สนุกมากค่าาา แฟนผมจัดเต็มทุกท่า ขอแค่มีเลข 3 เป็นฉากหลังก็พอใจแล้ว กด shutter รัวไม่ยั้ง!

W-RooooM!! "หลบหน่อยน้องสาว!! พี่กำลังรีบ!!" เป็นภาพที่ถูกใจผมมาก

ขับมาจากถนนเลข 3 ไม่ไกลนัก (ไม่น่าเกิน 10 กิโลเมตร) พวกเราก็ "ห้ะ!? มีถนนเลข 0 ด้วย!?" ชาวบ้านนี่ช่างสรรหา
มันก็มีทรงคล้ายๆเลข 0 แหล่ะ แต่ผมว่าเนินดินแดงตรงกลางมันเหมือนชิ้นเค้กตัด(แบบแหว่งๆ) เรียกว่า "โค้งชิ้นเค้ก" น่าจะดีกว่า

หลังจากที่ถ่ายรูปกับถนนเลข 0 แบบรีบๆ เราขับรถออกมาได้อีกหน่อยก็เจอวิวดีอีกแล้ว เป็นวิวเทือกเขาที่มีถนนคดเคียวไปมา
ธรรมชาติสีเขียวนี่มันดีจริงๆไอหมอกก็ปกคลุมไปทั่ว สดชื่นมากครับ

แฟนผมทำงานในกรุงมานาน ไม่ค่อยได้ออกมาจากตรงนั้นก็ต้องมีความ "อิน" กับที่ทางแถวนี้เป็นเรื่องธรรมดาครับ น้องเขาชอบมาก ดูมีความสุข
(เราก็ดีใจที่เขาชอบ มีความสุขไปด้วย)

เที่ยวมาครึ่งวัน เราก็ได้ภาพหมู่แบบครบทีมกันตรงจุดนี้ครับ

ที่พักของคืนที่ 2 "ธรรมชาติ สะปัน"
จริงๆแล้วน้องสาวของแฟนผมอยากพักอีกที่นึงชื่อ "บ้านปันสุข" แต่คิวยาวไปจนถึงหลังปีใหม่ครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่