ภาพฝันแสนหวานของอนงค์ได้จบลงแล้ว จบลงตรงที่คิดว่าตัวเองโง่ การทุ่มเทโดยไม่เหลือพื้นที่เผื่อกับความผิดหวังมันเป็นแบบนี้ เธอเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็น และ พลอยเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน จะว่าไปแล้วอนงค์ก็ยังไม่เคยถามเขาคนนั้นซักคำว่าแล้วที่ผ่านมาคืออะไร รักกันบ้างไหม อนงค์มั่นใจเสมอ เธอตีตั๋วเฟิร์สคลาสมาตลอดชีวิต เธอไม่เคยต้องถาม เพราะ สิ่งที่ต้องการมักมาปรากฏอยู่ตรงหน้าราวเนรมิต บางครั้งก็โดยที่ไม่ได้ขอ เพราะ ฉะนั้นเมื่อเธอตั้งใจทำ ความตั้งใจไม่ควรจะทรยศใคร มันต้องได้ผลเหมือนที่เคยได้เสมอมา เธอเพิ่งรู้ว่าตัวเองคิดผิดก็ในคืนนั้น อนงค์ร่ำไห้ด่าวดิ้น กับ พี่ชายทั้ง 4 ทำฤทธิ์ทำเดชใส่ตัวต้นเหคุ คือ คุณพระ คุณพระแบบที่เธอได้เห็นและคำที่ได้ยินจากช้อยตำตาตำใจ เธอเชื่อสิ้นแล้วในสิ่งที่เห็น
ความเชื่อในสิ่งที่เห็น ทำให้เธอเห็นในสิ่งที่เชื่อ เมื่อเธอเชื่อเสียแล้วว่า คุณพระชอบอยู่กับจันทร ทุกการกระทำของคุณพระกลับตาลปัตรไปจากความเป็นจริงเกือบทั้งหมด เธอเห็นคุณพระ ที่กำลังดูจันทรขึ้นสามล้อไปกับชัด ในใจพลางคิดว่า ก็ไม่ใช่คนที่ถูกเลือก ทั้งนี้เรื่องมันไปกันคนละทางกับที่ตัวเองคาดเดา ถึงจะยังเจ็บร้าวกับความสัมพันธ์ที่(ตัวเอง)เข้าใจว่าเป็นรักข้างเดียวอยู่ไม่วาย ก็ยังพยายามจะเจรจากับจันทรอยู่ในที จะไปทางไหนก็เลือกเอาซักทาง พยายามชักม้าให้เข้าลู่ตามประสาคุณหนูลูกคนเล็ก ทำไปก็เสียใจไป ทำไปก็ยังรักไป มันคงไม่ได้เลิกกันง่าย ๆ แต่อนงค์ก็หวังใจว่ามันจะจบสิ้นกันในซักวัน
สำหรับคุณพระสิ่งที่เขาเห็น คือ ความผิดหวังของผู้หญิงคนนึงต่อน้องชายของเขา คุณพระไม่รู้ว่าน้องชายตัวเองทำอะไร ทำไมอนงค์ถึงไม่รับหมั้น แต่ความเสียใจ และ ดวงหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา ไม่น่าอภิรมย์เลยสำหรับเขา สิ่งที่เห็นทำให้เชื่ออย่างสุดใจว่าต้นเหตุมาจากชัดอย่างแน่นอน และ ถึงอนงค์บอกว่ามันเป็นเพราะเขา แต่ก็เพราะเขาในฐานะพี่ชายของชัด ตามประสาคนที่ถูกกดและถูกด้อยค่ามาตลอด การไม่เคย manifest ว่าอะไรดี ๆ จะเกิดขึ้นกับตัวเอง ก็คงไม่อาจเห็นเมื่อมีใครหยิบยื่นความเสน่หามาให้ ต่อให้ตรงเป้าแค่ไหนก็ยังคงคิดว่าเป็นแบบอื่นอยู่ดี
ความรักของคุณพระเป็นความรักที่รู้เฉพาะกับตัวเอง ไม่เคยคิดว่าตัวเองดีพอจะเข้าไปอยู่ในสมการของใคร และ สิ่งนี้นั่นแหละที่ค้ำคอ หยุดยั้งคุณพระไม่ให้มองเห็นความรักที่อนงค์มอบให้ ความรู้สึกของตัวเอง นับแต่มันเกิดขึ้นแล้วก็รู้สึกเสมอมาและรุนแรงขึ้น คุณพระรู้ว่ามันคือของจริง ถึงจะบอกว่าฟุ้งซ่าน หรือ เพ้อเจ้ออย่างไร เมื่อเป็นเรื่องของอนงค์ คุณพระมี emotion ไปเสียทุกครั้ง นับแต่เวลาที่ตีเหล่าผู้ชายให้แตกพ่าย เริ่มแรกเป็นไปด้วยความปรารถนาดี แต่มาบัดนี้ คุณพระใช้คำว่า "พวกเรา" กับสมพงศ์
ประพัฒน์ไม่ใช่เพียงคนที่เข้ามากันชัด แต่เป็น "พวกเรา" คุณพระนับรวมตัวเองเข้าไปด้วยอย่างไม่รู้ตัว เกือบแล้วเกือบพาตัวเองเข้าไปในสมการแต่พอโดนกระทุ้งในเรื่องที่กังวล ฐานะ ตระกูล ความดี ที่มันค้ำคอ ก็ให้วนกลับมาสู่ความเป็นจริงทุกครั้ง แล้วก็อีกหลายครั้งยามอยู่กับตัวเอง ที่คุณพระปล่อยตัวเผลอใจ อย่างไม่เคยคิดจะทำกับผู้ใด คำใดไม่เคยพุด ก็พูดออกมา ไม่เคยคิดพาตัวเข้าไปใกล้ชิด ก็พยายามจะให้เห็นหน้าทุกวัน คิดว่าอีกฝ่ายโกรธเพราะเรื่องชัด แปลกแต่จริง .... ไม่เคยพยายามจะพาชัดเข้าไป แต่กลับแทรกตัวเองเข้าไปหาอนงค์ตลอดเวลา
อนิจจา ในความคิดอนงค์กลับมองในสิ่งที่ตัวเองเชื่อ และ เชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็น
สุดท้ายเธอคงคิดว่าสาแก่ใจแล้ว คุณพระเองก็ไม่ใช่คนที่ถูกเลือก เหมือนกับอนงค์
เธอคิดเช่นนั้นในยามทำหน้าซื่อตาใสบอกกล่าวเกี่ยวกับการลาออกของจันทร
สายตามีเลศนัยของเธอ คิดว่าเขาคงเจ็บ แต่ความเจ็บหาใช่อย่างเดียวกับที่เธอคิดจินตนาการไม่ เธอคิดว่าคุณพระคงด่าวดิ้นอย่างการเสียคนรักอย่างที่เธอกำลังเป็น นั่นเขาเสียใจอยู่แล้วไม่ใช่เพราะจันทรแต่เป็นเพราะเธอ ดังนั้นมันก็เป็นอย่างที่คุณน้าทั้งสองว่า ระวังเถิดอกุศลจริต มันจะย้อนศรกลับเข้ามาหาไม่ช้าก็เร็ว แต่สิ่งที่เห็นมามันจะมองเป็นอื่นได้เยี่ยงไรเล่าอนงค์คิด หากเธอไม่ได้ตรองดูว่า สถานการณ์ มันก็คงขึ้นอยู่จะมองในมุมของผู้ใด หากมองเฉพาะมุมของตัวเองก็จะมีคนที่ผิดเสมอ แต่หากมองด้วยมุมของคนอื่นด้วย อาจจะไม่มีใครผิดเลยก็ได้ แค่คุยกันคนละเรื่อง มองกันคนละมุม ในเนื้อหาอันเดียวกัน
ที่สำคัญ ผลแห่งอกุศลจิตอันนั้นกำลังจะย้อนกลับมาหาอนงค์เร็วยิ่งกว่าจรวดในครานี้
หนึ่งในร้อย ตอนที่ 8 (รีวิว) : เชื่อในสิ่งที่เห็น เห็นในสิ่งที่เชื่อ
ความเชื่อในสิ่งที่เห็น ทำให้เธอเห็นในสิ่งที่เชื่อ เมื่อเธอเชื่อเสียแล้วว่า คุณพระชอบอยู่กับจันทร ทุกการกระทำของคุณพระกลับตาลปัตรไปจากความเป็นจริงเกือบทั้งหมด เธอเห็นคุณพระ ที่กำลังดูจันทรขึ้นสามล้อไปกับชัด ในใจพลางคิดว่า ก็ไม่ใช่คนที่ถูกเลือก ทั้งนี้เรื่องมันไปกันคนละทางกับที่ตัวเองคาดเดา ถึงจะยังเจ็บร้าวกับความสัมพันธ์ที่(ตัวเอง)เข้าใจว่าเป็นรักข้างเดียวอยู่ไม่วาย ก็ยังพยายามจะเจรจากับจันทรอยู่ในที จะไปทางไหนก็เลือกเอาซักทาง พยายามชักม้าให้เข้าลู่ตามประสาคุณหนูลูกคนเล็ก ทำไปก็เสียใจไป ทำไปก็ยังรักไป มันคงไม่ได้เลิกกันง่าย ๆ แต่อนงค์ก็หวังใจว่ามันจะจบสิ้นกันในซักวัน
สำหรับคุณพระสิ่งที่เขาเห็น คือ ความผิดหวังของผู้หญิงคนนึงต่อน้องชายของเขา คุณพระไม่รู้ว่าน้องชายตัวเองทำอะไร ทำไมอนงค์ถึงไม่รับหมั้น แต่ความเสียใจ และ ดวงหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา ไม่น่าอภิรมย์เลยสำหรับเขา สิ่งที่เห็นทำให้เชื่ออย่างสุดใจว่าต้นเหตุมาจากชัดอย่างแน่นอน และ ถึงอนงค์บอกว่ามันเป็นเพราะเขา แต่ก็เพราะเขาในฐานะพี่ชายของชัด ตามประสาคนที่ถูกกดและถูกด้อยค่ามาตลอด การไม่เคย manifest ว่าอะไรดี ๆ จะเกิดขึ้นกับตัวเอง ก็คงไม่อาจเห็นเมื่อมีใครหยิบยื่นความเสน่หามาให้ ต่อให้ตรงเป้าแค่ไหนก็ยังคงคิดว่าเป็นแบบอื่นอยู่ดี
ความรักของคุณพระเป็นความรักที่รู้เฉพาะกับตัวเอง ไม่เคยคิดว่าตัวเองดีพอจะเข้าไปอยู่ในสมการของใคร และ สิ่งนี้นั่นแหละที่ค้ำคอ หยุดยั้งคุณพระไม่ให้มองเห็นความรักที่อนงค์มอบให้ ความรู้สึกของตัวเอง นับแต่มันเกิดขึ้นแล้วก็รู้สึกเสมอมาและรุนแรงขึ้น คุณพระรู้ว่ามันคือของจริง ถึงจะบอกว่าฟุ้งซ่าน หรือ เพ้อเจ้ออย่างไร เมื่อเป็นเรื่องของอนงค์ คุณพระมี emotion ไปเสียทุกครั้ง นับแต่เวลาที่ตีเหล่าผู้ชายให้แตกพ่าย เริ่มแรกเป็นไปด้วยความปรารถนาดี แต่มาบัดนี้ คุณพระใช้คำว่า "พวกเรา" กับสมพงศ์
ประพัฒน์ไม่ใช่เพียงคนที่เข้ามากันชัด แต่เป็น "พวกเรา" คุณพระนับรวมตัวเองเข้าไปด้วยอย่างไม่รู้ตัว เกือบแล้วเกือบพาตัวเองเข้าไปในสมการแต่พอโดนกระทุ้งในเรื่องที่กังวล ฐานะ ตระกูล ความดี ที่มันค้ำคอ ก็ให้วนกลับมาสู่ความเป็นจริงทุกครั้ง แล้วก็อีกหลายครั้งยามอยู่กับตัวเอง ที่คุณพระปล่อยตัวเผลอใจ อย่างไม่เคยคิดจะทำกับผู้ใด คำใดไม่เคยพุด ก็พูดออกมา ไม่เคยคิดพาตัวเข้าไปใกล้ชิด ก็พยายามจะให้เห็นหน้าทุกวัน คิดว่าอีกฝ่ายโกรธเพราะเรื่องชัด แปลกแต่จริง .... ไม่เคยพยายามจะพาชัดเข้าไป แต่กลับแทรกตัวเองเข้าไปหาอนงค์ตลอดเวลา