สามเหลี่ยมการเงินจะแบ่งออกเป็น 4 ชั้น เริ่มจาก ..
ชั้นที่ 1 จะประกอบด้วย ความจำเป็นขั้นพื้นฐาน (Basic Needs) และ การจัดการความเสี่ยง (Risk Management) : เงินก้อนแรกที่เราควรมีคือ เงิน สำรองฉุกเฉิน อย่างน้อย 3-6 เดือนของรายจ่ายใน แต่ละเดือน หน้าที่ของมัน มีไว้ในวันที่ 'รายได้เราหยุด ลง' เงินส่วนนี้จะช่วยให้เราปรับตัวได้ ควรเก็บไว้ ในที่สภาพคล่องสูง เช่น บัญชีเงินออม เงินสด เป็นต้น
เรื่องการบริหารความเสี่ยง คือ การมีประกัน 'อย่าง เพียงพอ' เพราะการเจ็บป่วย อุบัติเหตุ หรือ โรค ร้ายแรงเป็นความเสี่ยงที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ จริงๆ สิ่งเหล่านี้มันทำตัวคล้ายๆ การเสี่ยงโชคค่ะ เกิดมีเหตุจริงๆ เราคงไม่อยากให้เจ็บมาถึงเงินใน กระเป๋าเราค่ะ เพราะฉะนั้นการวางฐานให้มั่นคงจำเป็น ที่สุด
ชั้นที่ 2 คือ ชั้นของการเก็บออม (Savings) ชั้นนี้มี 2 ห้องหลักๆ ห้องแรก คือ การเก็บออมระยะสั้น (6เดือน-2ปี) และ ห้อง 2 คือ การเก็บออมระยะยาว (2 ปีขึ้นไป) ซึ่งทุกส่วนล้วนเป็นการเก็บออมเพื่อเป้า หมายที่จำเป็นของเรานั่นเอง โดยหลักแล้วเป้าหมายที่ จำเป็นสำหรับทุกคนเลย ก็คือ เป้าหมายเกษียณ (Retirement Goal) หลายๆคนอาจจะคิดว่าการ เกษียณเป็นเรื่องไกลตัว แต่วันเวลาผ่านไปเร็วมาก หากยังไม่รีบหยิกขาตัวเอง เผลอแปปเดียวอาจจะ สายเกินจะเก็บแล้วก็ได้
ในชั้นที่ 2 นี้ จะรวมไปถึงการวางแผนการสร้าง ครอบครัว 8 ค่าเทอมลูก จริงๆแล้วมีผลิตภัณฑ์ ทางการเงินหลายตัวสำหรับการวางแผนในส่วนนี้ เก็บ เงินไว้ในธนาคารเฉยๆ อาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับ ใครหลายๆคน ผลิตภัณฑ์การเงินที่แนะนำ • ถ้าใครมี ความรู้ในหุ้นรายตัวก็สามารถซื้อเองได้เลย หรือ • ถ้า ไม่มีเวลาศึกษาแนะนำกองทุนที่มีระดับความเสี่ยง ขึ้นไป (ช่วงนี้แนะนำกองทุน ตปท. งับ) หัวใจ 5 สำคัญของการลงทุน คือ อย่าลงทุนในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ และ คำนึงถึงอัตราเงินเฟ้อแบบแกล้งๆ ด้วยนะ
* มีผลิตภัณฑ์ 1 ตัวที่แนะนำ คือมันตอบโจทย์และ ครอบคลุมทั้งบ้านชั้นทั้ง 2 ชั้นที่แตพูดมา คือ ประกัน ควบการลงทุน (Unit Linked) ** ผลตอบแทนอาจจะ ไม่สูงเท่าการลงทุนทั่วไป (เฉลี่ยอยู่ที่ 2-5% ต่อปี)
ชั้นที่ 3 คือ ชั้นของการลงทุนเพื่อเกร็งกำไร เพื่อ เฟ้นหาอิสรภาพทางการเงิน ขอแบ่งชั้นนี้เป็น 3 ส่วน เช่นกัน
• ส่วนที่ 1 : การลงทุนที่ได้ผลประโยชน์จากการลด หย่อนภาษี เช่น สำหรับใครที่มีรายได้เยอะ เสียภาษี เยอะ การซื้อประกัน หรือ กองทุน RMF SSF ThaiESG นอกจากจะได้ลงทุนแล้ว ยังสามารถนำไป ลดหย่อนภาษีได้ด้วย
• ส่วนที่ 2 : ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ หรือ กองทุน รวม ข้อจำกัดของการซื้อประกัน หรือ กองทุน RMF SSF ThaiESG คือ ต้องถือไว้ตามระยะเวลาที่กำหนด ถ้าใครมีส่วนที่ 1 เต็มวงเงินแล้ว ก็สามารถเปลี่ยนมา ลงทุนในข้อ 2 ได้
• ส่วนที่ 3 : การทำธุรกิจส่วนตัว อสังหาริมทรัพย์ หรือ การสะสมของมี ขึ้นอยู่กับความชำนาญในเรื่องนั้นๆ ของแต่ละบุคคลเลย
ชั้นที่ 4 คือ วางแผนส่งต่อความมั่นคงถึงลูกหลาน อย่าพึ่งคิดว่าบ้านชั้นนี้มีไว้สำหรับคนรวยเป็นร้อยล้าน อย่างเดียว เพราะถ้ารวยลูกหลานคงแบ่งสมบัติได้ อย่างลงตัว ฉะนั้นคนมีเงินแสนก็ควรจะรู้ค่ะ เพราะ ประกันชีวิตทุน 1,000,000 เราไม่จำเป็นต้องมีเงินแสน หรือเงินล้านมากองไว้ แต่ใช้เงินเพียงเดือนละไม่กี่พัน หรือ ปีละไม่กี่หมื่น ก็สามารถสร้างมรดกเงินล้านให้ ลูกหลานได้
สามเหลี่ยมการเงิน
ชั้นที่ 1 จะประกอบด้วย ความจำเป็นขั้นพื้นฐาน (Basic Needs) และ การจัดการความเสี่ยง (Risk Management) : เงินก้อนแรกที่เราควรมีคือ เงิน สำรองฉุกเฉิน อย่างน้อย 3-6 เดือนของรายจ่ายใน แต่ละเดือน หน้าที่ของมัน มีไว้ในวันที่ 'รายได้เราหยุด ลง' เงินส่วนนี้จะช่วยให้เราปรับตัวได้ ควรเก็บไว้ ในที่สภาพคล่องสูง เช่น บัญชีเงินออม เงินสด เป็นต้น
เรื่องการบริหารความเสี่ยง คือ การมีประกัน 'อย่าง เพียงพอ' เพราะการเจ็บป่วย อุบัติเหตุ หรือ โรค ร้ายแรงเป็นความเสี่ยงที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ จริงๆ สิ่งเหล่านี้มันทำตัวคล้ายๆ การเสี่ยงโชคค่ะ เกิดมีเหตุจริงๆ เราคงไม่อยากให้เจ็บมาถึงเงินใน กระเป๋าเราค่ะ เพราะฉะนั้นการวางฐานให้มั่นคงจำเป็น ที่สุด
ชั้นที่ 2 คือ ชั้นของการเก็บออม (Savings) ชั้นนี้มี 2 ห้องหลักๆ ห้องแรก คือ การเก็บออมระยะสั้น (6เดือน-2ปี) และ ห้อง 2 คือ การเก็บออมระยะยาว (2 ปีขึ้นไป) ซึ่งทุกส่วนล้วนเป็นการเก็บออมเพื่อเป้า หมายที่จำเป็นของเรานั่นเอง โดยหลักแล้วเป้าหมายที่ จำเป็นสำหรับทุกคนเลย ก็คือ เป้าหมายเกษียณ (Retirement Goal) หลายๆคนอาจจะคิดว่าการ เกษียณเป็นเรื่องไกลตัว แต่วันเวลาผ่านไปเร็วมาก หากยังไม่รีบหยิกขาตัวเอง เผลอแปปเดียวอาจจะ สายเกินจะเก็บแล้วก็ได้
ในชั้นที่ 2 นี้ จะรวมไปถึงการวางแผนการสร้าง ครอบครัว 8 ค่าเทอมลูก จริงๆแล้วมีผลิตภัณฑ์ ทางการเงินหลายตัวสำหรับการวางแผนในส่วนนี้ เก็บ เงินไว้ในธนาคารเฉยๆ อาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับ ใครหลายๆคน ผลิตภัณฑ์การเงินที่แนะนำ • ถ้าใครมี ความรู้ในหุ้นรายตัวก็สามารถซื้อเองได้เลย หรือ • ถ้า ไม่มีเวลาศึกษาแนะนำกองทุนที่มีระดับความเสี่ยง ขึ้นไป (ช่วงนี้แนะนำกองทุน ตปท. งับ) หัวใจ 5 สำคัญของการลงทุน คือ อย่าลงทุนในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ และ คำนึงถึงอัตราเงินเฟ้อแบบแกล้งๆ ด้วยนะ
* มีผลิตภัณฑ์ 1 ตัวที่แนะนำ คือมันตอบโจทย์และ ครอบคลุมทั้งบ้านชั้นทั้ง 2 ชั้นที่แตพูดมา คือ ประกัน ควบการลงทุน (Unit Linked) ** ผลตอบแทนอาจจะ ไม่สูงเท่าการลงทุนทั่วไป (เฉลี่ยอยู่ที่ 2-5% ต่อปี)
ชั้นที่ 3 คือ ชั้นของการลงทุนเพื่อเกร็งกำไร เพื่อ เฟ้นหาอิสรภาพทางการเงิน ขอแบ่งชั้นนี้เป็น 3 ส่วน เช่นกัน
• ส่วนที่ 1 : การลงทุนที่ได้ผลประโยชน์จากการลด หย่อนภาษี เช่น สำหรับใครที่มีรายได้เยอะ เสียภาษี เยอะ การซื้อประกัน หรือ กองทุน RMF SSF ThaiESG นอกจากจะได้ลงทุนแล้ว ยังสามารถนำไป ลดหย่อนภาษีได้ด้วย
• ส่วนที่ 2 : ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ หรือ กองทุน รวม ข้อจำกัดของการซื้อประกัน หรือ กองทุน RMF SSF ThaiESG คือ ต้องถือไว้ตามระยะเวลาที่กำหนด ถ้าใครมีส่วนที่ 1 เต็มวงเงินแล้ว ก็สามารถเปลี่ยนมา ลงทุนในข้อ 2 ได้
• ส่วนที่ 3 : การทำธุรกิจส่วนตัว อสังหาริมทรัพย์ หรือ การสะสมของมี ขึ้นอยู่กับความชำนาญในเรื่องนั้นๆ ของแต่ละบุคคลเลย
ชั้นที่ 4 คือ วางแผนส่งต่อความมั่นคงถึงลูกหลาน อย่าพึ่งคิดว่าบ้านชั้นนี้มีไว้สำหรับคนรวยเป็นร้อยล้าน อย่างเดียว เพราะถ้ารวยลูกหลานคงแบ่งสมบัติได้ อย่างลงตัว ฉะนั้นคนมีเงินแสนก็ควรจะรู้ค่ะ เพราะ ประกันชีวิตทุน 1,000,000 เราไม่จำเป็นต้องมีเงินแสน หรือเงินล้านมากองไว้ แต่ใช้เงินเพียงเดือนละไม่กี่พัน หรือ ปีละไม่กี่หมื่น ก็สามารถสร้างมรดกเงินล้านให้ ลูกหลานได้