ผมขอเล่าก่อนว่าทำไมผมถึงคิดเช่นนี้ มันเป็นเพราะผมคิดว่าชีวิตมนุษย์เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เกินกว่าครึ่งค่อนชีวิตคือการทำงาน แทบจะไม่ได้ใช้ชีวิตในแบบที่อยากใช้ แล้วทำไมเราถึงต้องทำงานในเมื่อหากเรามีนวัตตกรรมที่จะทำทุกอย่างแทนเราได้
ผมคิดว่าในอนาคตมนุษย์น่าจะมี AI แทนตัวตนของเราได้ โดยในการทำงานต่างๆ จะให้ AI ทำแทน เจ้าของ AI ก็อยู่บ้านใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ เงินเดือนออก/มีรายได้ก็เอามาใช้จ่าย โดย AI นี้จะเลียนแบบความคิด ตรรกะ ความรู้สึก การตัดสินใจของมนุษย์คนนั้นๆ แทบจะเรียกว่าเป็นการโคลนนิ่งมนุษย์คนหนึ่งขึ้นมาเป็นการสร้างตัวตนดิจิทัลของคนคนนั้น ถ้าเราขยายการใช้ AI แทนมนุษย์ไปเรื่อยๆ เราแทบจะไม่ต้องคิดถึง Work life balance เลย เพราะชีวิตเราจะอิสระจากงานประจำ เกิดยูโธเปียที่แท้จริง เราจะมีเวลาท่องเที่ยว เดินทาง ใช้ชีวิตแบบที่อยากใช้ นอนและตื่นเวลาไหนก็ได้ ออกกำลังกายทั้งวันก็ยังได้ จะเรียนหาความรู้เพิ่มเติมและนำมาป้อนให้ AI ก็ได้ ส่วน AI เองก็มีเครือข่ายพัฒนาความรู้ของตัวเองด้วย อย่างไรก็ตามในงานฝีมือ การใช้แรงงาน อาจจะกลายเป็นอาชีพที่ยังไม่ได้ใช้ AI
ทั้งนี้ ผมมองว่าการสร้างความตระหนักในคุณค่าของมนุษย์นั้นสำคัญยิ่งในการทำเรื่องนี้ให้เกิดขึ้นจริง นั่นคือต้องให้ทุกๆ คนตระหนักว่า AI คือตัวแทนของมนุษย์ ห้ามไม่ให้เกิดนายจ้างที่ใช้ AI โดยไม่มีการจ้างงาน และต้องไม่บังคับให้คนทุกคนใช้ AI ในการทำงานแทน เพราะยังมีมนุษย์อีกมากที่ยังคงสนุกกับการทำงานของตนเองด้วยตนเองอยู่ อีกอย่างคือการศึกษาก็เป็นเรื่องสำคัญยิ่ง เราควรเน้นให้เด็กและเยาวชนเกิดการเรียนรู้ให้ได้มากที่สุดเพราะต้องการให้เกิดการสร้าง AI ที่มีคุณภาพขึ้นมา โดยในช่วงแรกของวัยเรียนรู้ผมไม่สนับสนุนให้มีการป้อนข้อมูลแก่ AI ผมเปรียบช่วงนี้ึให้เรียกว่า "AI ผ้าขาว" (คล้ายกับเด็กคือผ้าขาว) การป้อนสิ่งผิด ความรู้ผิดๆ หรือไม่ใช่ความรู้ที่เจ้าของ AI ต้องการจะรู้ ย่อมถือว่าเป็นการละเมิดความเป็นปัจเจกของบุคคลนั้น (อาจจะบังคับว่าหลังจากอายุ 18 ถึงจะสามารถรับข้อมูลจากเครือข่าย AI ได้)
ผมไม่ปฏิเสธว่าผมมีความหวังที่อยากหลุดจากวงจรชีวิตการทำงาน อยากใช้ชีวิตในแบบที่อยากใช้ อยากขี้เกียจ อยากหยุดความคิด ความกังวลจากงาน และผมก็คิดว่าน่าจะมีคนที่คิดแบบผมไม่มากก็น้อย
อาจจะดูเพ้อฝัน แต่ผมอยากให้ทุกคนมี AI ของตัวเรา ทำงานแทนเรา หาเงินให้เรา
ผมคิดว่าในอนาคตมนุษย์น่าจะมี AI แทนตัวตนของเราได้ โดยในการทำงานต่างๆ จะให้ AI ทำแทน เจ้าของ AI ก็อยู่บ้านใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ เงินเดือนออก/มีรายได้ก็เอามาใช้จ่าย โดย AI นี้จะเลียนแบบความคิด ตรรกะ ความรู้สึก การตัดสินใจของมนุษย์คนนั้นๆ แทบจะเรียกว่าเป็นการโคลนนิ่งมนุษย์คนหนึ่งขึ้นมาเป็นการสร้างตัวตนดิจิทัลของคนคนนั้น ถ้าเราขยายการใช้ AI แทนมนุษย์ไปเรื่อยๆ เราแทบจะไม่ต้องคิดถึง Work life balance เลย เพราะชีวิตเราจะอิสระจากงานประจำ เกิดยูโธเปียที่แท้จริง เราจะมีเวลาท่องเที่ยว เดินทาง ใช้ชีวิตแบบที่อยากใช้ นอนและตื่นเวลาไหนก็ได้ ออกกำลังกายทั้งวันก็ยังได้ จะเรียนหาความรู้เพิ่มเติมและนำมาป้อนให้ AI ก็ได้ ส่วน AI เองก็มีเครือข่ายพัฒนาความรู้ของตัวเองด้วย อย่างไรก็ตามในงานฝีมือ การใช้แรงงาน อาจจะกลายเป็นอาชีพที่ยังไม่ได้ใช้ AI
ทั้งนี้ ผมมองว่าการสร้างความตระหนักในคุณค่าของมนุษย์นั้นสำคัญยิ่งในการทำเรื่องนี้ให้เกิดขึ้นจริง นั่นคือต้องให้ทุกๆ คนตระหนักว่า AI คือตัวแทนของมนุษย์ ห้ามไม่ให้เกิดนายจ้างที่ใช้ AI โดยไม่มีการจ้างงาน และต้องไม่บังคับให้คนทุกคนใช้ AI ในการทำงานแทน เพราะยังมีมนุษย์อีกมากที่ยังคงสนุกกับการทำงานของตนเองด้วยตนเองอยู่ อีกอย่างคือการศึกษาก็เป็นเรื่องสำคัญยิ่ง เราควรเน้นให้เด็กและเยาวชนเกิดการเรียนรู้ให้ได้มากที่สุดเพราะต้องการให้เกิดการสร้าง AI ที่มีคุณภาพขึ้นมา โดยในช่วงแรกของวัยเรียนรู้ผมไม่สนับสนุนให้มีการป้อนข้อมูลแก่ AI ผมเปรียบช่วงนี้ึให้เรียกว่า "AI ผ้าขาว" (คล้ายกับเด็กคือผ้าขาว) การป้อนสิ่งผิด ความรู้ผิดๆ หรือไม่ใช่ความรู้ที่เจ้าของ AI ต้องการจะรู้ ย่อมถือว่าเป็นการละเมิดความเป็นปัจเจกของบุคคลนั้น (อาจจะบังคับว่าหลังจากอายุ 18 ถึงจะสามารถรับข้อมูลจากเครือข่าย AI ได้)
ผมไม่ปฏิเสธว่าผมมีความหวังที่อยากหลุดจากวงจรชีวิตการทำงาน อยากใช้ชีวิตในแบบที่อยากใช้ อยากขี้เกียจ อยากหยุดความคิด ความกังวลจากงาน และผมก็คิดว่าน่าจะมีคนที่คิดแบบผมไม่มากก็น้อย