https://www.businessplus.kr/news/articleView.html?idxno=71539
ในขณะที่การต่อสู้ทางกฎหมายระหว่าง HYBE และ มินฮีจิน อดีต CEO ADOR กำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น ศาลได้ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับเหตุผลที่มินฮีจินยื่นคำร้องขอคำสั่งชั่วคราวเพื่อให้มีการแต่งตั้งตนเองกลับมาเป็น CEO ADOR อีกครั้ง
วันที่ 11 ตุลาคม ที่ศาลกลางกรุงโซล แผนกแพ่งที่ 50 (หัวหน้าผู้พิพากษา คิม ซังฮุน) ได้มีการเปิดการพิจารณาคดีชั่วคราวเกี่ยวกับการใช้สิทธิในการลงคะแนนเสียง ซึ่งมินฮีจินอดีต CEO ADOR ยื่นฟ้องต่อ HYBE ในประเด็นสำคัญในการพิจารณาคดีครั้งนี้คือการตีความและการนำข้อกำหนด 'Procure' มาใช้
ฝ่ายของมินฮีจินอ้างว่าตามข้อตกลงระหว่างผู้ถือหุ้น ข้อกำหนด 'Procure' ระบุว่า HYBE สามารถบังคับให้คณะกรรมการบริหารของ ADOR ใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเพื่อแต่งตั้งมินฮีจินกลับมาเป็น CEO อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม เมื่อศาลถามถึงพื้นฐานทางกฎหมายของคำร้องขอคำสั่งชั่วคราว ฝ่ายตัวแทนทางกฎหมายของมินฮีจินจากสำนักงานกฎหมาย Sejong ตอบว่า "ยังไม่พบทฤษฎีทางกฎหมายหรือคำพิพากษาก่อนหน้านี้" ที่สนับสนุนคำร้องนี้
ในทางกลับกัน ฝ่าย HYBE ได้ยกทฤษฎีทางกฎหมายและคำพิพากษาก่อนหน้านี้ที่ระบุว่าไม่สามารถบังคับใช้ข้อกำหนด 'Procure' ได้ พร้อมโต้แย้งว่าคณะกรรมการบริหารควรตัดสินใจอย่างอิสระเพื่อผลประโยชน์ของบริษัท
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง HYBE ได้รวมทฤษฎีทางกฎหมาย 4 ชิ้นไว้ในเนื้อหาการโต้แย้ง ซึ่งชี้ให้เห็นว่าเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับความมีผลบังคับของข้อกำหนด 'Procure' ที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้ง CEO
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หนึ่งในข้อคิดเห็นที่ HYBE ยกมาเป็นหลักฐานในคดีนี้คือเนื้อหาจากวิทยานิพนธ์ของทนายความที่เคยเป็นตัวแทนของมินฮีจิน ในการพิจารณาคำร้องชั่วคราวที่ศาลเดียวกันเมื่อเดือนพฤษภาคม
วิทยานิพนธ์ดังกล่าวระบุว่า "ไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการที่ไม่สามารถบังคับใช้ข้อกำหนด 'Procure' ได้ และไม่สามารถยื่นคำร้องเรียกร้องการบังคับใช้หรือคำสั่งชั่วคราวได้"
ศาลได้ตั้งข้อสงสัยหลายประเด็นในกระบวนการพิจารณา เช่น
1. การที่คำร้องขอคำสั่งชั่วคราวถูกยื่นในประเด็นที่ไม่ได้อยู่ในวาระการประชุมผู้ถือหุ้น
2. ความไม่ชัดเจนในการเรียกร้องการใช้สิทธิลงคะแนนเสียง
และ 3. ความคลุมเครือของเกณฑ์ในการตัดสินค่าปรับเพื่อบังคับใช้คำสั่ง
ศาลได้ตั้งข้อสังเกตโดยเฉพาะว่า "ไม่ได้มีการขอให้ชี้แจงรายละเอียดของคำร้องตั้งแต่แรกหรือ?" และกล่าวต่อว่า "การที่ยื่นคำร้องขอใช้สิทธิในการลงคะแนนเสียงในประเด็นที่ไม่ได้อยู่ในวาระการประชุมผู้ถือหุ้น (จึงไม่ได้มีการระบุประเด็นชัดเจน) นั้นถือว่ามันไม่ชัดเจนเกินไป"
ในส่วนนี้ ฝ่ายของมินฮีจินได้ชี้แจงว่า "สามารถยื่นคำร้องได้ทุกเมื่อ และเนื่องจากไม่ชัดเจนว่าจะกำหนดวันที่ไหน จึงเลือกที่จะปล่อยไว้"
ศาลยังได้ตั้งข้อสงสัยว่า "
HYBE ได้สั่งการให้คณะกรรมการบริหารของ ADOR ปฏิบัติตามการแต่งตั้งมินฮีจินกลับมาเป็น CEO และเรียกร้องค่าปรับในการบังคับใช้ที่ 10,000 ล้านวอนต่อครั้ง ถ้าเกิดการฝ่าฝืน) จะมีการตัดสินว่าฝ่าฝืนหรือไม่ได้อย่างไร"
ฝ่าย HYBE ยืนยันในวันนั้นว่า "เราได้ให้สัญญากับศาล และได้มีการประกาศต่อสาธารณะ จึงเป็นสถานการณ์ที่ประชาชนทั่วประเทศให้ความสนใจ"
และยืนยันว่าจะใช้สิทธิลงคะแนนเสียงสนับสนุนการแต่งตั้งมินฮีจินเป็นกรรมการผู้จัดการ นอกจากนี้ยังกล่าวว่า "ถ้าหากไม่เชื่อใจจริงๆเราก็พร้อมที่จะยื่นหนังสือมอบอำนาจที่ไม่สามารถถอนคืนได้"
ศาลได้ประกาศว่าจะสิ้นสุดการพิจารณาคดีในวันที่ 25 และจะพยายามตัดสินใจให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ข้อคิด: Hybe ไม่สามารถบังคับคณะกรรมการของ Ador ได้ และให้เป็นการตัดสินใจของคณะกรรมการทั้งหมด เรื่องนี้ชัดเจนเพราะตอนเกิดเรื่องครั้งแรก Hybe เรียกประชุม Ador แต่ทำไม่ได้เพราะคณะกรรมการบริหารเป็นคนของมินฮีจิน เว้นซะแต่จะใช้อำนาจผู้ถือหุ้นใหญ่ฟ้องศาลเพื่อเรียกประชุม ซึ่งแน่นอนว่า Hybe ไม่ทำ
[ข่าวด่วน!] คำร้องขอคำสั่งชั่วคราวที่ไม่มีหลักฐาน?…ศาลตั้งข้อสังเกตถึงการแต่งตั้งมินฮีจินกลับไปเป็น CEO ADOR