แชร์ประสบการณ์ศัลกรรมปรับโครงหน้า ถ้าพอเดาได้ เลี่ยงได้เลี่ยง!!!

ผมใช้เวลาค่อนข้างนานพอสมควรกว่าจะตัดสินใจมาเเเชร์ประสบการณ์ให้ทุกๆคนได้อ่าน ผมจะพยายามพิมพ์ให้สั้นแต่ได้ความนะครับ ขอเกิ่นก่อนเลยการทำศัลกรรมนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตผมและเป็นการผ่าตัดใหญ่ซึ่งก็คือ การผ่าตัดกราม ผมเลือกโรงพยาบาลและขอคำปรึกษาไป 4 ที่ (ที่ผมสนใจทั้งราคาและหมอที่ชอบ) แต่สุดท้ายก็ลงเอยกับโรงพยาบาลที่หนึ่ง ขอบอกว่า ดังมาก!!!! ขอข้ามไปวันปรึกษาโดยตรงกับคุณหมอ
1.)  หลังจากชำระค่าผ่า(หลักหมื่น)คือรอหมอมานานมาก 2 เกือบ 3 ชม. ได้ สรุปพยาบาลเดินมาบอกว่าคุณหมอติดธุระด่วน (ไม่โอเเล้ว +1 เพราะไม่ชอบความไม่เป็นprofessional) และเลื่อนวันปรึกษาเป็นสัปดาห์ถัดไปแต่เราบอกไม่สะดวกเลยลงเอยที่วันถัดไป
2.)  วันถัดมานัดไปหาตอนบ่ายแต่แอดมินส่งข้อความมาว่าคุณหมอติดงาน ไม่สะดวก ขอให้มาวันอื่น (ไอเหร เราคุยกันเมื่อวานไม่ใช่แบบนี้!) พี่ผมก็หิวขาดเพราะเขาเป็นคนค่อนข้างเข้มงวด และเขาลางานมาเพื่อค่อยดูเเลผมระหว่างที่ผมอาจจะไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เลยคุยกับพยาบาลจนเขา offer ให้นอนโรงพยาบาลฟรีไป 2 คืน (จากเดิมเราจ่ายค่าห้อง VIP ไปเอง 2 คืน กลายเป็น 4 คืน)และต้องมีพยาบาลมาคอยดูเเลในระหว่างนี้
3.) เจอหมอสักทีแต่ก็นอนานเช่นเดิม(ได้วันทั้งปรึกษาทั้งผ่าในวันเดียวกันเพราะไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้) 
4.) ปรึกษาเสร็จก็ไปจ่ายค่าผ่าตัดหลัก xxx,xxx แล้วกว่าจะได้ผ่าคือรอนานไปอีก ทรมานมากเพราะต้องอดน้ำ อดอาหาร ตั้งเเต่ 09.00 น. จน 20.00น. ได้ผ่าตัด
5.) พยาบาลเข็นรถเข็นพาเข้าห้องผ่าตัด อย่างเเรกที่เอ้ะคือ เห็นใครไม่ทราบที่ไม่ใช้ชุดพยาบาลเล่นโทรศัพท์ไค่วห้างอยู่แบบชิวๆ พร้อมถามเคสนี้จะเสร็จตอนไหน แล้วพยาบาลก็ตอบคุยเล่นกัน (จริงๆคืองงว่า ใช่อ่อ? ชิวเกิน?)
6.) ไม่นานหลังจากพยาบาลให้ผมนอนรอหมอมา ก็ปรากฏว่าเขาเป็นใครไม่รู้ที่ผมไม่เคยเจอโผล่มาและพยาบาลก็พากันทักทายและเรียกว่า "คุณหมอสวัสดีค่ะ" (งงตาเเตกไปอีก ผมเลยเอาแต่จ้องและะพยายามอ่านป้ายชื่อแต่ก่อนจะรู้ตัวเขาก็ฉีดยาสลบให้ผมแล้ว คือแสบมากก!!! ไม่มีการเตือนหรือบอกก่อนเลย)
7.) ตื่นมาอีกทีก็อีกวัน พี่สาวก็มาเยี่ยมและบอกหมอจะมาดูอาการคืนนี้นะ ( ผมก็ทำได้แค่พยักหน้าเพราะพูดไม่ได้เลยมันบวมไปหมด) ทั้งวันผมก็นอนรอหมอมาหาเเต่สุดท้าย....ไม่มาเลย งงไปอีก
8.) วันที่ 2 ก็ยังไม่มา พยาบาลที่มาดูเเลก็เหมือนถูกบังคับให้มาดูแลผม เวลาเข้าห้อง ไม่มีเคาะประตู เดินเข้ามาเฉยๆแล้วเอายามาให้แล้ววเดินจากไป งงอีก!!!!
9.) วันที่ 3 ในที่สุดหมอก็มาถามไถอาการแล้วบอกทุกอย่างโดยร่วมผ่านไปด้วยดีและบอกวิธีการดูเเลตัวเองเเล้วจากไป(วันนั้นผมยังพูดไม่ได้เพราะปากบวมมากเพราะเเผลอยู่ในปากทั้งหมด)
10.) วันสุดท้ายมีแค่พยาบาลคนที่ดูอยากให้ผมไปพ้นๆหน้าก็มาดูแลบอกวิธีการดูแลลตัวเองแล้วก็จากไปตามสเต็ป 
11.) 14 วันถัดไปหมอนัดประเมินใบหน้า ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีเลยถามหมอคำถามสุดท้ายก่อนจาก "หมอผ่าตัดให้ผมคืนนั้นหรือเปล่า" หมอก็ตอบ ถ้าไม่ใช่ผมแล้วใครล่ะจะกล้าทำ (ตอบผมด้วยรอยยิ้ม แต่ผมก็ปล่อยมันไปเพราะคิดว่าเราอาจจะเบลอก็ได้)
12.) หลายเดือนผ่านไป ผลโดยรวมค่อนข้างดีแต่!!! มี 1 สิ่งที่ผมกังวลคือเวลาผมจับใบหน้าซีกซ้ายล่าง มันจะชา ไม่มีความรู้สึกเลย เลยปรึกษาแอดมินก็ปรากฏว่า ยาชายังมีผลอยู่โดยมันจะจางไปเองภายใน 5-6 เดือน ผมเลยโอเค เชื่อใจ
13.) ปัจจุบัน 1 ปี 4 เดือน แล้วหน้าผมยังชา สรุปคือคิดว่าคงโดนตัดโดนเส้นประสาทแน่นอน แต่ผมไม่เคยบอกใครเพราะกลัวคนในครอบครัวทำเป็นเรื่องใหญ่โตเลยปล่อยไป

สุดท้ายนี้ผมอยากให้ทุกๆคนที่อ่านระวังเเละใช้เคสของผมเป็นตัวอย่างด้วยนะครับ หากอยากทราบว่าโรงพยาบาลนี้คือที่ไหนผมบอกได้แค่ ลักษณะของโรงพยาบาล(รบกวนหลังไมค์ครับ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่