งานครัวบนเรือสำราญ: Kitchen ความท้าทายและโอกาสของงานบริการบนเรือสำราญ แผนกครัว

Kitchen (แผนกครัว) งานครัวบนเรือสำราญ:  ความลับเบื้องหลังอาหารเลิศรสและความเหน็ดเหนื่อย
ความท้าทายและโอกาสของงานบริการ แผนกครัว Kitchen บนเรือสำราญ สำหรับผู้สนใจ สมัครงานเรือสำราญ ทำงานเรือสำราญ และงานโรงแรม

งานห้องครัว (Kitchen) บนเรือสำราญดูเหมือนงานที่หรูหรา  ได้สัมผัสกับวัตถุดิบชั้นเลิศและสร้างสรรค์อาหารให้ผู้โดยสารระดับ VIP  แต่เบื้องหลังความประทับใจนั้นซ่อนความเหน็ดเหนื่อยและความท้าทายที่มากกว่าที่หลายคนคิด  ความแตกต่างระหว่างงานครัวในโรงแรมและบนเรือสำราญนั้นชัดเจน  และงานบนเรือสำราญมีความซับซ้อนกว่ามาก

ความเหมือนและความต่างระหว่างงานครัวในโรงแรมและเรือสำราญ:



เป้าหมายหลักของทั้งสองงานคือการจัดเตรียมอาหารให้กับลูกค้า  แต่สภาพแวดล้อมและความท้าทายแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

• สภาพแวดล้อม: โรงแรมมีพื้นที่ครัวกว้างขวาง  อุปกรณ์ครบครัน  และการจัดการวัตถุดิบทำได้ง่ายกว่า  แต่เรือสำราญมีพื้นที่จำกัด  อุปกรณ์อาจมีข้อจำกัด  การจัดเก็บวัตถุดิบต้องคำนึงถึงพื้นที่และความสดใหม่  และต้องเผชิญกับการเคลื่อนไหวของเรือที่อาจส่งผลต่อการทำงาน
• ความหลากหลายของเมนู: เรือสำราญมักเสิร์ฟอาหารหลากหลายสไตล์  เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้โดยสารจากทั่วโลก  ซึ่งแตกต่างจากโรงแรมที่อาจเน้นอาหารประเภทใดประเภทหนึ่ง
• ปริมาณอาหาร: จำนวนผู้โดยสารบนเรือสำราญจำนวนมากต้องการอาหารปริมาณมหาศาล  ทำให้ต้องมีการวางแผนและการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูง
• ความปลอดภัยด้านอาหาร:  ความปลอดภัยด้านอาหารมีความสำคัญอย่างยิ่ง  เนื่องจากมีผู้โดยสารจำนวนมาก  และการปนเปื้อนอาจส่งผลกระทบอย่างร้ายแรง
• การทำงานเป็นทีม:  การประสานงานกับแผนกอื่นๆ เช่น แผนกจัดซื้อ  แผนกบริการ  และแผนกแม่บ้านมีความสำคัญอย่างมาก  เพื่อให้การบริการเป็นไปอย่างราบรื่น

รายละเอียดงานครัวบนเรือสำราญ:

งานครัวบนเรือสำราญแบ่งเป็นหลายตำแหน่งและหน้าที่  เช่น:
1. เชฟ (Chef):  วางแผนเมนู  ควบคุมคุณภาพอาหาร  และดูแลการทำงานของทีมครัวทั้งหมด
2. พ่อครัว (Cook):  เตรียมและปรุงอาหารตามเมนู  ต้องมีความเชี่ยวชาญในการปรุงอาหารหลากหลายประเภท
3. ผู้ช่วยพ่อครัว (Assistant Cook):  ช่วยพ่อครัวในการเตรียมวัตถุดิบ  และงานอื่นๆ ในครัว
4. พนักงานล้างจาน (Dishwasher):  ล้างทำความสะอาดภาชนะ  และดูแลความสะอาดของครัว
5. พนักงานจัดเก็บวัตถุดิบ (Storekeeper):  จัดการและควบคุมสต็อกวัตถุดิบ  เพื่อให้แน่ใจว่ามีวัตถุดิบเพียงพอสำหรับการปรุงอาหาร
6. พนักงานขนส่งอาหาร (Food Runner):  ขนส่งอาหารจากครัวไปยังห้องอาหาร  ต้องมีความรวดเร็วและระมัดระวัง

จุดอ่อนของงานครัวบนเรือสำราญ:
แม้จะเป็นงานที่น่าสนใจ  แต่ก็มีจุดอ่อนที่ควรตระหนัก:
• ความเหนื่อยล้าทางกายภาพ:  งานหนัก  ต้องยืนนาน  ทำงานในอุณหภูมิสูง  และเคลื่อนไหวซ้ำๆ  เสี่ยงต่ออาการปวดหลัง  ปวดข้อ  และอาการบาดเจ็บอื่นๆ
• เวลาทำงานที่ไม่แน่นอน:  อาจต้องทำงานในเวลาที่ไม่สะดวก  เช่น ช่วงเช้าตรู่หรือดึกดื่น  และอาจต้องทำงานล่วงเวลา  เพื่อให้ทันกับการให้บริการผู้โดยสาร
• ความเครียด:  ต้องทำงานภายใต้แรงกดดัน  เพื่อให้ทันกำหนดเวลา  และต้องรับมือกับความคาดหวังสูงจากผู้โดยสาร  และการทำงานร่วมกับบุคคลหลากหลาย
• ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย:  การทำงานกับอุปกรณ์เครื่องครัวที่คมและร้อน  เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ  และความเสี่ยงด้านความปลอดภัยด้านอาหาร
• พื้นที่ทำงานจำกัด:  พื้นที่ครัวบนเรืออาจมีขนาดจำกัด  ทำให้การทำงานคับแคบและยากลำบาก
• การทำงานในพื้นที่ปิด:  การทำงานในครัวเป็นพื้นที่ปิด  อาจทำให้รู้สึกอึดอัด  และมีโอกาสเจ็บป่วยได้ง่ายกว่าการทำงานในพื้นที่โล่ง


สายอาชีพ:
เริ่มจากตำแหน่งผู้ช่วยพ่อครัวหรือบางที่เริ่มต่ำกว่านั้น ถ้าไม่ได้เรียนจบทำอาหารมาโดยตรง  แล้วพัฒนาไปสู่พ่อครัว  เชฟ  หัวหน้าเชฟ  หรือผู้จัดการครัว  โอกาสในการเติบโตขึ้นอยู่กับความสามารถ  ประสบการณ์  และความพยายามของแต่ละบุคคล

สรุปแล้ว  งานครัวบนเรือสำราญเป็นงานที่ท้าทาย และรายได้ดีงานหนึ่ง และก็มีความน่าสนใจ  ผู้ที่สนใจควรมีความแข็งแรง  อดทน  มีความรู้และทักษะด้านการทำอาหาร  และทำงานเป็นทีมได้ดี  ควรตระหนักถึงจุดอ่อนของงาน  และเตรียมพร้อมรับมือกับความยากลำบากต่างๆ  เพื่อให้สามารถประสบความสำเร็จในสายอาชีพนี้ได้
.

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่