เรามีภาคสองนะ กดอ่านได้เลย เมื่ออ่านตอนนี้จบแล้วนะ
เที่ยว ฮาวาย อลาสก้า กัน
ก่อนอื่นต้องขอบอกไว้ตั้งแต่เริ่มเลยนะครับว่า ผมทำงานเรือสำราญมาแล้ว ถึงได้มาเขียนรีวิวให้พวกคุณอ่านได้ ผมจะขอข้ามกระบวนการการเตรียมตัว การสมัคร การสัมภาษณ์ ออกไปเลยนะครับ เพราะข้อมูลเหล่านั้นคงจะหากันได้ทั่วไปตามที่ต่างๆนะครับ มาเรามาเข้าเรื่องกันเลย
ผมจบปริญญาตรีและโท ที่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน เรียนจบก็ไปทำงานอยู่ที่ ดูไบ เป็นลูกเรือ สายการบินแห่งหนึ่ง ผมอยู่ได้ 2 ปี ลาออก เนื่องด้วยปัญหาส่วนตัวคือ ไม่ชอบทำงานในที่แคบ ซึ่งตอนแรกไม่รู้ตัวเอง แต่พอทำไปเรื่อยๆเป็นปี สองปี ก็รู้และมั่นใจว่า มันแคบและไม่สนุกเอาซะเลย ยิ่งวันไหน แลนด์ไกลๆ ต้องอยู่บนเครื่องบริการผู้โดยสารเป็นเวลานานๆ เราเริ่มอึดอัดมาก ย้ำนะว่า เป็นปัญหาส่วนตัวของผมเอง เคยเลือดออกจมูกด้วย บางช่วงบางตอนก็หูดับไปข้างหนึ่งเฉยๆเลย เฮ่อออ เราก็เลย เฟรดตัวเองออกมาดีกว่า ก็เลยมาสมัครงานเรือสำราญกับเพื่อนที่บริษัทจัดหางานในกรุงเทพ ใครอยากรู้ก็ไปหาข้อมูลเอานะครับ ค้นหาใน google มีให้เลือกมากมายครับ ผมขอข้าม
โอเค รู้จักเจ้าของกระทู้คล่าวๆแล้วนะครับ เรามาเริ่มกันเลย ผมทำงานเรือสำราญเป็นครั้งแรก ความรู้สึกของการมาถึง ยังไม่ได้ขึ้นนะ โหยยย ยุ่งยากมากกกกก ตรวจชื่อ รับเอกสาร ตรวจกระเป๋า รอ สักพัก ก็เดินขึ้นเหยียบเรือสำราญ จะมีคนมารอรับเรา แล้วแต่ว่าเราอยู่แผนกไหน คนของแผนกนั้นจะมารับเราไป เริ่มเลยก็พาเดินไปห้องพัก แหม๋ ทางไปนี่คือ เดินซ้าย ขวา วกไปวนมา แบกกระเป๋า ลงบรรไดแคบๆ แนะนำคนที่จะมานะ ให้เอากระเป๋าใบเล็กมาจะดีมาก สบายเรา แต่ก็อย่างว่า ต้องเตรียมสะเบียงมาให้พอ 8 เดือน สินะ งั้นก็ตามสะดวกกันเลยนะ พอมาถึง ก็เอาของเก็บ ยังไม่ได้เอาของออกจากกระเป๋าเลย ต้องไปรับชุดพนักงาน จากนั้นก็เอาไปรีดก่อนก็ดีนะ เพราะต้องใส่เลย ทำงานเลยยยยยยยย ฮ่าๆๆ คือขึ้นเรือมาแล้ว คุณต้องทำงานเลยนะจ๊ะ จะมาขอตัวไปอาบน้ำ นอนพักสักสองสามชั่วโมง เดี๋ยวๆ ตื่นครับ !!! เปลี่ยนชุดไปทำงาน วันแรกก็จะไม่มีอะไรมาก เค้าก็สอนงาน เพื่อนร่วมงานก็เป็นต่างชาติ ดีบ้างร้ายบ้างตามประสามนุษย์ ก็เรียนรู้งานกันไป ช่วงอาทิตย์แรกที่ขึ้นเรือ จะต้องตามล่าลายเซ็นต์ของพวกเมเนเจอร์โน่นนี่นั่นนะ แผนกต่างๆ เช่น แผนกความปลอดภัย แผนกฝ่ายบุคคล แผนกสิ่งแวดล้อม เป็นต้น คือเค้าจะมีเทรนเราแล้วเค้าก็จะเซ็นต์ให้เรา ต้องให้ครบตามกำหนดนะ มิเช่นนั้น กลับบ้านไปเลย เตือนแล้วนะ !!! มีให้สอบด้วยก็มีหลายหัวข้อเหมือนกัน ก็ต้องทำให้ครบมีใบประกาศ ข้อมูลก็จะถูกส่งไปในฝ่ายบุคคล เป็นอันเสร็จสิ้นเรื่องความรู้ที่ต้องมี ตรงนี้เราต้องหาเวลาว่างมาทำเองนะ คือ นอกเวลางานอ่ะ แบบว่า ทำงานเหนื่อยก็ต้องแบกร่างมาทำข้อสอบให้เสร็จไม่งั้นก็ต้องเก็บกระเป๋ากลับบ้านไป โอ้ย โหดไปนะเนี่ย เพื่อนผมทำเท่าไรก็ไม่ผ่าน บางอันผ่าน บางอันไม่ผ่าน เค้าก็จดมาให้ผมทำให้แล้วเอาไปตอบในคอมเอง เอ้ออ ช่วยๆกัน
อยู่ได้มาสัก อาทิตย์ เริ่มคิดว่า ผมมาทำอะไรตรงนี้เนี่ย เหนื่อยมั้ย เหนื่อยนะ แต่ถามว่า ไม่มีงานไหนหรอกที่ไม่เหนื่อย แต่ที่ผมเครียดคือ สังคม ที่ผมไม่เคยเจอ มันคนละโลกกับที่ผมทำงานเป็นสจ๊วตเลย งานบริการที่เน้นความไวมากกว่ารายละเอียด ซึ่งช่วงแรกนั้น ผมช้ามาก ช้าจนโดนติ เพราะผมต้องให้ความสำคัญกับลูกค้าทุกท่าน หลังๆเริ่มปรับตัวได้ ไวมากขึ้น คิดรอบคอบมากขึ้น ทำงานทีเดียว ไม่ทำซ้ำไปซ้ำมา เพราะต้องรักษาเวลา ลักษณะงาน ขึ้นอยู่กับว่า คุณทำงานในตำแหน่งอะไร แผนกอะไร ผมขอเล่าลักษณะงานของผมนะครับ เพราะผมผ่านมาจริง ผมทำงานอยู่ห้องอาหาร เช้าก็จะเป็นบุฟเฟ่ ก็ไม่มีอะไรมาก เก็บจาน เช็ดโต๊ะ เสิร์ฟน้ำ ถามลูกว่าจะ จะรับน้ำอะไร ชามะนาว น้ำส้ม น้ำเปล่า ชา กาแฟ จากนั้นก็เดินไปมา คอยดูคอยบริการ แล้วเย็นก็จะเป็นการบริการแบบ ดินเนอน์ ที่จะเป็นทางการมากขึ้น มาอาหารแบ่งเป็นคอร์ส หลากหลายคอร์ส เนื้องานก็จะมีมากขึ้น ต้องมีความรู้เรื่องอาหารนั้นๆ ส่วนผสม เพราะถ้าลูกค้าแพ้ เราจะสามารถแนะนำให้ลูกค้าได้ อันนี้สำคัญนะ ถ้าใครยังไม่รู้ว่า การแพ้อาหารมีอะไรบ้างก็ลองๆหาที่ google กันนนะครับ มาเยอะครับ เพราะมีมากกว่าการแพ้อาหารอีกนะครับ บางคนเป็นเบาหวาน บางคนหมอสั่งห้ามโน่นนี่ ไรงี้ ไปหาเป็นข้อมูลให้ตัวเองนะครับ เพราะจะช่วยในการสัมภาษณ์งานของพวกคุณด้วยนะ
ว่าด้วยเรื่องตารางเวลาทำงาน ที่บริษัทเรือนี้ ห้ามทำงานเกิน 11 ชั่วโมงต่อวัน น้อยกว่านี้ได้ ตารางงานส่วนมากจะเหมือนกันจนจบทริป 1 ทริป เช่น ทริปนี้ ล่องเรือ 10 วัน เราเข้าเช้า เราก็จะได้เข้าเช้าตลอดทั้งทริปนั้น แต่คนที่ทำห้องอาหาร จะต้องทำดินเนอร์ทุกคนนะ นั่นคือ ถ้าคุณเข้าเช้า จะต้องไปเบรค แล้วมาเข้างานต่อเวลาเย็น ถ้าเข้าบ่ายก็ยาวไปจนเลิกงาน เข้าใจตรงกันนะ อะขยายอีกนิด ให้เข้าใจกันง่ายๆ เช่น ถ้าเข้างาน 7 :00 - 11 :00 เช้านะ แล้วไปพัก หรือจะไปเที่ยวก็แล้วแต่คุณ จากนั้นก็มาเข้างานต่อ 17:00 - 22:00 เย็น รวมๆก็จะทำงานวันละ 9 ชั่วโมง มากน้อยกว่ากันไม่เกิน 1-2 ชั่วโมง บางวันผมก็ทำงาน 6 ชั่วโมง แล้วแต่เงื่อนไขของทางเรือลำนั้นๆนะ เป็นต้น ต้องบอกเลยว่าทำงานไม่มีวันหยุดนะ ทำทุกวัน ผมคิดว่า แรกๆผมต้องเตรียมตัวนานแบบว่า เข้า 7 โมง ต้องตื่นตั้งแต่ 6 โมง เพื่ออาบน้ำแต่งตัว กินข้าว หลังๆเริ่มปรับตัว เตรียมชุดทำงานของวันพรุ่งนี้ ไว้เลย เข้า 7 โมงเช้า ตื่น 6.30 อาบน้ำแต่งตัว เดินไปทำงาน 5 นาที รถไม่ติด เอาจริงๆถ้าเทียบกับทำงานปรกติ ทำงาน 7 โมงเช้า คือต้องตื่นตั้งแต่ ตีห้า อาบน้ำแต่งตัว ใช้เวลาอยู่บนท้องถนน ฝนตก รถติด บางช่วง โอ้ยยย บั่นทอนการทำงานเป็นอย่างมาก แถมเวลาเลิกงานก็ต้องอยู่บนท้องถนนอีก กี่ชั่วโมงถามจริง!! นับรวมๆแล้ว 1 เดือนผมทำงาน 10 ชั่วโมง คือ 10 ชั่วโมงจริงๆ แต่ถ้าทำงานปรกติ ทำงาน 10 ชั่วโมงก็จริง แต่การเดินทางไปกลับนี่ก็หลายชั่วโมงอยู่นะกว่าจะได้เอนตัวลงนอน ลองนับลองบวกลบคูณหารเอากันเองนะครับ เพราะสถานที่ทำงานของแต่ละคนใกล้ไกลไม่เท่ากัน
ผมจะขอพูดว่า ปัจจัยอะไรที่จะทำให้คนอยู่ไม่ได้ ก็สังคมของการทำงานนี่แหล่ะ ตอนแรกผมขึ้นเรือไปกับเพื่อนคนไทยด้วยกัน ผมกับเพื่อนอีกคนอยู่ห้องอาหารเดียวกัน เพื่อนผมเป็นคนที่ เข้มแข็งมาก มันบอกว่ามันผ่านอะไรมาเยอะ แบบนี้กระจอกมากสำหรับมัน ส่วนผม เครียดทุกวันหลังเลิกงาน ก็จะมานั่งกินนั่งคุยกันที่บาร์ของลูกเรือ มันก็ช่วยผมตลอด จนผมเข็มแข็งขึ้นมามาก เริ่มเปลี่ยนทัศนคติ เริ่มคิดว่า ไม่มีใครบังคับผมมา ผมมาของผมเอง มองให้ชิน เข้าใจระบบงานให้มากขึ้น แต่ก็ยังตั้งอยู่ในพื้นฐานของความถูกต้อง ท้อมากช่วงแรก หลังๆเริ่มมีเพื่อนมากขึ้น มนุษย์สัมพันธ์ที่ดีกับทุกคนทั้งที่ทำงาน และก็ลูกค้า ได้รับคำชมจากลูกค้า เป็นกำลังใจผมมาก เพื่อนๆร่วมงานอยากทำงานกับเรา จนพวกคนพวกนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเราแล้ว มันก็ทำให้เรามีความสุขมากขึ้นกับการทำงานในทุกๆวัน
เฮ่อออ กว่าจะผ่านช่วง 2 - 3 เดือนแรกมาได้นะ ยากมากกกก เชื่อเลยว่าทุกคนจะต้องเอาชนะใจตัวเองให้ได้ ไม่ใช่ใครอื่นเลยที่จะทำให้เราอยู่ไม่ได้นอกจากตัวเราเอง ผมขอเล่าว่า ตอนผมขึ้นเรือมา มาคนไทยด้วยกันทั้งหมด 8 คน อยู่จนจบคอนแทรค 7 คน ออกไป 1 คน เนื่องด้วยปัญหาทางสุขภาพ คือดีนะ น้องป่วย เพราะออกไปเที่ยว Saint Petersburg ที่ประเทศรัสเซีย ไปเที่ยวแบบกลับมาตีสี่ แล้วอาการน้องก็ทรุด จนต้องไปนอนโรงพยาบาลที่ Copenhagen ประเทศเดนมาร์ก น้องนอนพักรักษาตัวเป็นระยะเวลาเกือบ 2 เดือน จนดีขึ้น แล้วน้องก็เลยขอกลับบ้าน เพื่อไปรักษาตัวก่อน คือบริษัทเรือนี้ผมยอมเลย ดีมาก ค่ารักษาน้องนี่หลักล้านนะ เพราะนอนโรงพยาบาล 2 เดือนเลยอ่ะ แต่ไม่ต้องจ่ายสักบาท แถมตอนกลับยังได้เงินเดือนที่ทำไว้ก่อนหน้าที่น้องจะป่ายด้วย ซึ่งก่อนที่ผมจะมานั่งเขียนกระทู้นี้ น้องก็ได้ติดต่อมานะ บอกว่า ได้ e-mail จากทางบริษัทแล้วว่า ให้ไปเริ่มงานเดือนกรกฎาคมนี้ น้องก็หายดีแล้วด้วย ซึ่งที่ได้บรรยายมานั้นก็อยากจะบอกแค่ว่า เค้าดูแลเราดีครับ เป็นห่วงมาก แค่ปวดหัวก็รีบไปหาหมอเลย ทราบมั้งครับว่าเพราะอะไร คือว่า เค้ากลัวว่า คนที่ไม่สบายจะเป็นตัวแพร่เชื้อให้กับคนบนเรือแล้วจะกระจายไปยากต่อการควบคุมครับ ยิ่งถ้าอ้วก ถ้ายท้องนี่ไม่ต้องพูดถึงนะ พักไปเลย อาจถูกกักบริเวณด้วย
เรามาพูดถึงเรื่องเงินเดือนดีกว่า อยากรู้กันมั้ยครับว่า ทำงานเรือสำราญนี่ได้เงินเยอะสมกับที่คนเขาพูดกันหรือป่าว เอาเป็นว่า เริ่มจากว่า ระดับของรายได้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่เราทำนะครับ อยากได้เงินเยอะก็มาตำแหน่งสูงๆนะครับ เงินเดือนเท่าที่ผมทราบนะครับ ก็เริ่มจาก 25k ไปจนถึง 300k-400k กันเลยทีเดียว แต่คุณต้องเป็นกัปตันนะ ฮ่าๆๆๆ เป็นเมเนเจอร์ก็ได้ เอาความรู้ความสามารถมาทำให้เค้าเห็นแววเราก็ได้เลื่อขั้นนะ ทำงานบนเรือเลื่อนขั้นไม่ยากแต่ก็ไม่ง่าย ขึ้นอยู่กับจังหวะและเวลาที่เหมาะสมนะ ส่วนเจ้าของกระทู้ก็ได้เงินเดือน ประมาณ 70K มากน้อยขึ้นอยู่กับ servicr charge ของเดือนนั้นๆนะ ยังไม่รวมเงินทิปนะที่จะได้ เคยได้สูงสุด ประมาณ 50k รวมกัน 1 เดือนนะ สรุปรวมๆต่อเดือนก็จะได้เงินประมาณ 120K ดูเยอะมั้ย ทิปขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของลูกค้านะ ยกตัวอย่างเพื่อนที่ไปด้วยกันทำงานแผนกเดียวกัน บางทริปก็ได้ทิป บางทริปไม่ได้เลยก็มี อยู่ที่เราทำนะครับทิปอ่ะ ส่วนเงินเดือนก็ไม่ค่อยต่างมากกันเท่าไรครับ ขอขยายความนะครับสำหรับคนที่ไม่เข้าใจว่า 70k เท่ากับเท่าไร ผมจะอ๊บายเป็นตัวเลขนะครับ 70k = 70,000 บาท 120k = 120,000 บาทครับ ได้เงินดีแต่ก็ต้องแลกกับหลายๆอย่างครับ ไกลบ้าน เวลาต่างกับที่บ้านแบบที่บ้านเช้าเรามืดที่บ้านมืดเราเช้า เวลาจะคุยกับแม่คือต้องตื่นสัก 6 โมงเช้า เพราะที่บ้านจะได้ประมาณช่วง 6 โมงเย็นไรงี้ แล้วแต่ว่าใครจะมีวิธีการจัดการปัญหายังไงนะ
อินเตอร์เน็ตบนเรือมีมั้ย มีนะ แต่ต้องซื้อ บางบริษัทให้ฟรี แต่เรือผมบริษัทผมซื้อ 40 ดอลลาร์ ได้ เท่าไรไม่แน่ใจ แต่ก็ไม่เยอะ ใช้ตอบแชทไลน์ คุยกับที่บ้าน เค้าจะมีให้บัตรโทรศัตร์ฟรีตอนแรกที่ขึ้นเรือ เราก็โทรหาที่บ้านได้ โดยใช้โทรศัพท์บนเรือตรงไหนก็ได้ หรือจะในห้องพักเราเองก็ได้ แนะนำนะถ้าติดเน็ตมากแบบชั้นต้องตายถ้าไม่ได้เล่นเฟสเล่นอินสตาร์แกรม ก็เวลาเรือจอดท่าก็ลงไปแถวๆท่าแหล่ะ มีไวไฟฟรี หรือก็ไปตามร้านกาแฟนั่งไปยาวๆ ส่วนผมก็คุยกับแม่ ไม่มีไรมาก ถ่ายรูปสวยๆแต่ละประเทศ ลงเฟสลงไอจี ก็พอแล่ะ
ทำงานเรือได้เที่ยวมั้ย ตอบเลยว่า ได้เที่ยวสิครับ จะไปไหนก็ไป อยากเดิน นั่งรถ ลงเรือ ทำได้หมด ขอแค่ไม่มีตารางงาน แล้วกลับมาให้ทันเรือออกก็พอแล้ว ถามว่า ไม่มีเวลาลงเพราะมีตารางงานช่วงนั้นช่วงนี้ ใจเย็นๆ เรือไม่ได้มารอบเดียวแล้วไปอีกซีกโลกหนึ่ง เค้าก็จะวนเวียนแถวๆนั้นแหละสัก 1 2 เดือน ยังไงก็ต้องมาจังหวะลงไปเที่ยว สูดอากาศได้ชุ่มปอดแหล่ะครับ เวลาผม ไม่มีงานตอนกลางวันนะ ก็ออกไปเที่ยวจนเหนื่อยแล้วกลับมานอนแล้วก็เข้างานเย็น ก็สนุกนะ ได้เที่ยวจริงไม่ต้องเสียค่าตั๋ว ค่าเดินทาง แต่ส่วนมากผมจะนั่งแท็กซี่ เพราะอยากทำเวลา ให้เร็ว เที่ยวได้เยอะๆ
ตอนนี้พักร้อนอยู่ครับใกล้กลับไปทำงานต่อแล้ว อีกไม่กี่วัน ครั้งที่แล้วเที่ยวยุโรปจนเบื่อ ครั้งนี้จะไปอีกซีกหนึ่งของโลก อาลาสก้า ยังไม่เคยไป ฮาวาย แม๊กซิโก บลาๆๆ พร้อมนะ แล้วคุณหล่ะ พร้อมแล้วหรือยัง
สุดท้ายนี้ถ้ามีอะไรผิดพลาดประการใด้ ผมต้องกราบขออภัยไว้ ณ ที่นี้นะครับ ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาจนถึงตรงนี้ กลับมาครั้งหน้า จะมาเล่าเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวกับงานเรือสำราญให้อ่านกันนะครับ ไปแล้วครับ สวัสดีครับ
ทำงานเรือสำราญได้เงินเยอะจริงหรอ เรามาดูกัน
ก่อนอื่นต้องขอบอกไว้ตั้งแต่เริ่มเลยนะครับว่า ผมทำงานเรือสำราญมาแล้ว ถึงได้มาเขียนรีวิวให้พวกคุณอ่านได้ ผมจะขอข้ามกระบวนการการเตรียมตัว การสมัคร การสัมภาษณ์ ออกไปเลยนะครับ เพราะข้อมูลเหล่านั้นคงจะหากันได้ทั่วไปตามที่ต่างๆนะครับ มาเรามาเข้าเรื่องกันเลย
ผมจบปริญญาตรีและโท ที่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน เรียนจบก็ไปทำงานอยู่ที่ ดูไบ เป็นลูกเรือ สายการบินแห่งหนึ่ง ผมอยู่ได้ 2 ปี ลาออก เนื่องด้วยปัญหาส่วนตัวคือ ไม่ชอบทำงานในที่แคบ ซึ่งตอนแรกไม่รู้ตัวเอง แต่พอทำไปเรื่อยๆเป็นปี สองปี ก็รู้และมั่นใจว่า มันแคบและไม่สนุกเอาซะเลย ยิ่งวันไหน แลนด์ไกลๆ ต้องอยู่บนเครื่องบริการผู้โดยสารเป็นเวลานานๆ เราเริ่มอึดอัดมาก ย้ำนะว่า เป็นปัญหาส่วนตัวของผมเอง เคยเลือดออกจมูกด้วย บางช่วงบางตอนก็หูดับไปข้างหนึ่งเฉยๆเลย เฮ่อออ เราก็เลย เฟรดตัวเองออกมาดีกว่า ก็เลยมาสมัครงานเรือสำราญกับเพื่อนที่บริษัทจัดหางานในกรุงเทพ ใครอยากรู้ก็ไปหาข้อมูลเอานะครับ ค้นหาใน google มีให้เลือกมากมายครับ ผมขอข้าม
โอเค รู้จักเจ้าของกระทู้คล่าวๆแล้วนะครับ เรามาเริ่มกันเลย ผมทำงานเรือสำราญเป็นครั้งแรก ความรู้สึกของการมาถึง ยังไม่ได้ขึ้นนะ โหยยย ยุ่งยากมากกกกก ตรวจชื่อ รับเอกสาร ตรวจกระเป๋า รอ สักพัก ก็เดินขึ้นเหยียบเรือสำราญ จะมีคนมารอรับเรา แล้วแต่ว่าเราอยู่แผนกไหน คนของแผนกนั้นจะมารับเราไป เริ่มเลยก็พาเดินไปห้องพัก แหม๋ ทางไปนี่คือ เดินซ้าย ขวา วกไปวนมา แบกกระเป๋า ลงบรรไดแคบๆ แนะนำคนที่จะมานะ ให้เอากระเป๋าใบเล็กมาจะดีมาก สบายเรา แต่ก็อย่างว่า ต้องเตรียมสะเบียงมาให้พอ 8 เดือน สินะ งั้นก็ตามสะดวกกันเลยนะ พอมาถึง ก็เอาของเก็บ ยังไม่ได้เอาของออกจากกระเป๋าเลย ต้องไปรับชุดพนักงาน จากนั้นก็เอาไปรีดก่อนก็ดีนะ เพราะต้องใส่เลย ทำงานเลยยยยยยยย ฮ่าๆๆ คือขึ้นเรือมาแล้ว คุณต้องทำงานเลยนะจ๊ะ จะมาขอตัวไปอาบน้ำ นอนพักสักสองสามชั่วโมง เดี๋ยวๆ ตื่นครับ !!! เปลี่ยนชุดไปทำงาน วันแรกก็จะไม่มีอะไรมาก เค้าก็สอนงาน เพื่อนร่วมงานก็เป็นต่างชาติ ดีบ้างร้ายบ้างตามประสามนุษย์ ก็เรียนรู้งานกันไป ช่วงอาทิตย์แรกที่ขึ้นเรือ จะต้องตามล่าลายเซ็นต์ของพวกเมเนเจอร์โน่นนี่นั่นนะ แผนกต่างๆ เช่น แผนกความปลอดภัย แผนกฝ่ายบุคคล แผนกสิ่งแวดล้อม เป็นต้น คือเค้าจะมีเทรนเราแล้วเค้าก็จะเซ็นต์ให้เรา ต้องให้ครบตามกำหนดนะ มิเช่นนั้น กลับบ้านไปเลย เตือนแล้วนะ !!! มีให้สอบด้วยก็มีหลายหัวข้อเหมือนกัน ก็ต้องทำให้ครบมีใบประกาศ ข้อมูลก็จะถูกส่งไปในฝ่ายบุคคล เป็นอันเสร็จสิ้นเรื่องความรู้ที่ต้องมี ตรงนี้เราต้องหาเวลาว่างมาทำเองนะ คือ นอกเวลางานอ่ะ แบบว่า ทำงานเหนื่อยก็ต้องแบกร่างมาทำข้อสอบให้เสร็จไม่งั้นก็ต้องเก็บกระเป๋ากลับบ้านไป โอ้ย โหดไปนะเนี่ย เพื่อนผมทำเท่าไรก็ไม่ผ่าน บางอันผ่าน บางอันไม่ผ่าน เค้าก็จดมาให้ผมทำให้แล้วเอาไปตอบในคอมเอง เอ้ออ ช่วยๆกัน
อยู่ได้มาสัก อาทิตย์ เริ่มคิดว่า ผมมาทำอะไรตรงนี้เนี่ย เหนื่อยมั้ย เหนื่อยนะ แต่ถามว่า ไม่มีงานไหนหรอกที่ไม่เหนื่อย แต่ที่ผมเครียดคือ สังคม ที่ผมไม่เคยเจอ มันคนละโลกกับที่ผมทำงานเป็นสจ๊วตเลย งานบริการที่เน้นความไวมากกว่ารายละเอียด ซึ่งช่วงแรกนั้น ผมช้ามาก ช้าจนโดนติ เพราะผมต้องให้ความสำคัญกับลูกค้าทุกท่าน หลังๆเริ่มปรับตัวได้ ไวมากขึ้น คิดรอบคอบมากขึ้น ทำงานทีเดียว ไม่ทำซ้ำไปซ้ำมา เพราะต้องรักษาเวลา ลักษณะงาน ขึ้นอยู่กับว่า คุณทำงานในตำแหน่งอะไร แผนกอะไร ผมขอเล่าลักษณะงานของผมนะครับ เพราะผมผ่านมาจริง ผมทำงานอยู่ห้องอาหาร เช้าก็จะเป็นบุฟเฟ่ ก็ไม่มีอะไรมาก เก็บจาน เช็ดโต๊ะ เสิร์ฟน้ำ ถามลูกว่าจะ จะรับน้ำอะไร ชามะนาว น้ำส้ม น้ำเปล่า ชา กาแฟ จากนั้นก็เดินไปมา คอยดูคอยบริการ แล้วเย็นก็จะเป็นการบริการแบบ ดินเนอน์ ที่จะเป็นทางการมากขึ้น มาอาหารแบ่งเป็นคอร์ส หลากหลายคอร์ส เนื้องานก็จะมีมากขึ้น ต้องมีความรู้เรื่องอาหารนั้นๆ ส่วนผสม เพราะถ้าลูกค้าแพ้ เราจะสามารถแนะนำให้ลูกค้าได้ อันนี้สำคัญนะ ถ้าใครยังไม่รู้ว่า การแพ้อาหารมีอะไรบ้างก็ลองๆหาที่ google กันนนะครับ มาเยอะครับ เพราะมีมากกว่าการแพ้อาหารอีกนะครับ บางคนเป็นเบาหวาน บางคนหมอสั่งห้ามโน่นนี่ ไรงี้ ไปหาเป็นข้อมูลให้ตัวเองนะครับ เพราะจะช่วยในการสัมภาษณ์งานของพวกคุณด้วยนะ
ว่าด้วยเรื่องตารางเวลาทำงาน ที่บริษัทเรือนี้ ห้ามทำงานเกิน 11 ชั่วโมงต่อวัน น้อยกว่านี้ได้ ตารางงานส่วนมากจะเหมือนกันจนจบทริป 1 ทริป เช่น ทริปนี้ ล่องเรือ 10 วัน เราเข้าเช้า เราก็จะได้เข้าเช้าตลอดทั้งทริปนั้น แต่คนที่ทำห้องอาหาร จะต้องทำดินเนอร์ทุกคนนะ นั่นคือ ถ้าคุณเข้าเช้า จะต้องไปเบรค แล้วมาเข้างานต่อเวลาเย็น ถ้าเข้าบ่ายก็ยาวไปจนเลิกงาน เข้าใจตรงกันนะ อะขยายอีกนิด ให้เข้าใจกันง่ายๆ เช่น ถ้าเข้างาน 7 :00 - 11 :00 เช้านะ แล้วไปพัก หรือจะไปเที่ยวก็แล้วแต่คุณ จากนั้นก็มาเข้างานต่อ 17:00 - 22:00 เย็น รวมๆก็จะทำงานวันละ 9 ชั่วโมง มากน้อยกว่ากันไม่เกิน 1-2 ชั่วโมง บางวันผมก็ทำงาน 6 ชั่วโมง แล้วแต่เงื่อนไขของทางเรือลำนั้นๆนะ เป็นต้น ต้องบอกเลยว่าทำงานไม่มีวันหยุดนะ ทำทุกวัน ผมคิดว่า แรกๆผมต้องเตรียมตัวนานแบบว่า เข้า 7 โมง ต้องตื่นตั้งแต่ 6 โมง เพื่ออาบน้ำแต่งตัว กินข้าว หลังๆเริ่มปรับตัว เตรียมชุดทำงานของวันพรุ่งนี้ ไว้เลย เข้า 7 โมงเช้า ตื่น 6.30 อาบน้ำแต่งตัว เดินไปทำงาน 5 นาที รถไม่ติด เอาจริงๆถ้าเทียบกับทำงานปรกติ ทำงาน 7 โมงเช้า คือต้องตื่นตั้งแต่ ตีห้า อาบน้ำแต่งตัว ใช้เวลาอยู่บนท้องถนน ฝนตก รถติด บางช่วง โอ้ยยย บั่นทอนการทำงานเป็นอย่างมาก แถมเวลาเลิกงานก็ต้องอยู่บนท้องถนนอีก กี่ชั่วโมงถามจริง!! นับรวมๆแล้ว 1 เดือนผมทำงาน 10 ชั่วโมง คือ 10 ชั่วโมงจริงๆ แต่ถ้าทำงานปรกติ ทำงาน 10 ชั่วโมงก็จริง แต่การเดินทางไปกลับนี่ก็หลายชั่วโมงอยู่นะกว่าจะได้เอนตัวลงนอน ลองนับลองบวกลบคูณหารเอากันเองนะครับ เพราะสถานที่ทำงานของแต่ละคนใกล้ไกลไม่เท่ากัน
ผมจะขอพูดว่า ปัจจัยอะไรที่จะทำให้คนอยู่ไม่ได้ ก็สังคมของการทำงานนี่แหล่ะ ตอนแรกผมขึ้นเรือไปกับเพื่อนคนไทยด้วยกัน ผมกับเพื่อนอีกคนอยู่ห้องอาหารเดียวกัน เพื่อนผมเป็นคนที่ เข้มแข็งมาก มันบอกว่ามันผ่านอะไรมาเยอะ แบบนี้กระจอกมากสำหรับมัน ส่วนผม เครียดทุกวันหลังเลิกงาน ก็จะมานั่งกินนั่งคุยกันที่บาร์ของลูกเรือ มันก็ช่วยผมตลอด จนผมเข็มแข็งขึ้นมามาก เริ่มเปลี่ยนทัศนคติ เริ่มคิดว่า ไม่มีใครบังคับผมมา ผมมาของผมเอง มองให้ชิน เข้าใจระบบงานให้มากขึ้น แต่ก็ยังตั้งอยู่ในพื้นฐานของความถูกต้อง ท้อมากช่วงแรก หลังๆเริ่มมีเพื่อนมากขึ้น มนุษย์สัมพันธ์ที่ดีกับทุกคนทั้งที่ทำงาน และก็ลูกค้า ได้รับคำชมจากลูกค้า เป็นกำลังใจผมมาก เพื่อนๆร่วมงานอยากทำงานกับเรา จนพวกคนพวกนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเราแล้ว มันก็ทำให้เรามีความสุขมากขึ้นกับการทำงานในทุกๆวัน
เฮ่อออ กว่าจะผ่านช่วง 2 - 3 เดือนแรกมาได้นะ ยากมากกกก เชื่อเลยว่าทุกคนจะต้องเอาชนะใจตัวเองให้ได้ ไม่ใช่ใครอื่นเลยที่จะทำให้เราอยู่ไม่ได้นอกจากตัวเราเอง ผมขอเล่าว่า ตอนผมขึ้นเรือมา มาคนไทยด้วยกันทั้งหมด 8 คน อยู่จนจบคอนแทรค 7 คน ออกไป 1 คน เนื่องด้วยปัญหาทางสุขภาพ คือดีนะ น้องป่วย เพราะออกไปเที่ยว Saint Petersburg ที่ประเทศรัสเซีย ไปเที่ยวแบบกลับมาตีสี่ แล้วอาการน้องก็ทรุด จนต้องไปนอนโรงพยาบาลที่ Copenhagen ประเทศเดนมาร์ก น้องนอนพักรักษาตัวเป็นระยะเวลาเกือบ 2 เดือน จนดีขึ้น แล้วน้องก็เลยขอกลับบ้าน เพื่อไปรักษาตัวก่อน คือบริษัทเรือนี้ผมยอมเลย ดีมาก ค่ารักษาน้องนี่หลักล้านนะ เพราะนอนโรงพยาบาล 2 เดือนเลยอ่ะ แต่ไม่ต้องจ่ายสักบาท แถมตอนกลับยังได้เงินเดือนที่ทำไว้ก่อนหน้าที่น้องจะป่ายด้วย ซึ่งก่อนที่ผมจะมานั่งเขียนกระทู้นี้ น้องก็ได้ติดต่อมานะ บอกว่า ได้ e-mail จากทางบริษัทแล้วว่า ให้ไปเริ่มงานเดือนกรกฎาคมนี้ น้องก็หายดีแล้วด้วย ซึ่งที่ได้บรรยายมานั้นก็อยากจะบอกแค่ว่า เค้าดูแลเราดีครับ เป็นห่วงมาก แค่ปวดหัวก็รีบไปหาหมอเลย ทราบมั้งครับว่าเพราะอะไร คือว่า เค้ากลัวว่า คนที่ไม่สบายจะเป็นตัวแพร่เชื้อให้กับคนบนเรือแล้วจะกระจายไปยากต่อการควบคุมครับ ยิ่งถ้าอ้วก ถ้ายท้องนี่ไม่ต้องพูดถึงนะ พักไปเลย อาจถูกกักบริเวณด้วย
เรามาพูดถึงเรื่องเงินเดือนดีกว่า อยากรู้กันมั้ยครับว่า ทำงานเรือสำราญนี่ได้เงินเยอะสมกับที่คนเขาพูดกันหรือป่าว เอาเป็นว่า เริ่มจากว่า ระดับของรายได้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่เราทำนะครับ อยากได้เงินเยอะก็มาตำแหน่งสูงๆนะครับ เงินเดือนเท่าที่ผมทราบนะครับ ก็เริ่มจาก 25k ไปจนถึง 300k-400k กันเลยทีเดียว แต่คุณต้องเป็นกัปตันนะ ฮ่าๆๆๆ เป็นเมเนเจอร์ก็ได้ เอาความรู้ความสามารถมาทำให้เค้าเห็นแววเราก็ได้เลื่อขั้นนะ ทำงานบนเรือเลื่อนขั้นไม่ยากแต่ก็ไม่ง่าย ขึ้นอยู่กับจังหวะและเวลาที่เหมาะสมนะ ส่วนเจ้าของกระทู้ก็ได้เงินเดือน ประมาณ 70K มากน้อยขึ้นอยู่กับ servicr charge ของเดือนนั้นๆนะ ยังไม่รวมเงินทิปนะที่จะได้ เคยได้สูงสุด ประมาณ 50k รวมกัน 1 เดือนนะ สรุปรวมๆต่อเดือนก็จะได้เงินประมาณ 120K ดูเยอะมั้ย ทิปขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของลูกค้านะ ยกตัวอย่างเพื่อนที่ไปด้วยกันทำงานแผนกเดียวกัน บางทริปก็ได้ทิป บางทริปไม่ได้เลยก็มี อยู่ที่เราทำนะครับทิปอ่ะ ส่วนเงินเดือนก็ไม่ค่อยต่างมากกันเท่าไรครับ ขอขยายความนะครับสำหรับคนที่ไม่เข้าใจว่า 70k เท่ากับเท่าไร ผมจะอ๊บายเป็นตัวเลขนะครับ 70k = 70,000 บาท 120k = 120,000 บาทครับ ได้เงินดีแต่ก็ต้องแลกกับหลายๆอย่างครับ ไกลบ้าน เวลาต่างกับที่บ้านแบบที่บ้านเช้าเรามืดที่บ้านมืดเราเช้า เวลาจะคุยกับแม่คือต้องตื่นสัก 6 โมงเช้า เพราะที่บ้านจะได้ประมาณช่วง 6 โมงเย็นไรงี้ แล้วแต่ว่าใครจะมีวิธีการจัดการปัญหายังไงนะ
อินเตอร์เน็ตบนเรือมีมั้ย มีนะ แต่ต้องซื้อ บางบริษัทให้ฟรี แต่เรือผมบริษัทผมซื้อ 40 ดอลลาร์ ได้ เท่าไรไม่แน่ใจ แต่ก็ไม่เยอะ ใช้ตอบแชทไลน์ คุยกับที่บ้าน เค้าจะมีให้บัตรโทรศัตร์ฟรีตอนแรกที่ขึ้นเรือ เราก็โทรหาที่บ้านได้ โดยใช้โทรศัพท์บนเรือตรงไหนก็ได้ หรือจะในห้องพักเราเองก็ได้ แนะนำนะถ้าติดเน็ตมากแบบชั้นต้องตายถ้าไม่ได้เล่นเฟสเล่นอินสตาร์แกรม ก็เวลาเรือจอดท่าก็ลงไปแถวๆท่าแหล่ะ มีไวไฟฟรี หรือก็ไปตามร้านกาแฟนั่งไปยาวๆ ส่วนผมก็คุยกับแม่ ไม่มีไรมาก ถ่ายรูปสวยๆแต่ละประเทศ ลงเฟสลงไอจี ก็พอแล่ะ
ทำงานเรือได้เที่ยวมั้ย ตอบเลยว่า ได้เที่ยวสิครับ จะไปไหนก็ไป อยากเดิน นั่งรถ ลงเรือ ทำได้หมด ขอแค่ไม่มีตารางงาน แล้วกลับมาให้ทันเรือออกก็พอแล้ว ถามว่า ไม่มีเวลาลงเพราะมีตารางงานช่วงนั้นช่วงนี้ ใจเย็นๆ เรือไม่ได้มารอบเดียวแล้วไปอีกซีกโลกหนึ่ง เค้าก็จะวนเวียนแถวๆนั้นแหละสัก 1 2 เดือน ยังไงก็ต้องมาจังหวะลงไปเที่ยว สูดอากาศได้ชุ่มปอดแหล่ะครับ เวลาผม ไม่มีงานตอนกลางวันนะ ก็ออกไปเที่ยวจนเหนื่อยแล้วกลับมานอนแล้วก็เข้างานเย็น ก็สนุกนะ ได้เที่ยวจริงไม่ต้องเสียค่าตั๋ว ค่าเดินทาง แต่ส่วนมากผมจะนั่งแท็กซี่ เพราะอยากทำเวลา ให้เร็ว เที่ยวได้เยอะๆ
ตอนนี้พักร้อนอยู่ครับใกล้กลับไปทำงานต่อแล้ว อีกไม่กี่วัน ครั้งที่แล้วเที่ยวยุโรปจนเบื่อ ครั้งนี้จะไปอีกซีกหนึ่งของโลก อาลาสก้า ยังไม่เคยไป ฮาวาย แม๊กซิโก บลาๆๆ พร้อมนะ แล้วคุณหล่ะ พร้อมแล้วหรือยัง
สุดท้ายนี้ถ้ามีอะไรผิดพลาดประการใด้ ผมต้องกราบขออภัยไว้ ณ ที่นี้นะครับ ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาจนถึงตรงนี้ กลับมาครั้งหน้า จะมาเล่าเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวกับงานเรือสำราญให้อ่านกันนะครับ ไปแล้วครับ สวัสดีครับ