10 ข้อที่น่าเรียนรู้เกี่ยวกับหุ้น Visa

10 ข้อที่น่าเรียนรู้เกี่ยวกับหุ้น Visa
1. ย้อนหลังกลับไปในปี 1958 ทาง Bank of America ได้ออกบัตร BankAmericard ด้วยการส่งบัตรเครดิตไปให้ลูกค้าที่อยู่ในแคลิฟอร์เนียทั้งหมด 65,000 คนด้วยวงเงินเครดิตหลักหลายร้อยดอลล่าร์ หลังจากนั้นบริษัทก็ได้เปลี่ยนมาเป็นชื่อ Visa ในปี 1976 ขยายธุรกิจมาเรื่อยๆจนกลายเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก โดยมีมูลค่าตลาด $559,000 ล้าน ณ วันที่ 15 กันยายน 2024 
2. โมเดลธุรกิจของ Visa เป็นเหมือนทางด่วนการเชื่อมต่อการจ่ายเงินในระบบดิจิตอลทั่วโลก Visa มีเครือข่ายที่ใหญ่มาก มีธนาคารที่เป็นบริษัทคู่ค้ามากกว่า 15,000 แห่งและมีร้านค้าทั้งออฟไลน์และออนไลน์มากกว่า 150 ล้านร้านค้า บริษัทไม่มีความเสี่ยงทางการเงินเนื่องจากเป็นเพียงตัวกลางในการเคลื่อนย้ายข้อมูลเกี่ยวกับการชำระเงินเท่านั้น
3. Visa มีค่าใช้จ่ายคงที่สูง แต่มีค่าใช้จ่ายผันแปรต่ำ ซึ่งส่งผลให้เกิด Operating Leverage สูง มีอัตรากำไรสุทธิ (Profit Margin) สูงถึง 54.72% จากรายได้ทั้งหมด เมื่อมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น เงินเกือบทั้งหมดจึงลงมาที่กำไร นั่นคือสาเหตุที่ทำให้บริษัทมีอัตราการเติบโตของกำไรสูงเกือบ 20% ต่อปีในขณะที่รายได้โตใกล้ 10% ต่อปี
4. การชำระเงินบนแพลตฟอร์ม Visa เติบโตเฉลี่ยที่ 17.4% ต่อปี (CAGR) ตั้งแต่ปี 1971 จนถึงปี 2023 โดยมีมูลค่าธุรกรรมรวมถึง $15 ล้านล้าน และจำนวนการทำธุรกรรมถึง 228 พันล้านครั้ง
5. รายได้ประจำปีของ Visa อยู่ที่ $35,000 ล้าน โดยมีผลกำไรสุทธิ 55% หรือเท่ากับ $19,000 ล้าน ซึ่งเกิดจากการเติบโตจากทั้งส่วนของผู้บริโภค (Consumer Payment) ธุรกิจการเงินแบบใหม่ (New Flows) และบริการมูลค่าเพิ่ม (Value Added Services)
6. ผมเชื่อว่าการจ่ายเงินของทั่วโลกในอนาคตจะแบ่งเป็นสองค่ายก็คือในประเทศจีนที่มี Union Pay ครองตลาดอยู่ กับประเทศอื่นทั้งหมดยกเว้นจีน โดยมี Visa เป็นผู้นำตลาด มีคู่แข่งหลักคือ Mastercard และ American Express
Visa มียอดการทำธุรกรรมทั้งหมดสูงที่สุดที่ $15.4 ล้านล้าน และมีจำนวนบัตรที่ใช้งานอยู่ถึง 4.5 พันล้านใบ สูงกว่าทั้งสองเจ้า อย่างไรก็ตามในส่วนของธุรกิจการชำระเงินระหว่างประเทศ Mastercard ทำได้ดีกว่าและเป็นธุรกิจที่มีมาร์จิ้นสูงกว่าจึงทำให้ PE ของทาง Mastercard อยู่ที่ 37.82 เท่าในขณะที่ของ Visa อยู่ที่ 29.48 เท่า
7. Visa ต้องเผชิญกับความเสี่ยงทางกฎหมายการต่อต้านการผูกขาดและการฟ้องร้องให้ลดค่าธรรมเนียมจากร้านค้า และล่าสุดเรื่องการผูกขาดบัตรเดบิตในอเมริกา ผมคิดว่าบริษัทคงต้องจ่ายค่าปรับในจำนวนเงินที่สูงเลยทีเดียว หรือในกรณีเลวร้ายที่สุดอาจต้องมีการปรับลดค่าบริการ แต่เนื่องจากบริษัทมีการชาร์จค่าบริการกับหลายๆส่วนทั้งธนาคารและร้านค้าและบริการอื่นๆ ผมเชื่อว่า Visa น่าจะบริหารจัดการให้ไม่กระทบกับกำไรสุทธิได้
8. การคาดการณ์ราคาที่เหมาะสมในอีก 5 ปีข้างหน้า ผมทำแบบ Worse, Likely และ Best case ด้วยการเติบโตในช่วง 5, 10, 15% ต่อปี โดยเทียบกับการเติบโตของกำไรในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาที่อยู่ที่ 10.9% กับ PE ที่ 25, 30, 33 ตามลำดับ โดยผมอ้างอิงพีอีย้อนหลังเฉลี่ย 10 ปีที่ 32.87 เท่า ผมสามารถประเมินราคาออกมาอยู่ที่ $359, $543 และ $746 ซึ่งเป็นราคาในอีกห้าปีข้างหน้า
9. Visa มีโอกาสในการเติบโตใหม่ๆ ในการให้บริการธุรกรรมแบบ B2B, P2P, G2C และ B2C ที่คาดว่าจะมีมูลค่าถึง $200 ล้านล้าน โดยให้ความสำคัญกับบริการมูลค่าเพิ่มที่เติบโตต่อเนื่อง
10. มุมมองโดยส่วนตัวคิดว่า Visa มีธุรกิจที่มีคูเมืองแข็งแกร่งแม้ว่าจะมีคู่แข่งโดยเฉพาะเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาแย่งส่วนแบ่งการตลาด แต่ผมเชื่อว่าการที่บริษัทมีทางด่วนเชื่อมต่อร้านค้ากับธนาคารทั่วโลกอยู่แล้ว ความสามารถในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ กับการสร้างพันธมิตรกับบริษัทอื่นๆ ถ้ามีเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาเช่น Blockchain ผมเชื่อว่า Visa ก็น่าจะเข้าไปซื้อกิจการหรือเข้าไปร่วมเป็นบริษัทคู่ค้า ข้อดีของบริษัทเทคโนโลยีใหม่ๆก็คือไม่ต้องเสียเวลาในการสร้างเครือข่าย เพียงแค่ร่วมมือกับ Visa ก็สามารถสร้างธุรกิจให้มีขนาดเติบโตได้อย่างรวดเร็วในรูปแบบ Win-Win 
Visa เป็นหุ้นที่ผมลงทุนมากว่า 10 ปีแต่ลงทุนในสัดส่วนที่ไม่ได้เยอะเท่าไหร่เพราะตอนนั้นไม่อยากไล่ซื้อราคาช่วงขาขึ้น ผมเชื่อว่า Visa เป็นหุ้นที่มีศักยภาพในการแข่งขันในระยะยาวที่ดีมาก บริษัทน่าจะยังเติบโตได้ด้วยการเข้าไปในธุรกิจใหม่ๆทั้ง B2B หรือบริการทางด้านการเงิน ข้อดีของ Visa คือเป็นแพลตฟอร์มที่มีธนาคารกับร้านค้าอยู่จำนวนมหาศาล การที่จะเริ่มบริการใหม่ๆสามารถที่จะสเกลไปได้อย่างรวดเร็วมากเลยทีเดียวครับ
บทความนี้เป็นการแชร์ข้อมูลของหุ้น Visa ไม่ได้เป็นการเชียร์ให้ซื้อเพื่อลงทุนครับ
ขอบคุณลงมุนแมนที่ให้ไปแชร์หุ้น Visa เมื่อวานด้วยครับ
เครดิต Billionaire VI

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่