แชร์ประสบการณ์ ตรวจ nipt test และเจาะน้ำคร่ำให้แม่ๆนะคะ
สวัสดีค่ะ เราอายุ 34 ปี กำลังตั้งครรภ์ ตอนนี้อายุครรภ์ 36 วีคค่ะ อยากมาแชร์ประสบการณ์ที่ตรวจเลือด แล้วได้ผล high risk trisomy 13 หรือ ความเสี่ยงสูงในกลุ่มอาการโรคพาทัว หรือ patau syndrome
เริ่มเลยนะคะ ออกตัวก่อนว่าส่วนตัว คือไม่เคยโพสหรือคอมเม้นอะไรในเว็บเลยค่ะ มีแค่เข้ามาแอบอ่านขอความรู้จากแม่ๆท่านอื่น แต่พอเกิดเหตุการณ์ขึ้นกับตัวเอง เลยอยากมาแชร์และให้กำลังใจแม่ๆท่านอื่นค่ะ
ด้วยความที่อายุเยอะ (เรา 34 ปี สามี 42 ปี) เลยลังเลเรื่องการมีลูก ส่วนตัวลึกๆอยากมีลูกค่ะ เเต่ก็กลัวว่าจะเลี้ยงเขาได้ไม่ดีในสังคมปัจจุบัน เลยคุยกับสามีไว้คร่าวๆว่า ถ้ามาก็มา แต่ถ้าไม่มาก็อยู่กันสองคนตายายไปนะ แต่จะไม่พึ่งวิทยาศาสตร์ (อันนี้ไม่ได้มีอคติอะไรนะคะ แค่เป็นจากเหตุผลข้างต้นที่บอกไปค่ะ)
แต่งงานกันมา 2 ปีกว่าๆ อยู่ๆประจำเดือนขาด ก็ตรวจพบการตั้งครรภ์ แล้วก็ไปหาหมอเพื่อฝากครรภ์ตามปกติค่ะ
พออายุครรภ์ได้ประมาณ 13 สัปดาห์ (26/4/67) คุณหมอจึงทำการขอตรวจ nipt ซึ่งเรากับสามีเลือกไปเป็น nipty focus (เป็นการตรวจความผิดปกติทางโครโมโซม คู่ที่ 13,18,21 และโครโมโซมเพศ นะคะ) คุณหมอแจ้งผล รอประมาณ 1 เดือน เเล้วก็ทำนัดไว้ ไอเราด้วยความไม่มีประวัติคนในครอบครัวมีภาวะนี้ทั้งฝั่งสามีและเรา ก็สบายใจ ไม่ได้คิดอะไร
แต่…อยู่ดีๆสามีก็ถามถ้าเขาไม่ปกติ เราจะทำยังไง เราก็ตอบเลยว่าคงไม่อยากให้เขาเกิด เพราะถ้าเราไม่อยู่แล้ว เขาน่าจะลำบากมากๆ ซึ่งสามีก็เห็นด้วย
นัดที่ลงไว้คือ 1 เดือน แต่พอผ่านไปแค่ 1 สัปดาห์ (3/5/67) มีเบอร์โรงพยาบาลโทรเข้ามาที่มือถือสามี (พอดีเราทำธุระไม่ได้รับโทรศัพท์) พยาบาลแจ้งว่า “คุณพ่อคะ พรุ่งนี้สะดวกไหมคะ พอดีผลเลือดน้องมีความเสี่ยงสูง คุณหมออยากเรียกเข้ามาคุยก่อนค่ะ” คุณสามีก็ทำการนัดไปหาคุณหมอในวันรุ่งขึ้น (คืนนั้นก่อนนอนก็เข้ามาหาข้อมูลในพันทิพ เพื่อหาว่ามีใครมีประสบการณ์เดียวกับเราไหม แล้วเขาทำไงกันต่อ แล้วเข้านอน แต่ก็นอนไม่ค่อยหลับ เครียด คิดเยอะ ว่ามันเป็นเพราะเราที่ดูแลตัวเองไม่ดีใช่ไหม)
4/5/67 ไปหาคุณหมอ คุณหมอแจ้งผลเลือดพร้อมเอาใบมาให้ดู ผลออกมา น้องมีความผิดปกติทางโครโมโซมคู่ที่ 13 … ที่น่าตกใจคือ ความเสี่ยงที่ระบุเป็นตัวเลขมาคือ 1/1.01 นอกนั้นผลเป็น low risk และโครโมโซมเพศออกมาเป็น XY หลังจากนั้นคุณหมอก็เริ่มแจ้งอาการและความรุนแรงของกลุ่มอาการนี้ หลักๆที่เด็ก จะมีอาการปากแหว่ง เพดานโหว่ หัวใจไม่แข็งแรง นิ้วเกิน และมักเสียชีวิตในครรภ์ หรือถ้าคลอดได้ก็มีอายุได้เป็นหลักวัน ส่วนอาการคุณแม่ถ้ายังตั้งครรภ์ต่อ หากพบเด็กภาวะนี้ ก็จะมีอาการครรภ์เป็นพิษ ความดันสูง และเป็นอันตรายต่อคุณแม่ได้ พอได้ยินอย่างนั้น หัวใจแม่ก็พังเลยค่ะ แต่พยายามตั้งสติ คุยกับคุณหมอ ดูตัวเลข ppv แล้วเอาไปศึกษาหาข้อมูลต่อ คุณหมอก็น่ารัก พยายามถามว่ามีอะไรอยากถามไหมคุณแม่ (ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออก เลยตอบว่าไม่มีค่ะ) สุดท้ายคุณหมอบอกว่า ผลทั้งหมดเป็นแค่ screening test เป็นแค่การคัดกรอง แต่ผลยังไม่ 100% ปกติเพื่อทำการวินิจฉัย เราต้องอาศัยการเจาะน้ำคร่ำ เพื่อ confirm ผลเท่านั้น ซึ่งการเจาะน้ำคร่ำ ก็จะมีความเสี่ยงเกิดโอกาสในการแท้งได้ ประมาณ 0.05% คือ 1 ใน 200 คน เราผู้ไม่มีทางเลือกอื่น ก็ทำการนัดวันมาเจาะน้ำคร่ำอีกครั้ง (การเจาะน้ำครั้งต้องมีอายุครรภ์ 16-20 สัปดาห์) คุณหมอก็ทำการนัดที่อายุครรภ์ 18 สัปดาห์
กลับบ้านมา นั่งอ่าน นั่งหาข้อมูล แล้วก็เครียดจนไม่ไหว บอกสามีว่าพาไปไหว้พระหน่อย แล้วก็อดทนรอ ทำงานวนไป เพื่อให้ถึงวันนัด
31/5/67 วันเจาะน้ำคร่ำ
เราไม่ได้เตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษ เพราะแอบอ่านมาจากพันทิพว่าไม่เจ็บ แค่พยายามอย่าใช้ร่างกายเยอะหลังเจาะน้ำคร่ำ ประมาณ 1-2 วัน
พอไปถึง คุณหมอก็ทำการอัลตราซาวน์ก่อน เพื่อดูโครงสร้างในร่างกายของน้องว่ามีอะไรที่ผิดปกติไหม ซึ่งคุณหมอก็ไม่เจออะไร ใจแม่เริ่มชื้นขึ้นมานิดนึง (เพราะไปอ่านมา เห็นว่าความผิดปกติโครโมโซมคู่ที่ 13 จะอัลตราซาวน์เจอความผิดปกติได้ในการตั้งครรภ์ไตรมาสที่ 2) คุณหมอเริ่มทำการหาตำแหน่งเจาะน้ำคร่ำ พยาบาลเอาผ้ามาปิดตาแม่ก่อนเพราะแม่กลัวเข็ม พอคุณหมอโอเค พยาบาลก็เริ่มเอายาฆ่าเชื้อเช็ดทำความสะอาดพุงแม่ เเล้วก็เอาเข็มเจาะผ่านหน้าท้อง จังหวะนี้เจ็บเหมือนฉีดวัคซีนแบบเข้ากล้ามเนื้อ มันจะหน่วงๆนิดนึง คุณหมอก็ทำการดูดน้ำออกมา ประมาณ 20 ซีซี แล้วก็ถอนเข็มออกปิดพลาสเตอร์ เป็นอันเสร็จ พยาบาลเปิดตาเราเเล้วเอาหลอดน้ำคร่ำมาให้เช็คชื่อสกุลให้ถูกต้อง เราเลยเห็นสีน้ำคร่ำที่ได้เป็นสีเหลืองอ่อนๆ ซึ่งถามหมอหมอก็บอกว่าสีปกติ เสร็จเเล้วก็นอนพักที่เตียงรพ ประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนกลับพยาบาลเอาเครื่องฟังเสียงหัวใจเด็กมาจิ้มพุงก่อนกลับ เพื่อเช็คว่าน้องยังโอเคไหม ซึ่งหัวใจน้องก็เต้นปกติดี
พี่พยาบาลแจ้งว่าผลน้ำคร่ำ น่าจะเร่งได้เร็วที่สุด 2 สัปดาห์ แต่จะลองพยายามให้เร็วกว่านั้นภายใน 5 วัน แล้วก็ปล่อยเรากลับบ้านพร้อมแนะนำการดูแลตัวเอง และอาการที่ควรมา รพ ทันที ลงนัดไว้ที่ 2 สัปดาห์
ระยะเวลาแห่งการรอคอย..
ช่วงแรกก็ยังกังวลว่าจะแท้งมั้ย เลยพยายามสังเกตตัวเอง เจ็บหน่วงประมาณ 1-1.5 วัน ก็หาย ไม่เหลืออาการอะไรไว้ แล้วลูกก็เหมือนรู้ว่าแม่มันเครียด เลยขยับตัวให้เรารู้สึกว่าเค้ายังอยู่ดีนะ ครั้งแรกที่รู้สึก ยอมรับว่าตื่นเต้นมากๆ แต่ความกังวลใจเรื่องผลตรวจก็ยังไม่หายไปไหน เลยพยายามคุยกับลูกทุกวัน (เพราะไม่รู้จะทำอะไรแล้ว)
ครบ 5 วัน หมอไม่โทรมา กังวลแต่ก็แอบดีใจลึกๆ (บ้านนี้เชื่อว่า no news is good news) ก็เลยรอต่อไปแบบหน่วงๆ
13/6/67 ก่อนวันนัด 1 วัน มีเบอร์ รพ โทรมา เป็นเสียงพี่พยาบาลแจ้งว่า ผลยังไม่ออกเลย เลื่อนนัดก่อนนะคะ เลยย้ำพี่พยาบาลไปว่า ถ้าผลออกแล้วโทรมาแจ้งหน่อยนะคะ ถ้าเเจ้งผลตรวจไม่ได้เเจ้งเเค่ว่าผลออกแล้วจะได้รีบไปค่ะ พี่พยาบาลบอกทางห้องแลปแจ้งว่า 19/6/67 ผลจะออก
19/6/67 ไม่มีใครโทรมา
20/6/67 09.50 น. (อายุครรภ์ 21 สัปดาห์) ร้อนใจ เลยโทรไป รพ ก่อน เพราะกลัวว่าถ้ามีปัญหา ต้องยุติการตั้งครรภ์ จะได้วางแผนชีวิต (ตามกม. ยุติการตั้งครรภ์ทำได้ภายในอายุครรภ์ไม่เกิน 24 สัปดาห์) พยาบาลบอกผลมาแล้วแต่แจ้งไม่ได้ต้องรอคุณหมอมาแจ้ง (ในใจ เอาอีกแล้ววว มีปัญหาแน่เลย บีบมือสามีเเล้วบอกว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิดนะ)
ผ่านไปครึ่งชม.. คุณหมอโทรมาแจ้ง ผลน้ำคร่ำทั้ง PCR และ Karyotype ปกติดีนะคะคุณแม่ โดยปกติเราจะเชื่อผลจากน้ำคร่ำมากกว่าเพราะตรวจเลือดเป็นการ screening test เท่านั้น ซึ่งอาจเกิดจากตัวมดลูกหรือรกก็ได้ แต่น้ำคร่ำเป็นเซลล์ของเด็กเท่านั้น จึงมีความแม่นยำและน่าเชื่อถือมากกว่า ดีใจด้วยนะคะคุณแม่ (หลังวางโทรศัพท์ แทบจะร้องไห้ค่ะ แต่ติดว่าทำงานอยู่ มันเป็นความดีใจ แบบการรอคอยที่ผ่านมาเกือบสองเดือนมันจบลงแล้ว)
ที่เอามาแชร์ เพราะเราจะบอกว่าเราเข้าใจความรู้สึกคุณแม่หลายๆท่านเลยนะคะ อยากมาให้กำลังใจ เพราะผลของลูกเราเป็นตัวเลข high risk ที่แปลว่า เกือบ 100% แต่ในตัวเลขแบบนั เรายังมีโอกาสค่ะคุณแม่ อยากส่งต่อกำลังใจ ให้กำลังใจ อยากให้แม่ๆทำใจให้สบาย ถ้าไม่ไหวก็จะแนะนำไปไหว้พระฝากท่านให้ช่วยดูแลลูกค่ะ เหมือนหาที่พึ่งทางใจ
ระยะเวลาแห่งการรอคอย มันทรมานค่ะ แต่แค่เราอดทนไว้ แล้วมันก็จะผ่านไปนะคะ ที่สำคัญอย่าโทษตัวเองนะคะแม่ๆ เราเข้าใจว่ามันเป็นความรู้สึกผิด แต่ทุกอย่างมันไม่ได้เกิดจากเราค่ะ
สุดท้ายอยากขอบคุณสามี ขอบคุณเจ้าลูกชาย ขอบคุณครอบครัวที่อดทนผ่านมาด้วยกันนะ ลูกมาสอนให้แม่รู้จักการรอคอยที่แสนยาวนานเหลือเกิน
ถ้าพิมอะไรงงๆตรงไหน ขออภัยด้วยนะคะ ตั้งใจอยากมาแชร์จริงๆค่ะ 😄
แชร์ประสบการณ์การตรวจ nipt test และเจาะน้ำคร่ำให้แม่ๆนะคะ
สวัสดีค่ะ เราอายุ 34 ปี กำลังตั้งครรภ์ ตอนนี้อายุครรภ์ 36 วีคค่ะ อยากมาแชร์ประสบการณ์ที่ตรวจเลือด แล้วได้ผล high risk trisomy 13 หรือ ความเสี่ยงสูงในกลุ่มอาการโรคพาทัว หรือ patau syndrome
เริ่มเลยนะคะ ออกตัวก่อนว่าส่วนตัว คือไม่เคยโพสหรือคอมเม้นอะไรในเว็บเลยค่ะ มีแค่เข้ามาแอบอ่านขอความรู้จากแม่ๆท่านอื่น แต่พอเกิดเหตุการณ์ขึ้นกับตัวเอง เลยอยากมาแชร์และให้กำลังใจแม่ๆท่านอื่นค่ะ
ด้วยความที่อายุเยอะ (เรา 34 ปี สามี 42 ปี) เลยลังเลเรื่องการมีลูก ส่วนตัวลึกๆอยากมีลูกค่ะ เเต่ก็กลัวว่าจะเลี้ยงเขาได้ไม่ดีในสังคมปัจจุบัน เลยคุยกับสามีไว้คร่าวๆว่า ถ้ามาก็มา แต่ถ้าไม่มาก็อยู่กันสองคนตายายไปนะ แต่จะไม่พึ่งวิทยาศาสตร์ (อันนี้ไม่ได้มีอคติอะไรนะคะ แค่เป็นจากเหตุผลข้างต้นที่บอกไปค่ะ)
แต่งงานกันมา 2 ปีกว่าๆ อยู่ๆประจำเดือนขาด ก็ตรวจพบการตั้งครรภ์ แล้วก็ไปหาหมอเพื่อฝากครรภ์ตามปกติค่ะ
พออายุครรภ์ได้ประมาณ 13 สัปดาห์ (26/4/67) คุณหมอจึงทำการขอตรวจ nipt ซึ่งเรากับสามีเลือกไปเป็น nipty focus (เป็นการตรวจความผิดปกติทางโครโมโซม คู่ที่ 13,18,21 และโครโมโซมเพศ นะคะ) คุณหมอแจ้งผล รอประมาณ 1 เดือน เเล้วก็ทำนัดไว้ ไอเราด้วยความไม่มีประวัติคนในครอบครัวมีภาวะนี้ทั้งฝั่งสามีและเรา ก็สบายใจ ไม่ได้คิดอะไร
แต่…อยู่ดีๆสามีก็ถามถ้าเขาไม่ปกติ เราจะทำยังไง เราก็ตอบเลยว่าคงไม่อยากให้เขาเกิด เพราะถ้าเราไม่อยู่แล้ว เขาน่าจะลำบากมากๆ ซึ่งสามีก็เห็นด้วย
นัดที่ลงไว้คือ 1 เดือน แต่พอผ่านไปแค่ 1 สัปดาห์ (3/5/67) มีเบอร์โรงพยาบาลโทรเข้ามาที่มือถือสามี (พอดีเราทำธุระไม่ได้รับโทรศัพท์) พยาบาลแจ้งว่า “คุณพ่อคะ พรุ่งนี้สะดวกไหมคะ พอดีผลเลือดน้องมีความเสี่ยงสูง คุณหมออยากเรียกเข้ามาคุยก่อนค่ะ” คุณสามีก็ทำการนัดไปหาคุณหมอในวันรุ่งขึ้น (คืนนั้นก่อนนอนก็เข้ามาหาข้อมูลในพันทิพ เพื่อหาว่ามีใครมีประสบการณ์เดียวกับเราไหม แล้วเขาทำไงกันต่อ แล้วเข้านอน แต่ก็นอนไม่ค่อยหลับ เครียด คิดเยอะ ว่ามันเป็นเพราะเราที่ดูแลตัวเองไม่ดีใช่ไหม)
4/5/67 ไปหาคุณหมอ คุณหมอแจ้งผลเลือดพร้อมเอาใบมาให้ดู ผลออกมา น้องมีความผิดปกติทางโครโมโซมคู่ที่ 13 … ที่น่าตกใจคือ ความเสี่ยงที่ระบุเป็นตัวเลขมาคือ 1/1.01 นอกนั้นผลเป็น low risk และโครโมโซมเพศออกมาเป็น XY หลังจากนั้นคุณหมอก็เริ่มแจ้งอาการและความรุนแรงของกลุ่มอาการนี้ หลักๆที่เด็ก จะมีอาการปากแหว่ง เพดานโหว่ หัวใจไม่แข็งแรง นิ้วเกิน และมักเสียชีวิตในครรภ์ หรือถ้าคลอดได้ก็มีอายุได้เป็นหลักวัน ส่วนอาการคุณแม่ถ้ายังตั้งครรภ์ต่อ หากพบเด็กภาวะนี้ ก็จะมีอาการครรภ์เป็นพิษ ความดันสูง และเป็นอันตรายต่อคุณแม่ได้ พอได้ยินอย่างนั้น หัวใจแม่ก็พังเลยค่ะ แต่พยายามตั้งสติ คุยกับคุณหมอ ดูตัวเลข ppv แล้วเอาไปศึกษาหาข้อมูลต่อ คุณหมอก็น่ารัก พยายามถามว่ามีอะไรอยากถามไหมคุณแม่ (ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออก เลยตอบว่าไม่มีค่ะ) สุดท้ายคุณหมอบอกว่า ผลทั้งหมดเป็นแค่ screening test เป็นแค่การคัดกรอง แต่ผลยังไม่ 100% ปกติเพื่อทำการวินิจฉัย เราต้องอาศัยการเจาะน้ำคร่ำ เพื่อ confirm ผลเท่านั้น ซึ่งการเจาะน้ำคร่ำ ก็จะมีความเสี่ยงเกิดโอกาสในการแท้งได้ ประมาณ 0.05% คือ 1 ใน 200 คน เราผู้ไม่มีทางเลือกอื่น ก็ทำการนัดวันมาเจาะน้ำคร่ำอีกครั้ง (การเจาะน้ำครั้งต้องมีอายุครรภ์ 16-20 สัปดาห์) คุณหมอก็ทำการนัดที่อายุครรภ์ 18 สัปดาห์
กลับบ้านมา นั่งอ่าน นั่งหาข้อมูล แล้วก็เครียดจนไม่ไหว บอกสามีว่าพาไปไหว้พระหน่อย แล้วก็อดทนรอ ทำงานวนไป เพื่อให้ถึงวันนัด
31/5/67 วันเจาะน้ำคร่ำ
เราไม่ได้เตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษ เพราะแอบอ่านมาจากพันทิพว่าไม่เจ็บ แค่พยายามอย่าใช้ร่างกายเยอะหลังเจาะน้ำคร่ำ ประมาณ 1-2 วัน
พอไปถึง คุณหมอก็ทำการอัลตราซาวน์ก่อน เพื่อดูโครงสร้างในร่างกายของน้องว่ามีอะไรที่ผิดปกติไหม ซึ่งคุณหมอก็ไม่เจออะไร ใจแม่เริ่มชื้นขึ้นมานิดนึง (เพราะไปอ่านมา เห็นว่าความผิดปกติโครโมโซมคู่ที่ 13 จะอัลตราซาวน์เจอความผิดปกติได้ในการตั้งครรภ์ไตรมาสที่ 2) คุณหมอเริ่มทำการหาตำแหน่งเจาะน้ำคร่ำ พยาบาลเอาผ้ามาปิดตาแม่ก่อนเพราะแม่กลัวเข็ม พอคุณหมอโอเค พยาบาลก็เริ่มเอายาฆ่าเชื้อเช็ดทำความสะอาดพุงแม่ เเล้วก็เอาเข็มเจาะผ่านหน้าท้อง จังหวะนี้เจ็บเหมือนฉีดวัคซีนแบบเข้ากล้ามเนื้อ มันจะหน่วงๆนิดนึง คุณหมอก็ทำการดูดน้ำออกมา ประมาณ 20 ซีซี แล้วก็ถอนเข็มออกปิดพลาสเตอร์ เป็นอันเสร็จ พยาบาลเปิดตาเราเเล้วเอาหลอดน้ำคร่ำมาให้เช็คชื่อสกุลให้ถูกต้อง เราเลยเห็นสีน้ำคร่ำที่ได้เป็นสีเหลืองอ่อนๆ ซึ่งถามหมอหมอก็บอกว่าสีปกติ เสร็จเเล้วก็นอนพักที่เตียงรพ ประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนกลับพยาบาลเอาเครื่องฟังเสียงหัวใจเด็กมาจิ้มพุงก่อนกลับ เพื่อเช็คว่าน้องยังโอเคไหม ซึ่งหัวใจน้องก็เต้นปกติดี
พี่พยาบาลแจ้งว่าผลน้ำคร่ำ น่าจะเร่งได้เร็วที่สุด 2 สัปดาห์ แต่จะลองพยายามให้เร็วกว่านั้นภายใน 5 วัน แล้วก็ปล่อยเรากลับบ้านพร้อมแนะนำการดูแลตัวเอง และอาการที่ควรมา รพ ทันที ลงนัดไว้ที่ 2 สัปดาห์
ระยะเวลาแห่งการรอคอย..
ช่วงแรกก็ยังกังวลว่าจะแท้งมั้ย เลยพยายามสังเกตตัวเอง เจ็บหน่วงประมาณ 1-1.5 วัน ก็หาย ไม่เหลืออาการอะไรไว้ แล้วลูกก็เหมือนรู้ว่าแม่มันเครียด เลยขยับตัวให้เรารู้สึกว่าเค้ายังอยู่ดีนะ ครั้งแรกที่รู้สึก ยอมรับว่าตื่นเต้นมากๆ แต่ความกังวลใจเรื่องผลตรวจก็ยังไม่หายไปไหน เลยพยายามคุยกับลูกทุกวัน (เพราะไม่รู้จะทำอะไรแล้ว)
ครบ 5 วัน หมอไม่โทรมา กังวลแต่ก็แอบดีใจลึกๆ (บ้านนี้เชื่อว่า no news is good news) ก็เลยรอต่อไปแบบหน่วงๆ
13/6/67 ก่อนวันนัด 1 วัน มีเบอร์ รพ โทรมา เป็นเสียงพี่พยาบาลแจ้งว่า ผลยังไม่ออกเลย เลื่อนนัดก่อนนะคะ เลยย้ำพี่พยาบาลไปว่า ถ้าผลออกแล้วโทรมาแจ้งหน่อยนะคะ ถ้าเเจ้งผลตรวจไม่ได้เเจ้งเเค่ว่าผลออกแล้วจะได้รีบไปค่ะ พี่พยาบาลบอกทางห้องแลปแจ้งว่า 19/6/67 ผลจะออก
19/6/67 ไม่มีใครโทรมา
20/6/67 09.50 น. (อายุครรภ์ 21 สัปดาห์) ร้อนใจ เลยโทรไป รพ ก่อน เพราะกลัวว่าถ้ามีปัญหา ต้องยุติการตั้งครรภ์ จะได้วางแผนชีวิต (ตามกม. ยุติการตั้งครรภ์ทำได้ภายในอายุครรภ์ไม่เกิน 24 สัปดาห์) พยาบาลบอกผลมาแล้วแต่แจ้งไม่ได้ต้องรอคุณหมอมาแจ้ง (ในใจ เอาอีกแล้ววว มีปัญหาแน่เลย บีบมือสามีเเล้วบอกว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิดนะ)
ผ่านไปครึ่งชม.. คุณหมอโทรมาแจ้ง ผลน้ำคร่ำทั้ง PCR และ Karyotype ปกติดีนะคะคุณแม่ โดยปกติเราจะเชื่อผลจากน้ำคร่ำมากกว่าเพราะตรวจเลือดเป็นการ screening test เท่านั้น ซึ่งอาจเกิดจากตัวมดลูกหรือรกก็ได้ แต่น้ำคร่ำเป็นเซลล์ของเด็กเท่านั้น จึงมีความแม่นยำและน่าเชื่อถือมากกว่า ดีใจด้วยนะคะคุณแม่ (หลังวางโทรศัพท์ แทบจะร้องไห้ค่ะ แต่ติดว่าทำงานอยู่ มันเป็นความดีใจ แบบการรอคอยที่ผ่านมาเกือบสองเดือนมันจบลงแล้ว)
ที่เอามาแชร์ เพราะเราจะบอกว่าเราเข้าใจความรู้สึกคุณแม่หลายๆท่านเลยนะคะ อยากมาให้กำลังใจ เพราะผลของลูกเราเป็นตัวเลข high risk ที่แปลว่า เกือบ 100% แต่ในตัวเลขแบบนั เรายังมีโอกาสค่ะคุณแม่ อยากส่งต่อกำลังใจ ให้กำลังใจ อยากให้แม่ๆทำใจให้สบาย ถ้าไม่ไหวก็จะแนะนำไปไหว้พระฝากท่านให้ช่วยดูแลลูกค่ะ เหมือนหาที่พึ่งทางใจ
ระยะเวลาแห่งการรอคอย มันทรมานค่ะ แต่แค่เราอดทนไว้ แล้วมันก็จะผ่านไปนะคะ ที่สำคัญอย่าโทษตัวเองนะคะแม่ๆ เราเข้าใจว่ามันเป็นความรู้สึกผิด แต่ทุกอย่างมันไม่ได้เกิดจากเราค่ะ
สุดท้ายอยากขอบคุณสามี ขอบคุณเจ้าลูกชาย ขอบคุณครอบครัวที่อดทนผ่านมาด้วยกันนะ ลูกมาสอนให้แม่รู้จักการรอคอยที่แสนยาวนานเหลือเกิน
ถ้าพิมอะไรงงๆตรงไหน ขออภัยด้วยนะคะ ตั้งใจอยากมาแชร์จริงๆค่ะ 😄