"โลกหมุนรอบตัวเธอ" Niche Market ระดับนานาชาติ..เส้นทางใหม่ละครไทย

แอน ทองประสม ตอบสัมภาษณ์ได้ดี พร้อมมาก สำหรับฐานะ Entertainment Entrepreneur 
ไม่ว่า รูปลักษณ์ ถ้อยคำการให้สัมภาษณ์ การให้ค่ากับคนของตน และการคุมสถานการณ์ 
เมื่อมีกระแส + / - จากสังคม
อ้างอิง
"แอน ทองประสม ตอบดราม่าคนวิจารณ์บท โลกหมุนรอบเธอ เคารพความเห็นที่มีเจตนาดี" (msn.com)

เมื่อ 20 ปีก่อน เราได้เห็น แอน ก้าวไปสู่ความท้าทายในบทนางเอกแห่งยุค
ณ ปีนี้ เธอเผชิญกับความท้าทายในบทบาท CEO
เราได้เห็นความกล้าที่จะถอดหมวกใบเก่า ลดความเชื่อมั่นในตัวเองลง (egocentric)
เรียนรู้จากความผิดพลาด เปิดมุมมอง บนเส้นทางชีวิต ที่ไม่ง่าย 
ซึ่งเป็นบุคลิกของผู้นำ ที่ครองใจคน แต่ไม่เผด็จการ

พร้อมที่จะเป็นเกราะกำบังให้กับทีมงาน
และแสดงความขอบคุณอย่างลึกซึ้งต่อนักแสดง 
รวมถึงเปิดใจเรียนรู้ แต่ไม่เสียจุดยืน

นักเล่นหุ้นจำนวนมาก พิจารณาสิ่งนี้ 
ซีอีโอ ที่เขามั่นใจว่า จะไม่ทำธุรกิจพัง 
และในช่วงเวลานี้ แบรนด์คอนเทนไทยไม่ต้องพูดเยอะ 
ดูอย่างหมูเด้ง ได้รับการต้อนรับอย่างมีเกียรติในสังคมนานาชาติ
การตลาดที่ต้องลงทุน คือ สร้าง "stronger community" ของคนดูละครไทย
ในบรรดาแฟนๆ ชาวต่างชาติ

การปรับตัวของละครไทย ไม่ใช่แค่เนื้อหา และโปรดั๊กชั่นเท่านั้น
แต่เป็นมุมมองด้านการตลาด 
เปรียบได้กับพรรคก้าวไกล อดีตพรรคประชาชน
เขาไม่ต้องทุ่มกับคนทุกกลุ่ม บางกลุ่ม ต้องปล่อยวาง 
แต่ก็ชนะ โดยไม่ใช่จะ ไม่เหลือคะแนนให้พรรคอื่น

คำว่า เฉพาะกลุ่มที่นี้ ไม่ใช่กลุ่มเล็กๆ 
แต่เป็นกลุ่มที่กว้างพอสมควร เป็นซีรีย์ ที่แข่งขันได้ใน International Online Platform 
และขายได้ กับ ช่องทีวีในต่างประเทศ ใช้เสียงพากษ์ ภาษาอื่น

การเก็บคนดูสายพันธุ์เดียวกัน ในระดับข้ามชาติ จนเกิดกลุ่มคนจำนวนมาก 
ยกตัวอย่าง เดิม คุณขายยาสีฟันให้คนในประเทศเดียว
แต่วันนี้ คุณขาย wheelchair ให้คนทั่วโลก 
ซีรีย์เกาหลี ระดับพรีเมี่ยม  อย่าง Squid Game  
ไม่ใช่บทสนทนาของคนทั่วไป
แต่เป็นกระแส สำหรับกลุ่มที่เป็นลูกค้าสื่อบันเทิงตัวยง 

เมื่อเป็นการตลาดนานาชาติ โอกาสใหม่คือ ...
1. ส่งนักแสดงไปประกวดเวทีนานาชาติ
2. รับเป็นพรีเซนเตอร์ แบรนด์อินเตอร์ 
3. เข้าใจ  products ใน ecosystem ของกลุ่มคนดู 
นึกดู รายการมวย โฆษณาที่เข้า คือ ยาฆ่าหญ้า รถไถ รถโตโยต้า 
ละครแนวนี้ สปอนเซอร์ ประมาณ ไอโฟน เสื้อผ้า-เครื่องสำอางค์แบรนด์ใหญ่
ดังนั้นสิ่งที่ต้องคุยกับสปอนเซอร์ไม่ใช่จำนวนคนดูทั้งประเทศ
แต่เป็นจำนวนคนดูที่ตรงตามกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ 
4. ข้อได้เปรียบของละคร เกี่ยวกับโฆษณาแฝง คือ มัน Build ความรู้สึกได้สูงกว่า
สมมุติ พระเอก ใช้รถอะไร ภาพนั้นฝังใจกว่ารถในโฆษณา ขับโดยนายแบบโนเนม
หรือ ชาแบรนด์หนึ่ง ที่วางอย่างไม่จงใจเกินไป ใกล้ๆ ตัวคุณนัท มีเรีย ในเรื่องนี้

ดังนั้น การทำละครยุคใหม่ จึงไม่ใช่การแยกระหว่างโฆษณา กับ เนื้อหา 
แต่มีส่วนที่กลืน ไปในละคร ไร้เสียงร้องหาความสนใจแบบกระโตกกระตาก

กลุ่มคนที่คิดเยอะๆ ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของทีวีไดเร้ก 
เพราะ
1. ไม่ว่างนั่งดูโฆษณานานๆ   
2. เขาดูคอนเทนที่คุ้มค่ากับเวลาของเขาเท่านั้น
3. เขาไม่ชอบรับสารที่บอกตรงๆ พวกเขาต้องการค้นพบคุณค่าด้วยตนเอง

ละครสามารถสร้างความเป็นที่รักในตัวดารา
หรือ ความทึ่งในฝีมือจากคอนเทนที่มีพลัง
ไม่ใช่เอาการตลาดนำคอนเทน แต่เอาคอนเทนนำการตลาด
คุณอยากให้คนเครซี่ หรือ ทึ่งในตัวดาราได้ 
ทำละครที่ดีให้เขาก่อน 

และคอนเทนที่ดี จะทำงานกับคนดูในระดับคลั่งไคล้ ติดตาม
เชื่อมั่นในดุลยพินิจการเลือกแบรนด์ ของดาราที่เขาทึ่ง

สมัยก่อน ดาราฮอลลิวูด ไม่ใช่แค่หล่อสวย แต่ฝีมือทางการแสดง
ทำให้พวกเขามีบารมีในแบบตนเอง และยังคงโดดเด่นแม้อายุมากขึ้น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่