วันนี้จะมารีวิว การโดนอายัดบัญชีนะครับ แบ่งเป็น 6 เนื้อหาหลักคือ
1. Timeline
2. รีวิวแอพของธนาคารและการติดต่อ
3. สาเหตุที่ทำให้โดนแจ้งความ
4. ผลกระทบที่เกิดขึ้น
5. การพยายามติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
6. การแจ้งความมีแบบไหนบ้าง
1. Timeline
วันที่ 5/9 : ได้รับข้อความ SMS จากธนาคารกสิกรตามด้านล่างนี้ จากนั้นแอพพลิเคชั่นก็จะใช้ไม่ได้ รวมถึงธนาคารอื่นๆ ก็จะทยอยใช้ไม่ได้ตามๆกัน หลังจากได้รับ SMS ก็พยายามติดต่อผ่าน Call center แล้วก็ Line Chat ของกสิกร เจ้าหน้าที่ตอบมาว่า บัญชีของท่านถูกอายัด เดี๋ยวจะมีข้อความ SMS มาตอน 9 โมงอีกวัน ให้ทำตาม SMS บอก
วันที่ 6/9 : ได้รับ SMS ตามด้านล่างนี้
วันที่ 7/9 : นำเอกสารทั้งหมดไปที่สาขาธนาคาร สรุปก็ยังไม่ได้เลข AO อยู่ดี ได้แค่ยืนยันตัวตนกับขอ Statement แล้วก็ได้รู้ว่าตัวเองกลายเป็นบัญชีม้าเทาเข้มๆ
วันที่ 10/9 : หลังจากโทรตามทุกวัน วันละ 2 รอบ ในที่สุดก็ได้ SMS จากกสิกรตามภาพด้านล่าง
วันเดียวกันนี้ ก็โทรหา 1441 เพื่อถามข้อมูล ก็ได้ข้อมูลเป็นชื่อนายตำรวจ และเบอร์ติดต่อมา เมื่อโทรหาตำรวจเพื่อสอบถามข้อมูล ก็ได้ข้อมูลมาว่าเป็นธุรกรรมไหนที่มีปัญหา(เดี๋ยวไว้เล่าทีหลัง) จากนั้นก็นัดกับตำรวจที่ดูแลคดี เพื่อสอบปากคำ พร้อมกับผู้แจ้งความในวันที่ 15
วันที่ 15/9: เข้าพบตำรวจ พร้อมหลักฐาน สำหรับรายละเอียดส่วนนี้จะยกไว้เล่าในอีกย่อหน้าหนึ่ง
2. รีวิวแอพธนาคาร
เข้าแอพไม่ได้เลย >> กสิกร, ไทยพาณิชย์
เข้าได้แต่ยอดเงินฝากเหลือ 0 >> TTB
เข้าแอพได้ตามปกติ แต่ทำธุรกรรมอะไรไม่ได้เลย >> กรุงศรี, กรุงเทพ, เป๋าตัง, UOB, LH bank
ในส่วนนี้ ส่วนตัวรู้สึกชอบแบบสุดท้ายมากที่สุด การที่ไม่สามารถเข้าแอพได้เลย ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบธุรกรรมย้อนหลังได้, มีสินเชื่อหรือบัตรเครดิตอยู่ก็จะเช็คยอดไม่ได้ อย่างของกสิกรผมเสียค่าขอ Statement หลายรอบมาก แถมมีหลายบัญชี เสียเงินไปเป็นหลักพันบาท แต่จริงๆถ้าใครมี Line Official ของแต่ละธนาคาร อาจจะขอคุยกับเจ้าหน้าที่แล้วให้เจ้าหน้าที่ส่งเข้าเมล์ก็ได้
สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผู้ที่โดนอายัดบัญชีทุกธนาคาร สำหรับผมการได้รับเลข AO และสามารถเตรียมเอกสาร Statement ได้ครบ ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องเข้าไปยืนยันตัวตนให้วุ่นวาย ไม่ช่วยอะไรแถมเสียเวลาอีกด้วย เพราะยังไงธนาคารก็ต้องรอคำสั่งจาก บช.สอท อยู่ดี
3. สาเหตุที่ทำให้โดนแจ้งความ
ผู้แจ้งความ (ต่อไปจะเรียกว่านางสาว B) โดนมิจฉาชีพหลอก โดยแกล้งทำเป็นโทรผิดเข้ามาก่อน จากนั้นก็ขอแอด Line เมื่อเป็นเพื่อนกันใน Line และเมื่อพูดคุยกันได้สักพัก ก็ได้ทำการชักชวนให้ลงทุนในคริปโต และชักชวนให้สมัครแอพพลิเคชันเพื่อเทรด P2P
ประเด็นก็คือ นางสาว B ให้ทั้งรูปบัตรประชาชน และรหัสผ่านแก่มิจฉาชีพทั้งหมด เมื่อนางสาว B ทำการสมัครเสร็จสิ้น ก็ได้มาซื้อเหรียญคริปโตจากผมเอง ใครเคยเทรด P2P ก็จะรู้ว่า ผู้ซื้อจะได้ข้อมูลบัญชีธนาคารของผู้ขายไปทั้งหมด เพื่อทำการโอนเงินเข้าธนาคาร
เรื่องเกิดวันที่ 30 สิงหาคม ผมขายเหรียญคริปโตตามปกติ (ไม่ได้ขายบ่อย) เมื่อผมตรวจสอบพบว่าชื่อในบัญชีที่สมัครกับแอพพลิเคชั่นของผู้ซื้อ ตรงกับชื่อบัญชีธนาคารที่โอนเงินเข้ามา ก็กดปล่อยเหรียญ ซึ่งในขั้นตอนนี้ก็ได้ถือว่าธุรกรรมทั้งหมดระหว่างผมและนางสาว B เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว
สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนี้คือ หลังจากที่เหรียญคริปโต ได้โอนเข้ากระเป๋า wallet เรียบร้อยแล้ว มิจฉาชีพก็ได้ทำการโอนออกไปยัง crypto wallet ของโจรเอง ซึ่งอย่างที่เรารู้ๆกัน ว่ามันตามยากมากๆ
นางสาว B พอรู้ตัวว่าถูกโกง ก็พยายามทวงจากมิจฉาชีพ แต่ก็ถูกบล็อกทุกช่องทางไปเรียบร้อย ติดต่อไม่ได้ ไม่รู้จะทำไงเลยโทรแจ้ง 1441 เจ้าหน้าที่ใน 1441 ก็บอกให้เข้าไปกรอกข้อมูลในเว็บ thaipoliceonline แล้วให้ใส่บัญชีปลายทางที่โอนไปให้หมด ทั้งหมด 5 คน (ซึ่งทั้ง 5 คน และหนึ่งในนั้นก็คือผม ซึ่งทุกคนก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย)
ในส่วนนี้ หากเป็นคนมีความรู้ความเข้าใจในคริปโต หรือความรู้ด้านการเงินสักหน่อย ก็คงจะรู้ได้ว่าคนที่ต้องแจ้งความ มันไม่ใช่ 5 คนที่โอนซื้อเหรียญไป แต่ก็เข้าใจได้ว่า นางสาว B ไม่เคยรู้จักคริปโตมาก่อน ส่วนเจ้าหน้าที่ 1441 ก็คงแนะนำตามที่ถูกบรีฟมา
ผู้แจ้งความเริ่มแจ้งความในวันที่ 3 กันยายน บัญชีของผมเริ่มโดนอายัดทั้งหมดในวันที่ 5 กันยายน เข้าไปเคลียร์กับตำรวจและผู้แจ้งความในวันที่ 15 กันยายน ทั้งตำรวจและผู้แจ้งก็เข้าใจดีว่าตัวผมบริสุทธ์ อย่างไรก็ตาม การแจ้งความผ่าน 1441 ทำให้ไม่สามารถถอนแจ้งความ ณ สถานีตำรวจได้ พนักงานสอบสวนจำเป็นต้องทำตามขั้นตอนของ บช.สอท. อย่างไรก็ตาม ณ วันที่ตั้งกระทู้นี้ (25 กันยายน) มีผู้มารายงานตัวเพียง 3 คน ส่วนอีก 2 คนยังไม่มาเข้าพบตำรวจ
4. ผลกระทบที่เกิดขึ้น
แน่นอนว่าการถูกอายัดบัญชีส่งผลเสียหลายๆอย่าง เช่น 1. เงินเดือนที่ได้รับไม่สามารถเอาออกมาใช้ได้ 2. เกิดความล่าช้าในการจ่ายสินเชื่อต่างๆ 3. สแกนจ่ายร้านค้าไม่ได้ 4. เสียโอกาสทางธุรกิจ และอื่นๆอีกมากมาย เช่น ไม่มีเงินจ่ายค่าประกันรายปี ค่าส่วนกลางคอนโด ใครมีลูกก็จะไ่ม่มีเงินจ่ายค่าเทอม
นอกจากนี้ การถูกขึ้นสถานะว่าเป็นม้าเทา ยังส่งผลต่อการทำธุรกรรมในอนาคตอีกด้วย การถูกอายัดบัญชีดังกล่าว แม้ว่าตำรวจจะส่งเรื่องมายัง บช.สอท แล้ว บช. สอท. ก็อาจจะปลดอายัดให้แค่ 2 ธนาคาร (ขั้นตอนนี้สอบถามมาว่าใช้เวลา 10 วันทำการ ในการเตรียมเอกสารส่งให้ธนาคาร และธนาคารอาจใช้เวลา 2 วันทำการ ซึ่งอาจมีบางเคสที่ธนาคารก็ไม่อนุมัติด้วย)
สำหรับสถานะม้าเทา ก็จะยังคงอยู่ หากไม่ดำเนินการใดๆ ต้องรอให้ครบ 3 ปี บัญชีถึงจะกลับมาใช้ได้ตามปกติ หากต้องการหลุดพ้นจากสถานะม้าเทา ต้องติดต่อพนักงานสืบสวนให้ทำเรื่องส่งอัยการ แล้วให้อัยการพิจารณายุติคดี จากนั้นทางตำรวจค่อยส่งเอกสารให้ บช.สอท. อีกที แล้ว บช.สอท. ค่อยนำเรื่องส่งเข้าที่ประชุม ของ ปปง. พิจารณาปลดสถานะม้าเทา ซึ่งดูจากขั้นตอนทั้งหมดแล้ว ก็พอจะเดาได้ไม่ยากว่า กินเวลานานแน่ๆ
5. การติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
จากการสอบถามกับทางตำรวจสืบสวน ทางตำรวจแจ้งว่า ต้องรอสอบปากคำให้ครบ 5 คนก่อน จึงจะส่งเรื่องต่อได้ ถ้าจำไม่ผิดจะส่งให้ ปจพ(ไม่ทราบเหมือนกันว่าคืออะไร) แล้วส่งให้ภาค จากนั้นภาคค่อยส่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แล้วสำนักงานตำรวจแห่งชาติค่อยส่งให้ บช.สอท. หากเห็นขั้นตอนทั้งหมดนี้ก็พอจะเดาได้ว่านานแน่ ดังนั้น ตัวผมซึ่งมั่นใจมากว่าตัวเองบริสุทธ์จริง และอยากให้กระบวนการการปลดอายัดรวดเร็วกว่านี้ จึงได้พยายามติดต่อหน่วยงานต่างๆ จึงจะขอมารีวิวไว้ ตรงนี้
5.1 ธนาคารแห่งประเทศไทย หนึ่งในผู้ออกนโยบายอายัดทุกบัญชี >> โทรเบอร์ 1213 โทรติด พนักงานรับสายดูใส่ใจดี แต่ช่วยแก้อะไรให้ไม่ได้ ไม่มีอำนาจ >> สรุปคือ ไม่ต้องโทรไป
5.2 ปปง >> โทรเบอร์ 02-219-3600 จะไม่มีคนรับสาย ไม่ว่าจะโทรกี่ครั้งก็ตาม, facebook มีตอบมาว่า เรื่องคดีจะไม่ใช่ความรับผิดชอบของ ปปง ให้ติดต่อตำรวจเอง, 1710 โทรติด สอบถามเรื่อง การแก้ไขสถานะบัญชีม้า เจ้าหน้าที่ตอบมาว่า ขึ้นอยู่กับตำรวจสืบสวนว่าเขียนรายงานมาอย่างไร
5.3 บช สอท. >> ทุกเบอร์ที่มี จะมีอยู่ 2 แบบคือโทรติดแต่ไม่มีคนรับ หรือโทรไม่ติดเลย, 1441 ถ้าโทรไป เจ้าหน้าที่จะไม่ทราบอะไรเกี่ยวกับคดีทั้งสิ้น สิ่งที่ 1441 ทำมีแค่ 2 อย่างเท่านั้นคือ 1. รับแจ้งความ แล้วแนะนำให้ผู้แจ้งไปกรอกในเว็บ thaipolice เมื่อกรอกเสร็จ ก็จบเรื่องกับ 1441 และ 2. บอกข้อมูลเจ้าหน้าที่ตำรวจตามเลข AO , นอกจากนี้ยังมี Line ID : @hr03 แต่เจ้าหน้าที่ก็จะตอบช้าๆหน่อย
ในกรณีที่ต้องการเข้าพบเจ้าหน้าที่จริงๆ ก็สามารถเดินทางไปได้ สำนักงานอยู่ที่เมืองทองธานี
Facebook มีหลายเพจ แต่ไม่มีช่องให้ส่งข้อความ
5.4 ธนาคาร >> โทรติดทุกธนาคาร แต่พนักงานจะบอกว่าให้รอเรื่องจากตำรวจอยู่ดี
โดยสรุปคือ แม้ว่าผมจะจูงมือผู้แจ้งความ (นางสาว B) เข้าไปพบกับ บช.สอท. ไปพบ ปปง. ไปพบ ธนาคาร ไปอธิบายเรื่องราวทั้งหมดว่า ผู้แจ้งความเข้าใจผิด ไม่ได้ตั้งใจจะแจ้งความผม บัญชีของผมก็ยังไม่สามารถปลดอายัดได้อยู่ดี (หรือจริงๆจะได้ ?) ต้องรอกระบวนการจากทางตำรวจเท่านั้น แล้วถ้าสมมติ 1 ในคนที่โดนแจ้งความไม่สะดวกมาเข้าพบตำรวจ ก็เท่ากับว่า ผมอาจต้องรอเป็นหลักเดือนหรือหลักปี กว่าจะใช้บัญชีได้
6. การอายัดมีแบบไหนบ้าง
1. อาจจะเป็น บช สอท ตรวจสอบว่ามีเงินมิจฉาชีพผ่านบัญชีเรา ก็จะมีการอายัดเฉพาะเงินที่ต้องการตรวจสอบเป็นเวลา 72 ชั่วโมง ส่วนการใช้งานอื่นๆปกติทุกอย่าง พอพ้น 72 ชม ทุกอย่างก็จะกลายเป็นปกติ
2. มีผู้แจ้งความผ่านตำรวจท้องที่ ก็จะเรียกว่าการอายัดโดยราชการ มีเอกสารตราครุฑ อะไรสักอย่าง ถ้าเป็นแบบนี้ จะโดนอายัดทั้งบัญชี เฉพาะธนาคารนั้นๆ เมื่อโทรไปที่ Call center ของธนาคาร ธนาคารก็จะให้หมายเลข ตช อะไรสักอย่างยาวๆมา และชื่อกับเบอร์โทรของตำรวจที่ดูแลคดี การแก้ปัญหาคือ เดินทางไปที่สถานีตำรวจของผู้แจ้งความ เมื่ออธิบาย หรือสามารถยืนยันความบริสุทธ์ได้ ผู้แจ้งความสามารถถอนแจ้งความได้เลย แล้วตำรวจจะออกใบยกเลิกการอายัด สามารถนำไปยื่นที่ธนาคาร แล้วรอ 2-3 วัน บัญชีก็จะใช้ได้
3. มีผู้แจ้งความผ่าน 1441 สิ่งที่เกิดขึ้น 1441 จะส่งเรื่องไปยังธนาคารเพื่ออายัดบัญชีอีกที พร้อมสถานะม้าเทาอ่อน เทาเข้ม หรือม้าดำก็ว่าไป และสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมๆกันก็คือผู้แจ้งความต้องไปยื่นข้อมูลใน thaipoliceonline.com อีกที รวมถึงผู้แจ้งความก็ต้องไปติดต่อพนักงานสืบสวนท้องที่ที่เกิดขึ้นอีกด้วย สำหรับผู้ที่ถูกแจ้งความ ก็จะโดนอายัดบัญชีทุกธนาคาร ตามหมายเลขบัตรประชาชน การแก้ไขปัญหา ก็ตามที่เล่าด้านบน
นางสาว B ผู้แจ้งความบอกว่า โดนโกงไปเป็นจำนวน 4 แสนกว่าบาท แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับผม คาดว่าน่าจะมีมูลค่าเกิน 4 แสนแน่นอน ยังไม่นับเรื่องเวลาที่เสียไป กับความเครียดที่มีทุกวัน แล้วก็ไม่รู้จะไปเรียกร้องเอากับใครด้วย ช่วงที่ผ่านมาก็พยายามหาข้อมูลจากหลายๆกระทู้ใน Pantip เห็นว่ามีประโยชน์ดี ก็เลยอยากจะแชร์ข้อมูลบ้าง ก็หวังว่า กระทู้นี้จะเป็นประโยชน์กับผู้บริสุทธ์ที่โดนอายัดแบบงงๆ เผื่อจะได้ประหยัดเวลาได้บ้าง
ส่วนเรื่องการอายัดบัญชีทั้งหมดตามหมายเลขบัตรประชาชนความจริงผมก็เห็นด้วยเพราะน่าจะช่วยลดมิจฉาชีพได้ แต่การปลดอายัดก็ไม่ควรใช้เวลานานเช่นกัน หากพิสูจน์ได้ว่าผู้ถูกแจ้งบริสุทธ์
#บัญชีโดนระงับ #บัญชีกสิกร #บัญชีกรุงเทพ # บัญชีไทยพาณิชย์ #บัญชี SCB #Kplus #บัญชีทหารไทย #บัญชีกรุงศรี #บัญชีLH #โดนอายัด #คริปโต
รีวิวโดนอายัดบัญชีทุกธนาคาร
1. Timeline
2. รีวิวแอพของธนาคารและการติดต่อ
3. สาเหตุที่ทำให้โดนแจ้งความ
4. ผลกระทบที่เกิดขึ้น
5. การพยายามติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
6. การแจ้งความมีแบบไหนบ้าง
1. Timeline
วันที่ 5/9 : ได้รับข้อความ SMS จากธนาคารกสิกรตามด้านล่างนี้ จากนั้นแอพพลิเคชั่นก็จะใช้ไม่ได้ รวมถึงธนาคารอื่นๆ ก็จะทยอยใช้ไม่ได้ตามๆกัน หลังจากได้รับ SMS ก็พยายามติดต่อผ่าน Call center แล้วก็ Line Chat ของกสิกร เจ้าหน้าที่ตอบมาว่า บัญชีของท่านถูกอายัด เดี๋ยวจะมีข้อความ SMS มาตอน 9 โมงอีกวัน ให้ทำตาม SMS บอก
วันที่ 6/9 : ได้รับ SMS ตามด้านล่างนี้
วันที่ 7/9 : นำเอกสารทั้งหมดไปที่สาขาธนาคาร สรุปก็ยังไม่ได้เลข AO อยู่ดี ได้แค่ยืนยันตัวตนกับขอ Statement แล้วก็ได้รู้ว่าตัวเองกลายเป็นบัญชีม้าเทาเข้มๆ
วันที่ 10/9 : หลังจากโทรตามทุกวัน วันละ 2 รอบ ในที่สุดก็ได้ SMS จากกสิกรตามภาพด้านล่าง
วันเดียวกันนี้ ก็โทรหา 1441 เพื่อถามข้อมูล ก็ได้ข้อมูลเป็นชื่อนายตำรวจ และเบอร์ติดต่อมา เมื่อโทรหาตำรวจเพื่อสอบถามข้อมูล ก็ได้ข้อมูลมาว่าเป็นธุรกรรมไหนที่มีปัญหา(เดี๋ยวไว้เล่าทีหลัง) จากนั้นก็นัดกับตำรวจที่ดูแลคดี เพื่อสอบปากคำ พร้อมกับผู้แจ้งความในวันที่ 15
วันที่ 15/9: เข้าพบตำรวจ พร้อมหลักฐาน สำหรับรายละเอียดส่วนนี้จะยกไว้เล่าในอีกย่อหน้าหนึ่ง
2. รีวิวแอพธนาคาร
เข้าแอพไม่ได้เลย >> กสิกร, ไทยพาณิชย์
เข้าได้แต่ยอดเงินฝากเหลือ 0 >> TTB
เข้าแอพได้ตามปกติ แต่ทำธุรกรรมอะไรไม่ได้เลย >> กรุงศรี, กรุงเทพ, เป๋าตัง, UOB, LH bank
ในส่วนนี้ ส่วนตัวรู้สึกชอบแบบสุดท้ายมากที่สุด การที่ไม่สามารถเข้าแอพได้เลย ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบธุรกรรมย้อนหลังได้, มีสินเชื่อหรือบัตรเครดิตอยู่ก็จะเช็คยอดไม่ได้ อย่างของกสิกรผมเสียค่าขอ Statement หลายรอบมาก แถมมีหลายบัญชี เสียเงินไปเป็นหลักพันบาท แต่จริงๆถ้าใครมี Line Official ของแต่ละธนาคาร อาจจะขอคุยกับเจ้าหน้าที่แล้วให้เจ้าหน้าที่ส่งเข้าเมล์ก็ได้
สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผู้ที่โดนอายัดบัญชีทุกธนาคาร สำหรับผมการได้รับเลข AO และสามารถเตรียมเอกสาร Statement ได้ครบ ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องเข้าไปยืนยันตัวตนให้วุ่นวาย ไม่ช่วยอะไรแถมเสียเวลาอีกด้วย เพราะยังไงธนาคารก็ต้องรอคำสั่งจาก บช.สอท อยู่ดี
3. สาเหตุที่ทำให้โดนแจ้งความ
ผู้แจ้งความ (ต่อไปจะเรียกว่านางสาว B) โดนมิจฉาชีพหลอก โดยแกล้งทำเป็นโทรผิดเข้ามาก่อน จากนั้นก็ขอแอด Line เมื่อเป็นเพื่อนกันใน Line และเมื่อพูดคุยกันได้สักพัก ก็ได้ทำการชักชวนให้ลงทุนในคริปโต และชักชวนให้สมัครแอพพลิเคชันเพื่อเทรด P2P
ประเด็นก็คือ นางสาว B ให้ทั้งรูปบัตรประชาชน และรหัสผ่านแก่มิจฉาชีพทั้งหมด เมื่อนางสาว B ทำการสมัครเสร็จสิ้น ก็ได้มาซื้อเหรียญคริปโตจากผมเอง ใครเคยเทรด P2P ก็จะรู้ว่า ผู้ซื้อจะได้ข้อมูลบัญชีธนาคารของผู้ขายไปทั้งหมด เพื่อทำการโอนเงินเข้าธนาคาร
เรื่องเกิดวันที่ 30 สิงหาคม ผมขายเหรียญคริปโตตามปกติ (ไม่ได้ขายบ่อย) เมื่อผมตรวจสอบพบว่าชื่อในบัญชีที่สมัครกับแอพพลิเคชั่นของผู้ซื้อ ตรงกับชื่อบัญชีธนาคารที่โอนเงินเข้ามา ก็กดปล่อยเหรียญ ซึ่งในขั้นตอนนี้ก็ได้ถือว่าธุรกรรมทั้งหมดระหว่างผมและนางสาว B เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว
สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนี้คือ หลังจากที่เหรียญคริปโต ได้โอนเข้ากระเป๋า wallet เรียบร้อยแล้ว มิจฉาชีพก็ได้ทำการโอนออกไปยัง crypto wallet ของโจรเอง ซึ่งอย่างที่เรารู้ๆกัน ว่ามันตามยากมากๆ
นางสาว B พอรู้ตัวว่าถูกโกง ก็พยายามทวงจากมิจฉาชีพ แต่ก็ถูกบล็อกทุกช่องทางไปเรียบร้อย ติดต่อไม่ได้ ไม่รู้จะทำไงเลยโทรแจ้ง 1441 เจ้าหน้าที่ใน 1441 ก็บอกให้เข้าไปกรอกข้อมูลในเว็บ thaipoliceonline แล้วให้ใส่บัญชีปลายทางที่โอนไปให้หมด ทั้งหมด 5 คน (ซึ่งทั้ง 5 คน และหนึ่งในนั้นก็คือผม ซึ่งทุกคนก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย)
ในส่วนนี้ หากเป็นคนมีความรู้ความเข้าใจในคริปโต หรือความรู้ด้านการเงินสักหน่อย ก็คงจะรู้ได้ว่าคนที่ต้องแจ้งความ มันไม่ใช่ 5 คนที่โอนซื้อเหรียญไป แต่ก็เข้าใจได้ว่า นางสาว B ไม่เคยรู้จักคริปโตมาก่อน ส่วนเจ้าหน้าที่ 1441 ก็คงแนะนำตามที่ถูกบรีฟมา
ผู้แจ้งความเริ่มแจ้งความในวันที่ 3 กันยายน บัญชีของผมเริ่มโดนอายัดทั้งหมดในวันที่ 5 กันยายน เข้าไปเคลียร์กับตำรวจและผู้แจ้งความในวันที่ 15 กันยายน ทั้งตำรวจและผู้แจ้งก็เข้าใจดีว่าตัวผมบริสุทธ์ อย่างไรก็ตาม การแจ้งความผ่าน 1441 ทำให้ไม่สามารถถอนแจ้งความ ณ สถานีตำรวจได้ พนักงานสอบสวนจำเป็นต้องทำตามขั้นตอนของ บช.สอท. อย่างไรก็ตาม ณ วันที่ตั้งกระทู้นี้ (25 กันยายน) มีผู้มารายงานตัวเพียง 3 คน ส่วนอีก 2 คนยังไม่มาเข้าพบตำรวจ
4. ผลกระทบที่เกิดขึ้น
แน่นอนว่าการถูกอายัดบัญชีส่งผลเสียหลายๆอย่าง เช่น 1. เงินเดือนที่ได้รับไม่สามารถเอาออกมาใช้ได้ 2. เกิดความล่าช้าในการจ่ายสินเชื่อต่างๆ 3. สแกนจ่ายร้านค้าไม่ได้ 4. เสียโอกาสทางธุรกิจ และอื่นๆอีกมากมาย เช่น ไม่มีเงินจ่ายค่าประกันรายปี ค่าส่วนกลางคอนโด ใครมีลูกก็จะไ่ม่มีเงินจ่ายค่าเทอม
นอกจากนี้ การถูกขึ้นสถานะว่าเป็นม้าเทา ยังส่งผลต่อการทำธุรกรรมในอนาคตอีกด้วย การถูกอายัดบัญชีดังกล่าว แม้ว่าตำรวจจะส่งเรื่องมายัง บช.สอท แล้ว บช. สอท. ก็อาจจะปลดอายัดให้แค่ 2 ธนาคาร (ขั้นตอนนี้สอบถามมาว่าใช้เวลา 10 วันทำการ ในการเตรียมเอกสารส่งให้ธนาคาร และธนาคารอาจใช้เวลา 2 วันทำการ ซึ่งอาจมีบางเคสที่ธนาคารก็ไม่อนุมัติด้วย)
สำหรับสถานะม้าเทา ก็จะยังคงอยู่ หากไม่ดำเนินการใดๆ ต้องรอให้ครบ 3 ปี บัญชีถึงจะกลับมาใช้ได้ตามปกติ หากต้องการหลุดพ้นจากสถานะม้าเทา ต้องติดต่อพนักงานสืบสวนให้ทำเรื่องส่งอัยการ แล้วให้อัยการพิจารณายุติคดี จากนั้นทางตำรวจค่อยส่งเอกสารให้ บช.สอท. อีกที แล้ว บช.สอท. ค่อยนำเรื่องส่งเข้าที่ประชุม ของ ปปง. พิจารณาปลดสถานะม้าเทา ซึ่งดูจากขั้นตอนทั้งหมดแล้ว ก็พอจะเดาได้ไม่ยากว่า กินเวลานานแน่ๆ
5. การติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
จากการสอบถามกับทางตำรวจสืบสวน ทางตำรวจแจ้งว่า ต้องรอสอบปากคำให้ครบ 5 คนก่อน จึงจะส่งเรื่องต่อได้ ถ้าจำไม่ผิดจะส่งให้ ปจพ(ไม่ทราบเหมือนกันว่าคืออะไร) แล้วส่งให้ภาค จากนั้นภาคค่อยส่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แล้วสำนักงานตำรวจแห่งชาติค่อยส่งให้ บช.สอท. หากเห็นขั้นตอนทั้งหมดนี้ก็พอจะเดาได้ว่านานแน่ ดังนั้น ตัวผมซึ่งมั่นใจมากว่าตัวเองบริสุทธ์จริง และอยากให้กระบวนการการปลดอายัดรวดเร็วกว่านี้ จึงได้พยายามติดต่อหน่วยงานต่างๆ จึงจะขอมารีวิวไว้ ตรงนี้
5.1 ธนาคารแห่งประเทศไทย หนึ่งในผู้ออกนโยบายอายัดทุกบัญชี >> โทรเบอร์ 1213 โทรติด พนักงานรับสายดูใส่ใจดี แต่ช่วยแก้อะไรให้ไม่ได้ ไม่มีอำนาจ >> สรุปคือ ไม่ต้องโทรไป
5.2 ปปง >> โทรเบอร์ 02-219-3600 จะไม่มีคนรับสาย ไม่ว่าจะโทรกี่ครั้งก็ตาม, facebook มีตอบมาว่า เรื่องคดีจะไม่ใช่ความรับผิดชอบของ ปปง ให้ติดต่อตำรวจเอง, 1710 โทรติด สอบถามเรื่อง การแก้ไขสถานะบัญชีม้า เจ้าหน้าที่ตอบมาว่า ขึ้นอยู่กับตำรวจสืบสวนว่าเขียนรายงานมาอย่างไร
5.3 บช สอท. >> ทุกเบอร์ที่มี จะมีอยู่ 2 แบบคือโทรติดแต่ไม่มีคนรับ หรือโทรไม่ติดเลย, 1441 ถ้าโทรไป เจ้าหน้าที่จะไม่ทราบอะไรเกี่ยวกับคดีทั้งสิ้น สิ่งที่ 1441 ทำมีแค่ 2 อย่างเท่านั้นคือ 1. รับแจ้งความ แล้วแนะนำให้ผู้แจ้งไปกรอกในเว็บ thaipolice เมื่อกรอกเสร็จ ก็จบเรื่องกับ 1441 และ 2. บอกข้อมูลเจ้าหน้าที่ตำรวจตามเลข AO , นอกจากนี้ยังมี Line ID : @hr03 แต่เจ้าหน้าที่ก็จะตอบช้าๆหน่อย
ในกรณีที่ต้องการเข้าพบเจ้าหน้าที่จริงๆ ก็สามารถเดินทางไปได้ สำนักงานอยู่ที่เมืองทองธานี
Facebook มีหลายเพจ แต่ไม่มีช่องให้ส่งข้อความ
5.4 ธนาคาร >> โทรติดทุกธนาคาร แต่พนักงานจะบอกว่าให้รอเรื่องจากตำรวจอยู่ดี
โดยสรุปคือ แม้ว่าผมจะจูงมือผู้แจ้งความ (นางสาว B) เข้าไปพบกับ บช.สอท. ไปพบ ปปง. ไปพบ ธนาคาร ไปอธิบายเรื่องราวทั้งหมดว่า ผู้แจ้งความเข้าใจผิด ไม่ได้ตั้งใจจะแจ้งความผม บัญชีของผมก็ยังไม่สามารถปลดอายัดได้อยู่ดี (หรือจริงๆจะได้ ?) ต้องรอกระบวนการจากทางตำรวจเท่านั้น แล้วถ้าสมมติ 1 ในคนที่โดนแจ้งความไม่สะดวกมาเข้าพบตำรวจ ก็เท่ากับว่า ผมอาจต้องรอเป็นหลักเดือนหรือหลักปี กว่าจะใช้บัญชีได้
6. การอายัดมีแบบไหนบ้าง
1. อาจจะเป็น บช สอท ตรวจสอบว่ามีเงินมิจฉาชีพผ่านบัญชีเรา ก็จะมีการอายัดเฉพาะเงินที่ต้องการตรวจสอบเป็นเวลา 72 ชั่วโมง ส่วนการใช้งานอื่นๆปกติทุกอย่าง พอพ้น 72 ชม ทุกอย่างก็จะกลายเป็นปกติ
2. มีผู้แจ้งความผ่านตำรวจท้องที่ ก็จะเรียกว่าการอายัดโดยราชการ มีเอกสารตราครุฑ อะไรสักอย่าง ถ้าเป็นแบบนี้ จะโดนอายัดทั้งบัญชี เฉพาะธนาคารนั้นๆ เมื่อโทรไปที่ Call center ของธนาคาร ธนาคารก็จะให้หมายเลข ตช อะไรสักอย่างยาวๆมา และชื่อกับเบอร์โทรของตำรวจที่ดูแลคดี การแก้ปัญหาคือ เดินทางไปที่สถานีตำรวจของผู้แจ้งความ เมื่ออธิบาย หรือสามารถยืนยันความบริสุทธ์ได้ ผู้แจ้งความสามารถถอนแจ้งความได้เลย แล้วตำรวจจะออกใบยกเลิกการอายัด สามารถนำไปยื่นที่ธนาคาร แล้วรอ 2-3 วัน บัญชีก็จะใช้ได้
3. มีผู้แจ้งความผ่าน 1441 สิ่งที่เกิดขึ้น 1441 จะส่งเรื่องไปยังธนาคารเพื่ออายัดบัญชีอีกที พร้อมสถานะม้าเทาอ่อน เทาเข้ม หรือม้าดำก็ว่าไป และสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมๆกันก็คือผู้แจ้งความต้องไปยื่นข้อมูลใน thaipoliceonline.com อีกที รวมถึงผู้แจ้งความก็ต้องไปติดต่อพนักงานสืบสวนท้องที่ที่เกิดขึ้นอีกด้วย สำหรับผู้ที่ถูกแจ้งความ ก็จะโดนอายัดบัญชีทุกธนาคาร ตามหมายเลขบัตรประชาชน การแก้ไขปัญหา ก็ตามที่เล่าด้านบน
นางสาว B ผู้แจ้งความบอกว่า โดนโกงไปเป็นจำนวน 4 แสนกว่าบาท แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับผม คาดว่าน่าจะมีมูลค่าเกิน 4 แสนแน่นอน ยังไม่นับเรื่องเวลาที่เสียไป กับความเครียดที่มีทุกวัน แล้วก็ไม่รู้จะไปเรียกร้องเอากับใครด้วย ช่วงที่ผ่านมาก็พยายามหาข้อมูลจากหลายๆกระทู้ใน Pantip เห็นว่ามีประโยชน์ดี ก็เลยอยากจะแชร์ข้อมูลบ้าง ก็หวังว่า กระทู้นี้จะเป็นประโยชน์กับผู้บริสุทธ์ที่โดนอายัดแบบงงๆ เผื่อจะได้ประหยัดเวลาได้บ้าง
ส่วนเรื่องการอายัดบัญชีทั้งหมดตามหมายเลขบัตรประชาชนความจริงผมก็เห็นด้วยเพราะน่าจะช่วยลดมิจฉาชีพได้ แต่การปลดอายัดก็ไม่ควรใช้เวลานานเช่นกัน หากพิสูจน์ได้ว่าผู้ถูกแจ้งบริสุทธ์
#บัญชีโดนระงับ #บัญชีกสิกร #บัญชีกรุงเทพ # บัญชีไทยพาณิชย์ #บัญชี SCB #Kplus #บัญชีทหารไทย #บัญชีกรุงศรี #บัญชีLH #โดนอายัด #คริปโต