อึ้งค่าจ้างรถขุดดิน 4 หมื่น โคลนทะลักท่วมบ้านแม่สาย ค่าแรงวันละ 700 บาท จะเอาเงินจากไหนไปจ่าย
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9424859
เดือดร้อนหนักเข้าไปอีก! อึ้งค่าจ้างรถขุดดิน โคลนทะลักท่วมบ้านแม่สาย ราคา 4 หมื่น ค่าแรงอีกวันละ 700 บาท จะเอาเงินจากไหนไปจ่าย ตอนนี้ก็ไม่เหลืออะไรแล้ว ‘บุ๋ม ปนัดดา’ เห็นใจรีบยื่นมือช่วย
วันที่ 22 ก.ย.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุอุทกภัยในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ส่งผลกระทบจนชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก และแม้สถานการณ์จะคลี่คลายไปแล้ว แต่ยังทิ้งซากความเสียหายไว้เบื้องหลัง ทั้งข้าวของที่เสียหาย รวมทั้งดินโคลนทับถมในตัวบ้าน ยากแก่การกำจัด
ล่าสุด เพจ “เรียนหมอ” ได้โพสต์ความเดือดร้อนของบ้านหลังหนึ่ง ที่ถูกดินโคลนทะลักเข้ามาในตัวบ้านจำนวนมาก และไม่สามารถเอาออกได้ง่ายๆ โดยระบุว่า “
บ้านอยู่หลังวังทอง สอบถามแล้วค่ารถขุดเขาคิด 4 หมื่น ค่าแรงรายวันคิด 700 ปัญหาอยู่ที่ว่าทางบ้านไม่เหลืออะไรเงินก็ไม่พอใช้หนี้สิคะ ก็ต้องทำใจสู้กันต่อไปให้ได้คะ #เสียงจากแม่สาย”
จากนั้นเมื่อ บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี เห็นโพสต์ดังกล่าว ก็รีบยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือทันที เตรียมส่งทีมงานและจัดหาอุปกรณ์เข้าไปช่วยนำดินออก โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น รวมทั้งยังชวนอาสาท่านอื่นเข้าไปร่วมด้วย โดยระบุข้อความว่า
“
ทีมงานได้ลงพื้นที่บ้านหลังนี้เรียบร้อยแล้วนะคะ หลังได้รับการติดต่อจากลูกเพจหลายท่านว่าสงสารและเห็นใจ พิกัดเกาะทราย หลังจากได้คุยกับแอดมินเพจเรียนหมอ ว่าเห็นใจเจ้าของบ้านหลังนี้มากๆ พี่โต๊ะ จิตอาสาที่ลงพื้นที่บอกว่าชุมชนเกาะทรายหนักมากเลยค่ะ ไม่สามารถใช้แรงคนเพียงอย่างเดียวได้ เดี๋ยวมูลนิธิจะสนับสนุนรถแมคโคร และหกล้อจะลงพื้นที่ไม่เกินมะรืนนี้ พี่บุ๋มบอกว่าสงสารเจ้าของบ้านมาก ให้ช่วยเต็มที่ ถ้ามีอาสาทีมอื่น จะลงพื้นที่ด้วย ยินดีร่วมมือนะคะ เพราะเละทั้งซอยจริงๆ”
วุ่น! บัตรประชารัฐใช้ไม่ได้ ตา 89 ป่วยติดเตียง พยายามเป็นชั่วโมง แต่สแกนใบหน้าไม่ผ่าน
https://www.matichon.co.th/region/news_4805478
ตาวัย 89 สแกนใบหน้าเข้าระบบบัตรประชารัฐไม่ผ่าน ลูกหลานพยามนานนับชั่วโมง ทั้งทำหน้ายิ้ม ทำหน้าเศร้า ก็ไม่ผ่าน เผยตาเดินไม่ได้ เจ้าหน้าที่ให้เข้าไปในตัวเมืองเพื่อยืนยันตน วอนรัฐแก้ระบบช่วยคนชรา
เมื่อวันที่ 22 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดความวุ่นวายบริเวณหน้าร้านค้าแห่งหนึ่งในตัว อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นร้านที่เข้าร่วมโครงการกับบัตรประชารัฐสมัยรัฐบาล พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา จำหน่ายสินค้าให้กับผู้ถือบัตรประชารัฐ
พบพนักงานของร้านค้ากำลังพยายามสแกนใบหน้าของชายชราคนหนึ่งนั่งอยู่บนรถจักรยานแบบพ่วงข้าง ทราบชื่อนาย
กลม อายุ 89 ปี เป็นผู้ป่วยติดเตียง มาพร้อมกับนางสาว อายุ 87 ปี ภรรยา นั่งอยู่บนรถคันเดียวกัน
โดยมีคนที่ผ่านไปมาแล้วพบเห็นต่างแวะให้กำลังใจและช่วยลุ้นไม่ขาดสาย โดยเฉพาะภรรยาที่เดินทางมาด้วยถึงกับหัวเราะเพราะเห็นภาพสามีทำหน้าตา จากที่เห็นตาพยายามทำหน้าตาตามที่คนถ่ายคือพนักงานของร้านค้าบอกให้ทำ เช่น ลองทำหน้าธรรมดา หน้าเศร้า ทำหน้ายิ้ม หรือแม้กระทั่งทำคางไม่ให้ยื่นออกมา ผ่านไปนานกว่า 1 ชม.ก็ไม่ประสบความสำเร็จ จนต้องกลับบ้านไป
นาง
แสวง อายุ 50 ปี ชาวบ้านสองห้อง ต.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ เล่าว่า วันนี้พาพ่อมาซื้อของใช้ภายในบ้านจากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการบัตรประชารัฐ แต่เขาเปลี่ยนระบบใหม่คือจะต้องสแกนใบหน้าบัตรถึงจะใช้ได้
นาง
แสวงเผยว่า เดือนที่ผ่านมาสแกนผ่าน แต่มาเดือนนี้สแกนไม่ผ่าน สอบถามร้านค้าทราบว่าต้องไปยืนยันตัวตนในตัวเมือง ยอมรับว่าลำบากมากเพราะพ่อเดินไม่ได้ จึงอยากจะเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาในลักษณะนี้ เพราะก่อนหน้านั้นไม่สแกนใบหน้าเอาบัตรมารูดได้ทันที ยังไม่รู้ว่าจะวุ่นวานอีกแค่ไหน พนักงานร้านค้าบอกให้เอาแค่บัตรประจำตัวประชาชนไปติดต่อในตัวจังหวัด แต่เกรงว่าจะไม่ได้คงจะต้องยกเอาพ่อไปด้วยจึงจะผ่าน
นันทนา หนุนแก้จริยธรรม-ยุบพรรค ชี้คาดเดาไม่ได้ สว.เสียงข้างมาก เห็นด้วยหรือไม่
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9424962
‘นันทนา’ หนุน แก้รัฐธรรมนูญ ปมจริยธรรม-ยุบพรรค เชื่อทำให้พรรคการเมืองมีเสถียรภาพ ชี้ คาดเดาไม่ได้ สว.เสียงข้างมาก เห็นด้วยหรือไม่
เมื่อวันที่ 22 ก.ย. 2567 น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. ให้สัมภาษณ์ถึงการยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราของพรรคเพื่อไทย (พท.) และพรรคประชาชน (ปชน.) ว่า เป็นสิ่งที่ สส.คิด ซึ่งขั้นตอนต่อไปก็จะมีการเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ก่อนจะเป็นการพิจารณาร่วมกันของทั้งสองสภา
โดยเรื่องนี้กลุ่มของเราจะมาพูดคุยกันถึงประเด็นที่จะมีการแก้ไข เนื่องจากสส.ยื่นเสนอเข้ามาหลายประเด็น ทั้งนี้ ต้องรอดูว่าทางสส.จะมีการตอบรับกับเรื่องนี้อย่างไรก่อน
เมื่อถามว่ายังมีบางพรรคการเมืองที่เห็นแย้งเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เกี่ยวกับมาตรฐานจริยธรรม เพราะเกรงว่าจะเอื้อประโยชน์ให้ตัวเองหรืออาจมีคนไปยื่นศาลให้ตีความได้ น.ส.นันทนา กล่าวว่า เรื่องจริยธรรมเป็นเรื่องของกลุ่มบุคคลซึ่งอยู่ในแวดวงวิชาชีพนั้นๆ ที่จะพิจารณาวินิจฉัยกันเองว่าเรื่องนี้ ทำพฤติกรรมเช่นนี้ สอดคล้องกับจริยธรรมวิชาชีพเขาหรือไม่ แล้วให้มีการลงโทษกันเอง ซึ่งเรื่องจริยธรรมเป็นนามธรรม แต่เมื่อมาเป็นข้อกฎหมายแล้วก็จะมีการบังคับที่ค่อนข้างเข้มข้น
“
ฉะนั้น หากมีการปรับให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง คือ เป็นเรื่องของจริยธรรมในกลุ่มของคนที่ดำรงตำแหน่งต่างๆ ที่จะพิจารณากันเองน่าจะเหมาะสมกว่า แทนที่จะเอาเรื่องจริยธรรมมาเป็นสิ่งที่อาจจะให้คุณให้โทษ ในลักษณะที่อาจจะมีการกลั่นแกล้งทางการเมืองกัน ซึ่งอาจจะรุนแรงกว่าที่ควรจะได้รับ เช่น มีการวินิจฉัยตัดสินให้ตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต
ซึ่งในความเป็นจริง หากดูโทษทางอาญา เราต้องดูว่าการทำผิดในแต่ละกระทงนั้น ควรจะเป็นสัดส่วนตามความผิดนั้นๆ หากมีการปรับปรุงในส่วนนี้ ส่วนตัวก็เห็นด้วย เพราะย้ำว่าเรื่องจริยธรรมเป็นนามธรรมสูงมาก” น.ส.นันทนา กล่าว
เมื่อถามกรณีที่พรรคการเมืองมีข้อเสนอให้มีการทบทวนเงื่อนไขการยุบพรรค น.ส.
นันทนา กล่าวว่า พรรคการเมืองควรเป็นองค์กร สถาบัน ที่คนมารวมตัวกันแล้วได้แสดงออกทางอุดมการณ์ที่สอดคล้องกัน ฉะนั้น จึงควรตั้งได้ง่าย ดำรงอยู่ได้ ตราบใดที่มีประชาชนที่มีอุดมการณ์ตรงกันสนับสนุน ไม่ควรถูกยุบโดยความผิดของกรรมการบางคน หรือคำวินิจฉัยที่ค่อนข้างเหวี่ยงแห หากนักการเมืองทำผิดก็ควรตัดสินเป็นกรณีของคนๆ นั้นไป ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขตรงนี้ ส่วนตัวมองว่าพรรคการเมืองจะได้มีเสถียรภาพ ได้แสดงออกอุดมการณ์ต่างๆ ให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนจำนวนมาก
เมื่อถามว่าแนวโน้มการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของ สว.ชุดปัจจุบัน จะแตกต่างจาก สว.ชุดก่อนหน้านี้หรือไม่ น.ส.
นันทนา กล่าวว่า ตนตอบแทนกลุ่มที่เป็นเสียงข้างมากไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า การลงมติของเสียงข้างมากตรงข้ามกับเสียงข้างน้อยเสมอ ฉะนั้น จึงไม่อาจคาดเดาได้ว่าการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ เสียงข้างมากจะไปในทิศทางใด ซึ่งคงต้องรอดูในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา
วงเสวนาวิพากษ์นโยบายรัฐบาลขาดการนิรโทษกรรมประชาชน
https://prachatai.com/journal/2024/09/110781
วงเสวนาวิพากษ์นโยบายรัฐบาลขาดการนิรโทษกรรมประชาชน หวั่นหากรัฐบาลฉ้อฉลจะไม่มีใครออกมาต่อสู้อีก แนะแก้เศรษฐกิจปากท้อง โวยราคาพลังงานแพงเป็นการสืบทอดมรดกบาป
สภาที่ 3 แจ้งข่าวว่าเมื่อวันที่ 22 ก.ย. 2567 เวลา 13.30 น. ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สภาที่ 3 และคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา’35 จัดเสวนาวิพากษ์วิจารณ์ตรวจสอบนโยบายรัฐบาล
แพทองธาร ชินวัตร โดยมี นาย
อดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา’35 กล่าวเปิดงาน วิทยากรประกอบกด้วย นาย
ปรีดา เตียสุวรรณ์ ประธานเครือข่ายธุรกิจเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (SVN) นพ.
ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ นาย
สุวิช สุมานนท์ ประธานสมาพันธ์คนงานรถไฟ พ.ท.แพทย์หญิง
กมลพรรณ ชีวพันธุ์ศรี เครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ และนาย
เมธา มาสขาว ผอ.สถาบันสังคมประชาธิปไตย ดำเนินรายการ
นาย
อดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 กล่าวว่า นโยบายเร่งด่วน 10 ข้อของรัฐบาลยังไม่มีประเด็นสำคัญที่ประชาชนต้องการเช่น ประเด็นการนิรโทษกรรมสมานฉันท์ประชาชน และการทวงคืนสมบัติชาติ เช่น คดีที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ที่สมาพันธ์คนงานรถไฟทวงถามมาอย่างยาวนานหลังศาลตัดสินไปแล้ว รวมถึงประเด็นการแก้ไขเศรษฐกิจปากท้องพี่น้องประชาชนอย่างเร่งด่วน แต่ภาพที่อดีตนายกทักษิณไปตีกอล์ฟกับนายทุน เป็นใบเสร็จสำคัญที่ชี้ว่าทำไมราคาพลังงานและค่าไฟจึงลดไม่ได้ เพราะเป็นการรวมหัวกันปล้นเงินประชาชน สืบทอดมรดกบาปจากรัฐบาลที่แล้ว
“
ปัจจุบันต้องถือว่ารัฐบาลมีโอกาสเป็นครั้งที่ 2 ในการบริหารประเทศหลังจากความขัดแย้งและรัฐประหาร แต่เพราะเหตุใดไม่มีนโยบายปรองดองสมานฉันท์ที่มีความชัดเจนเป็นรูปธรรม เพื่อให้โอกาสสังคมเป็นครั้งที่ 2 เช่นกัน โดยสภาที่ 3 จะจัดเวทีตรวจสอบรัฐบาลเป็นซีรี่ย์ทุกเดือน”นาย
อดุลย์ กล่าว
นาย
ปรีดา เตียสุวรรณ์ ประธานเครือข่ายธุรกิจเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (SVN) กล่าวว่า ในสงครามเย็นรอบใหม่ ประเทศไทยจะมีเสถียรภาพได้อย่างไรเป็นโจทย์สำคัญ ปัจจุบันกลุ่มประเทศสีแดงมีประเทศจีนเป็นแกนกลางที่มีบทบาทสำคัญที่สุด ประกอบด้วยรัสเซีย อิหร่าน หลายประเทศในแอฟริกาและโบลิเวียในอเมริกาใต้ นอกนั้นอยู่ในค่ายสีน้ำเงินภายใต้การนำของสหรัฐอเมริกา
ซึ่งระหว่าง 2 ค่ายที่ขัดแย้งกันสูงในสงครามเย็นรอบใหม่นี้ ประเทศไทยอยู่ในค่ายสีเขียว ซึ่งมีอยู่ไม่กี่ประเทศที่เป็นกลุ่มประเทศใต้ที่ไม่ฝักใฝ่ผ่ายใด ซึ่งควรรวมตัวกันให้เข้มแข็งโดยวางตัวเป็นกลาง เพราะมหาอำนาจทั้ง 2 ฝ่าย ทุกฝ่ายมีทั้งข้อดีและข้อเสียปนกัน และกำลังต่อสู้กันอย่างสูสีมาก
เป็นความขัดแย้งระหว่างประเทศเศรษฐกิจอันดับ 1 และ 2 ของโลกที่มีอำนาจทางด้านเศรษฐกิจ ข้อเสนอของตนคือ กลุ่มประเทศสีเขียวที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดจะรวมตัวกันต่อรองมหาอำนาจทั้ง 2 ฝ่ายได้อย่างไร เพราะผู้นำประเทศทั้งสองฝ่ายมีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจมหาศาล แต่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็ไม่อยากให้เราค้าขายกับประเทศฝ่ายตรงข้ามในสงครามเย็นครั้งที่ 2 นี้
ดังนั้น รัฐบาลจะต้องมียุทธศาสตร์ที่สร้างความพอใจทั้ง 2 ฝ่ายได้อย่างไรอย่างสมดุล ในสถานการณ์ที่ประเทศไทยเหลื่อมล้ำอันดับ 1 ของโลกที่เกิดจากการผูกขาดของคนบางกลุ่ม สกัดการเติบโตของคนส่วนใหญ่ด้อยลงไป ถ้ามีนโยบายนี้แก้ปัญหาเพื่อ “ความรุ่งเรืองร่วมกัน” (Common Prosperity) เพื่อให้เกิดการกระจายรายได้ที่ดีมากขึ้นตามแนวทางของประเทศกลุ่มสีแดงที่ใช้อำนาจรวมศูนย์เพื่อสร้างเศรษฐกิจส่วนรวมเพื่อความมั่งคั่งร่วมกันเช่นประเทศจีนก็น่าจะชื่นชมเพราะศรัทธาในเรื่องความรุ่งเรืองร่วมกัน
ส่วนประเทศกลุ่มน้ำเงินที่นำโดยสหรัฐฯ น่าจะใช้นโยบายที่สนับสนุนสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย และเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ใช้ระบบเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม ไม่ใช่นำเข้าสู่ระบอบอำนาจนิยมหรือการยึดอำนาจรัฐประหาร ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลปัจจุบันที่จะทำให้เกิดขึ้น และเป็นไปตามเป้าหมายของสหประชาชาติ 17 ข้อ ซึ่งกลุ่มประเทศทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน
“
สุดท้าย รัฐบาลควรสนับสนุนเศรษฐกิจเสรีที่เป็นธรรม ป้องกันการผูกขาดตลาด ส่งเสริมความมั่นคงด้วยกิจกรรมซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งประเทศไทยมีจุดเด่นด้านวัฒนธรรม ประเพณี ยิ้มสยาม ความมีน้ำใจไมตรี จะมีใช้เครื่องมือเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์กับยุทธศาสตร์ประเทศได้อย่างไร”นาย
ปรีดา กล่าว
JJNY : 5in1 อึ้งค่าจ้างรถ│วุ่น!บัตรประชารัฐใช้ไม่ได้│นันทนาหนุนแก้│นโยบายรัฐบาลขาดนิรโทษกรรมปชช.│ยูเครนร่วมซ้อมรบนาโต
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9424859
เดือดร้อนหนักเข้าไปอีก! อึ้งค่าจ้างรถขุดดิน โคลนทะลักท่วมบ้านแม่สาย ราคา 4 หมื่น ค่าแรงอีกวันละ 700 บาท จะเอาเงินจากไหนไปจ่าย ตอนนี้ก็ไม่เหลืออะไรแล้ว ‘บุ๋ม ปนัดดา’ เห็นใจรีบยื่นมือช่วย
วันที่ 22 ก.ย.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุอุทกภัยในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ส่งผลกระทบจนชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก และแม้สถานการณ์จะคลี่คลายไปแล้ว แต่ยังทิ้งซากความเสียหายไว้เบื้องหลัง ทั้งข้าวของที่เสียหาย รวมทั้งดินโคลนทับถมในตัวบ้าน ยากแก่การกำจัด
ล่าสุด เพจ “เรียนหมอ” ได้โพสต์ความเดือดร้อนของบ้านหลังหนึ่ง ที่ถูกดินโคลนทะลักเข้ามาในตัวบ้านจำนวนมาก และไม่สามารถเอาออกได้ง่ายๆ โดยระบุว่า “บ้านอยู่หลังวังทอง สอบถามแล้วค่ารถขุดเขาคิด 4 หมื่น ค่าแรงรายวันคิด 700 ปัญหาอยู่ที่ว่าทางบ้านไม่เหลืออะไรเงินก็ไม่พอใช้หนี้สิคะ ก็ต้องทำใจสู้กันต่อไปให้ได้คะ #เสียงจากแม่สาย”
จากนั้นเมื่อ บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี เห็นโพสต์ดังกล่าว ก็รีบยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือทันที เตรียมส่งทีมงานและจัดหาอุปกรณ์เข้าไปช่วยนำดินออก โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น รวมทั้งยังชวนอาสาท่านอื่นเข้าไปร่วมด้วย โดยระบุข้อความว่า
“ทีมงานได้ลงพื้นที่บ้านหลังนี้เรียบร้อยแล้วนะคะ หลังได้รับการติดต่อจากลูกเพจหลายท่านว่าสงสารและเห็นใจ พิกัดเกาะทราย หลังจากได้คุยกับแอดมินเพจเรียนหมอ ว่าเห็นใจเจ้าของบ้านหลังนี้มากๆ พี่โต๊ะ จิตอาสาที่ลงพื้นที่บอกว่าชุมชนเกาะทรายหนักมากเลยค่ะ ไม่สามารถใช้แรงคนเพียงอย่างเดียวได้ เดี๋ยวมูลนิธิจะสนับสนุนรถแมคโคร และหกล้อจะลงพื้นที่ไม่เกินมะรืนนี้ พี่บุ๋มบอกว่าสงสารเจ้าของบ้านมาก ให้ช่วยเต็มที่ ถ้ามีอาสาทีมอื่น จะลงพื้นที่ด้วย ยินดีร่วมมือนะคะ เพราะเละทั้งซอยจริงๆ”
วุ่น! บัตรประชารัฐใช้ไม่ได้ ตา 89 ป่วยติดเตียง พยายามเป็นชั่วโมง แต่สแกนใบหน้าไม่ผ่าน
https://www.matichon.co.th/region/news_4805478
ตาวัย 89 สแกนใบหน้าเข้าระบบบัตรประชารัฐไม่ผ่าน ลูกหลานพยามนานนับชั่วโมง ทั้งทำหน้ายิ้ม ทำหน้าเศร้า ก็ไม่ผ่าน เผยตาเดินไม่ได้ เจ้าหน้าที่ให้เข้าไปในตัวเมืองเพื่อยืนยันตน วอนรัฐแก้ระบบช่วยคนชรา
เมื่อวันที่ 22 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดความวุ่นวายบริเวณหน้าร้านค้าแห่งหนึ่งในตัว อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นร้านที่เข้าร่วมโครงการกับบัตรประชารัฐสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จำหน่ายสินค้าให้กับผู้ถือบัตรประชารัฐ
พบพนักงานของร้านค้ากำลังพยายามสแกนใบหน้าของชายชราคนหนึ่งนั่งอยู่บนรถจักรยานแบบพ่วงข้าง ทราบชื่อนายกลม อายุ 89 ปี เป็นผู้ป่วยติดเตียง มาพร้อมกับนางสาว อายุ 87 ปี ภรรยา นั่งอยู่บนรถคันเดียวกัน
โดยมีคนที่ผ่านไปมาแล้วพบเห็นต่างแวะให้กำลังใจและช่วยลุ้นไม่ขาดสาย โดยเฉพาะภรรยาที่เดินทางมาด้วยถึงกับหัวเราะเพราะเห็นภาพสามีทำหน้าตา จากที่เห็นตาพยายามทำหน้าตาตามที่คนถ่ายคือพนักงานของร้านค้าบอกให้ทำ เช่น ลองทำหน้าธรรมดา หน้าเศร้า ทำหน้ายิ้ม หรือแม้กระทั่งทำคางไม่ให้ยื่นออกมา ผ่านไปนานกว่า 1 ชม.ก็ไม่ประสบความสำเร็จ จนต้องกลับบ้านไป
นางแสวง อายุ 50 ปี ชาวบ้านสองห้อง ต.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ เล่าว่า วันนี้พาพ่อมาซื้อของใช้ภายในบ้านจากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการบัตรประชารัฐ แต่เขาเปลี่ยนระบบใหม่คือจะต้องสแกนใบหน้าบัตรถึงจะใช้ได้
นางแสวงเผยว่า เดือนที่ผ่านมาสแกนผ่าน แต่มาเดือนนี้สแกนไม่ผ่าน สอบถามร้านค้าทราบว่าต้องไปยืนยันตัวตนในตัวเมือง ยอมรับว่าลำบากมากเพราะพ่อเดินไม่ได้ จึงอยากจะเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาในลักษณะนี้ เพราะก่อนหน้านั้นไม่สแกนใบหน้าเอาบัตรมารูดได้ทันที ยังไม่รู้ว่าจะวุ่นวานอีกแค่ไหน พนักงานร้านค้าบอกให้เอาแค่บัตรประจำตัวประชาชนไปติดต่อในตัวจังหวัด แต่เกรงว่าจะไม่ได้คงจะต้องยกเอาพ่อไปด้วยจึงจะผ่าน
นันทนา หนุนแก้จริยธรรม-ยุบพรรค ชี้คาดเดาไม่ได้ สว.เสียงข้างมาก เห็นด้วยหรือไม่
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9424962
‘นันทนา’ หนุน แก้รัฐธรรมนูญ ปมจริยธรรม-ยุบพรรค เชื่อทำให้พรรคการเมืองมีเสถียรภาพ ชี้ คาดเดาไม่ได้ สว.เสียงข้างมาก เห็นด้วยหรือไม่
เมื่อวันที่ 22 ก.ย. 2567 น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. ให้สัมภาษณ์ถึงการยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราของพรรคเพื่อไทย (พท.) และพรรคประชาชน (ปชน.) ว่า เป็นสิ่งที่ สส.คิด ซึ่งขั้นตอนต่อไปก็จะมีการเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ก่อนจะเป็นการพิจารณาร่วมกันของทั้งสองสภา
โดยเรื่องนี้กลุ่มของเราจะมาพูดคุยกันถึงประเด็นที่จะมีการแก้ไข เนื่องจากสส.ยื่นเสนอเข้ามาหลายประเด็น ทั้งนี้ ต้องรอดูว่าทางสส.จะมีการตอบรับกับเรื่องนี้อย่างไรก่อน
เมื่อถามว่ายังมีบางพรรคการเมืองที่เห็นแย้งเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เกี่ยวกับมาตรฐานจริยธรรม เพราะเกรงว่าจะเอื้อประโยชน์ให้ตัวเองหรืออาจมีคนไปยื่นศาลให้ตีความได้ น.ส.นันทนา กล่าวว่า เรื่องจริยธรรมเป็นเรื่องของกลุ่มบุคคลซึ่งอยู่ในแวดวงวิชาชีพนั้นๆ ที่จะพิจารณาวินิจฉัยกันเองว่าเรื่องนี้ ทำพฤติกรรมเช่นนี้ สอดคล้องกับจริยธรรมวิชาชีพเขาหรือไม่ แล้วให้มีการลงโทษกันเอง ซึ่งเรื่องจริยธรรมเป็นนามธรรม แต่เมื่อมาเป็นข้อกฎหมายแล้วก็จะมีการบังคับที่ค่อนข้างเข้มข้น
“ฉะนั้น หากมีการปรับให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง คือ เป็นเรื่องของจริยธรรมในกลุ่มของคนที่ดำรงตำแหน่งต่างๆ ที่จะพิจารณากันเองน่าจะเหมาะสมกว่า แทนที่จะเอาเรื่องจริยธรรมมาเป็นสิ่งที่อาจจะให้คุณให้โทษ ในลักษณะที่อาจจะมีการกลั่นแกล้งทางการเมืองกัน ซึ่งอาจจะรุนแรงกว่าที่ควรจะได้รับ เช่น มีการวินิจฉัยตัดสินให้ตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต
ซึ่งในความเป็นจริง หากดูโทษทางอาญา เราต้องดูว่าการทำผิดในแต่ละกระทงนั้น ควรจะเป็นสัดส่วนตามความผิดนั้นๆ หากมีการปรับปรุงในส่วนนี้ ส่วนตัวก็เห็นด้วย เพราะย้ำว่าเรื่องจริยธรรมเป็นนามธรรมสูงมาก” น.ส.นันทนา กล่าว
เมื่อถามกรณีที่พรรคการเมืองมีข้อเสนอให้มีการทบทวนเงื่อนไขการยุบพรรค น.ส.นันทนา กล่าวว่า พรรคการเมืองควรเป็นองค์กร สถาบัน ที่คนมารวมตัวกันแล้วได้แสดงออกทางอุดมการณ์ที่สอดคล้องกัน ฉะนั้น จึงควรตั้งได้ง่าย ดำรงอยู่ได้ ตราบใดที่มีประชาชนที่มีอุดมการณ์ตรงกันสนับสนุน ไม่ควรถูกยุบโดยความผิดของกรรมการบางคน หรือคำวินิจฉัยที่ค่อนข้างเหวี่ยงแห หากนักการเมืองทำผิดก็ควรตัดสินเป็นกรณีของคนๆ นั้นไป ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขตรงนี้ ส่วนตัวมองว่าพรรคการเมืองจะได้มีเสถียรภาพ ได้แสดงออกอุดมการณ์ต่างๆ ให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนจำนวนมาก
เมื่อถามว่าแนวโน้มการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของ สว.ชุดปัจจุบัน จะแตกต่างจาก สว.ชุดก่อนหน้านี้หรือไม่ น.ส.นันทนา กล่าวว่า ตนตอบแทนกลุ่มที่เป็นเสียงข้างมากไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า การลงมติของเสียงข้างมากตรงข้ามกับเสียงข้างน้อยเสมอ ฉะนั้น จึงไม่อาจคาดเดาได้ว่าการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ เสียงข้างมากจะไปในทิศทางใด ซึ่งคงต้องรอดูในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา
วงเสวนาวิพากษ์นโยบายรัฐบาลขาดการนิรโทษกรรมประชาชน
https://prachatai.com/journal/2024/09/110781
วงเสวนาวิพากษ์นโยบายรัฐบาลขาดการนิรโทษกรรมประชาชน หวั่นหากรัฐบาลฉ้อฉลจะไม่มีใครออกมาต่อสู้อีก แนะแก้เศรษฐกิจปากท้อง โวยราคาพลังงานแพงเป็นการสืบทอดมรดกบาป
สภาที่ 3 แจ้งข่าวว่าเมื่อวันที่ 22 ก.ย. 2567 เวลา 13.30 น. ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สภาที่ 3 และคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา’35 จัดเสวนาวิพากษ์วิจารณ์ตรวจสอบนโยบายรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร โดยมี นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา’35 กล่าวเปิดงาน วิทยากรประกอบกด้วย นายปรีดา เตียสุวรรณ์ ประธานเครือข่ายธุรกิจเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (SVN) นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ นายสุวิช สุมานนท์ ประธานสมาพันธ์คนงานรถไฟ พ.ท.แพทย์หญิง กมลพรรณ ชีวพันธุ์ศรี เครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ และนายเมธา มาสขาว ผอ.สถาบันสังคมประชาธิปไตย ดำเนินรายการ
นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 กล่าวว่า นโยบายเร่งด่วน 10 ข้อของรัฐบาลยังไม่มีประเด็นสำคัญที่ประชาชนต้องการเช่น ประเด็นการนิรโทษกรรมสมานฉันท์ประชาชน และการทวงคืนสมบัติชาติ เช่น คดีที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ที่สมาพันธ์คนงานรถไฟทวงถามมาอย่างยาวนานหลังศาลตัดสินไปแล้ว รวมถึงประเด็นการแก้ไขเศรษฐกิจปากท้องพี่น้องประชาชนอย่างเร่งด่วน แต่ภาพที่อดีตนายกทักษิณไปตีกอล์ฟกับนายทุน เป็นใบเสร็จสำคัญที่ชี้ว่าทำไมราคาพลังงานและค่าไฟจึงลดไม่ได้ เพราะเป็นการรวมหัวกันปล้นเงินประชาชน สืบทอดมรดกบาปจากรัฐบาลที่แล้ว
“ปัจจุบันต้องถือว่ารัฐบาลมีโอกาสเป็นครั้งที่ 2 ในการบริหารประเทศหลังจากความขัดแย้งและรัฐประหาร แต่เพราะเหตุใดไม่มีนโยบายปรองดองสมานฉันท์ที่มีความชัดเจนเป็นรูปธรรม เพื่อให้โอกาสสังคมเป็นครั้งที่ 2 เช่นกัน โดยสภาที่ 3 จะจัดเวทีตรวจสอบรัฐบาลเป็นซีรี่ย์ทุกเดือน”นายอดุลย์ กล่าว
นายปรีดา เตียสุวรรณ์ ประธานเครือข่ายธุรกิจเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (SVN) กล่าวว่า ในสงครามเย็นรอบใหม่ ประเทศไทยจะมีเสถียรภาพได้อย่างไรเป็นโจทย์สำคัญ ปัจจุบันกลุ่มประเทศสีแดงมีประเทศจีนเป็นแกนกลางที่มีบทบาทสำคัญที่สุด ประกอบด้วยรัสเซีย อิหร่าน หลายประเทศในแอฟริกาและโบลิเวียในอเมริกาใต้ นอกนั้นอยู่ในค่ายสีน้ำเงินภายใต้การนำของสหรัฐอเมริกา
ซึ่งระหว่าง 2 ค่ายที่ขัดแย้งกันสูงในสงครามเย็นรอบใหม่นี้ ประเทศไทยอยู่ในค่ายสีเขียว ซึ่งมีอยู่ไม่กี่ประเทศที่เป็นกลุ่มประเทศใต้ที่ไม่ฝักใฝ่ผ่ายใด ซึ่งควรรวมตัวกันให้เข้มแข็งโดยวางตัวเป็นกลาง เพราะมหาอำนาจทั้ง 2 ฝ่าย ทุกฝ่ายมีทั้งข้อดีและข้อเสียปนกัน และกำลังต่อสู้กันอย่างสูสีมาก
เป็นความขัดแย้งระหว่างประเทศเศรษฐกิจอันดับ 1 และ 2 ของโลกที่มีอำนาจทางด้านเศรษฐกิจ ข้อเสนอของตนคือ กลุ่มประเทศสีเขียวที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดจะรวมตัวกันต่อรองมหาอำนาจทั้ง 2 ฝ่ายได้อย่างไร เพราะผู้นำประเทศทั้งสองฝ่ายมีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจมหาศาล แต่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็ไม่อยากให้เราค้าขายกับประเทศฝ่ายตรงข้ามในสงครามเย็นครั้งที่ 2 นี้
ดังนั้น รัฐบาลจะต้องมียุทธศาสตร์ที่สร้างความพอใจทั้ง 2 ฝ่ายได้อย่างไรอย่างสมดุล ในสถานการณ์ที่ประเทศไทยเหลื่อมล้ำอันดับ 1 ของโลกที่เกิดจากการผูกขาดของคนบางกลุ่ม สกัดการเติบโตของคนส่วนใหญ่ด้อยลงไป ถ้ามีนโยบายนี้แก้ปัญหาเพื่อ “ความรุ่งเรืองร่วมกัน” (Common Prosperity) เพื่อให้เกิดการกระจายรายได้ที่ดีมากขึ้นตามแนวทางของประเทศกลุ่มสีแดงที่ใช้อำนาจรวมศูนย์เพื่อสร้างเศรษฐกิจส่วนรวมเพื่อความมั่งคั่งร่วมกันเช่นประเทศจีนก็น่าจะชื่นชมเพราะศรัทธาในเรื่องความรุ่งเรืองร่วมกัน
ส่วนประเทศกลุ่มน้ำเงินที่นำโดยสหรัฐฯ น่าจะใช้นโยบายที่สนับสนุนสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย และเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ใช้ระบบเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม ไม่ใช่นำเข้าสู่ระบอบอำนาจนิยมหรือการยึดอำนาจรัฐประหาร ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลปัจจุบันที่จะทำให้เกิดขึ้น และเป็นไปตามเป้าหมายของสหประชาชาติ 17 ข้อ ซึ่งกลุ่มประเทศทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน
“สุดท้าย รัฐบาลควรสนับสนุนเศรษฐกิจเสรีที่เป็นธรรม ป้องกันการผูกขาดตลาด ส่งเสริมความมั่นคงด้วยกิจกรรมซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งประเทศไทยมีจุดเด่นด้านวัฒนธรรม ประเพณี ยิ้มสยาม ความมีน้ำใจไมตรี จะมีใช้เครื่องมือเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์กับยุทธศาสตร์ประเทศได้อย่างไร”นายปรีดา กล่าว