สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
(เมนต์แบบเทศนาหน่อยล่ะหนา)
ที่จขกท.ว่ามาชี้ว่าคุณมีปัญหาสุขภาพจิตแล้วหนา !! เพราะจะยึดถืออะไรของตัวเองหนักหน่วงจนเกิดภาวะอคติชิงชังผู้อื่นเกินเลย หรืออาจเกิดภาวะหวาดระแวงหรืออายเกินไป ฯลฯ
เพราะคนที่รู้จักหน้ากันนั้น ไม่ว่าภายนอกของเราและเขาจะเป็นอย่างไร ถ้าเขาทักทายมาด้วยอัธยาศัยหรือเจตนาอันดี ทางสีหน้า,กริยาท่าทาง,คำพูด,ฯลฯ นั้นคือเขาพร้อมจะมีปฏิสัมพันธ์ในทางดีต่อเรา
แต่คุณจงใจแสดงออกในทางลบตอบกลับ(ในระดับที่ขาดมารยาทและมนุษยสัมพันธ์ที่ดีของผู้ที่รู้จักคุ้นหน้ากัน แต่ก็คงไม่ถึงขั้นแสดงกริยาท่าทางดูหมิ่นดูแคลน,ยิ้มเยาะ,ระบายอารมณ์ใส่,หาเรื่องหาราว,ฯลฯ)
ดังนั้นก็อย่าไปกระทำไปตามสภาพจิตใจของเราแบบนั้นอีก เพราะถ้าไม่ต้องการสุงสิงเป็นเพื่อนนั้นก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรอยู่แล้ว แต่การแสดงออกตอบกลับไปตามโลกภาวะอารมณ์ของเราโดยไม่สนใจโลกอารมณ์ความรู้สึกของคนรู้จักที่เขามีใจทักทายมาเช่นนั้น มีแต่จะสร้างศัตรูเพิ่มเข้ามาโดยใช่เหตุ !!!
แนะนำว่าให้ตั้งใจพัฒนาปรับเปลี่ยนทิฏฐิจิตใจในทางดียิ่งๆขึ้นกันใหม่(ภาวนามัย,สัมมาทิฏฐิ,จิตเมตตากรุณา,จิตรักสมัครสมานเป็นสมานัตตา,ฯลฯ) แล้วจะเกิดกริยาพฤติกรรมภายนอกและมารยาทการวางตัวในทางดียิ่งขึ้นตามมาเอง เช่น มีอปจายนมัยอันเป็นกริยาท่าทางหรือปิยวาจาที่ดีต่อกันยิ่งขึ้น อาจมีสิ่งใดช่วยเหลือต่อกันได้ยามจำเป็นด้วยอามิสทานมัย,วิทยาทานมัย,อัตถจริยาหรือเวยยาวัจจมัย,ฯลฯ เท่าที่อาจช่วยได้
และพฤติกรรมภายนอกที่เป็นแกนหลักที่ควรมีทุกเหตุการณ์ นั้นคือศีลมัย(ไม่เหลิงหลงก่อบาปสร้างทุกข์ต่อตัวเองและใครๆ ไม่ว่าทางกริยาท่าทาง,คำโพสต์คำพูด,และการกระทำ
(พฤติกรรมที่ว่าของคุณ เป็นในระดับบาปเสริมอันเป็นการขาดอปจายนมัยที่พึงควร แต่ยังไม่ถึงกับเป็นบาปหลักของการขาดศีลมัยครับ)
ที่จขกท.ว่ามาชี้ว่าคุณมีปัญหาสุขภาพจิตแล้วหนา !! เพราะจะยึดถืออะไรของตัวเองหนักหน่วงจนเกิดภาวะอคติชิงชังผู้อื่นเกินเลย หรืออาจเกิดภาวะหวาดระแวงหรืออายเกินไป ฯลฯ
เพราะคนที่รู้จักหน้ากันนั้น ไม่ว่าภายนอกของเราและเขาจะเป็นอย่างไร ถ้าเขาทักทายมาด้วยอัธยาศัยหรือเจตนาอันดี ทางสีหน้า,กริยาท่าทาง,คำพูด,ฯลฯ นั้นคือเขาพร้อมจะมีปฏิสัมพันธ์ในทางดีต่อเรา
แต่คุณจงใจแสดงออกในทางลบตอบกลับ(ในระดับที่ขาดมารยาทและมนุษยสัมพันธ์ที่ดีของผู้ที่รู้จักคุ้นหน้ากัน แต่ก็คงไม่ถึงขั้นแสดงกริยาท่าทางดูหมิ่นดูแคลน,ยิ้มเยาะ,ระบายอารมณ์ใส่,หาเรื่องหาราว,ฯลฯ)
ดังนั้นก็อย่าไปกระทำไปตามสภาพจิตใจของเราแบบนั้นอีก เพราะถ้าไม่ต้องการสุงสิงเป็นเพื่อนนั้นก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรอยู่แล้ว แต่การแสดงออกตอบกลับไปตามโลกภาวะอารมณ์ของเราโดยไม่สนใจโลกอารมณ์ความรู้สึกของคนรู้จักที่เขามีใจทักทายมาเช่นนั้น มีแต่จะสร้างศัตรูเพิ่มเข้ามาโดยใช่เหตุ !!!
แนะนำว่าให้ตั้งใจพัฒนาปรับเปลี่ยนทิฏฐิจิตใจในทางดียิ่งๆขึ้นกันใหม่(ภาวนามัย,สัมมาทิฏฐิ,จิตเมตตากรุณา,จิตรักสมัครสมานเป็นสมานัตตา,ฯลฯ) แล้วจะเกิดกริยาพฤติกรรมภายนอกและมารยาทการวางตัวในทางดียิ่งขึ้นตามมาเอง เช่น มีอปจายนมัยอันเป็นกริยาท่าทางหรือปิยวาจาที่ดีต่อกันยิ่งขึ้น อาจมีสิ่งใดช่วยเหลือต่อกันได้ยามจำเป็นด้วยอามิสทานมัย,วิทยาทานมัย,อัตถจริยาหรือเวยยาวัจจมัย,ฯลฯ เท่าที่อาจช่วยได้
และพฤติกรรมภายนอกที่เป็นแกนหลักที่ควรมีทุกเหตุการณ์ นั้นคือศีลมัย(ไม่เหลิงหลงก่อบาปสร้างทุกข์ต่อตัวเองและใครๆ ไม่ว่าทางกริยาท่าทาง,คำโพสต์คำพูด,และการกระทำ
(พฤติกรรมที่ว่าของคุณ เป็นในระดับบาปเสริมอันเป็นการขาดอปจายนมัยที่พึงควร แต่ยังไม่ถึงกับเป็นบาปหลักของการขาดศีลมัยครับ)
แสดงความคิดเห็น
เวลาเดินห้าง แล้วคุณเจอคนรู้จักเข้ามาทักทาย แต่เขาแต่งตัวซอมซ่อ และคุณแต่งตัวดีมากๆ คุณจะทักทายตอบไหม หรือเมินใส่?
เป็นคุณ คุณจะทักทายตอบไหม ถ้าเขาแต่งตัวไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด (เมื่อเทียบกับมาตรฐานคนเดินห้าง ถือว่า ซอมซ่อ และไม่ให้เกียรติสถานที่)
ผมไม่ทักทายตอบนะ เมินใส่ เดินผ่าน แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเลย ไม่อยากข้องเกี่ยวด้วย
เพราะผมไม่อยากให้คนที่เขาเดินผ่านไปผ่านมาในห้าง มองผมไปในภาพลักษณ์ที่ไม่ดี และกลายเป็นจุดสนใจ
แล้วเพื่อนๆคิดเห็นอย่างไรครับ? คุณจะทำอย่างไรในสถานการณ์นั้น