สวัสดีค่ะ วันนี้หนูจะมาเล่าประสบการณ์หลอนในชีวิตค่ะ หนูขอตั้งชื่อเรื่องนี้ว่า "เงาที่หน้าต่าง"
เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยที่หนูเรียน ป.6 แล้ว เมื่อไม่กี่ปีก่อนเองค่ะ ตอนนั้นทางโรงเรียนพาไปเข้าค่าย มันเป็นการเข้าค่ายครั้งแรกเลยค่ะ จริงๆแล้วโรงเรียนหนูจะได้เข้าค่ายตั้งแต่ป.5แล้ว แต่ด้วยสถานการณ์โควิดในตอนนั้นทำให้หนูต้องเข้าอีกทีก็ ป.6 เลย ตอนนั้นหนูตื่นเต้นมากมันคงจะสนุกแน่ๆ ซึ่งก่อนเข้าค่ายคุณครูก็มาอบรมก่อนค่ะด้วยความที่ชั้นปีหนูตอนป.5ไม่ได้ไป ก็เลยต้องไปอบรมพร้อมกับน้องๆ ครูเขาก็บรรยาค่ะว่าเกิดเหตุการณ์นี้แก้ยังไง แล้วถามว่าใครแพ้อะไรมั้ย แล้วจู่ๆเด็กพิเศษในห้องก็ยกมือถามครูขึ้นมาค่ะ ว่ามีผีมั้ยครับ หลัฃจากนั้นทุกคนก็ฮือฮาเสียงดังกันใหญ่ ครูก็บอกว่าอย่าถามแบบนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่แล้วก็อย่าพูดอะไรไม่ดี จากนั้นทุกคนก็เงียบลงค่ะ
แล้วพอถึงวันเดินทางเราก็นั่งรถกันค่อนข้างนานกว่าจะถึงค่ายมันก็ค่ำๆแล้ว ค่ายนี้เป็นค่ายพักแรม สามวันสองคืน พอไปถึงช่วงเย็นๆผู้กำกับเขาก็เรียกรวมตัวแบ่งบ้านค่ะ เนตรนารีและลูกเสือทุกคนโดนจับแยกบ้าน คือ บ้านหลังนึงจะมีกัน4หมู่ 2หมู่ป.6 และ 2 หมู่ป.5 พี่จะได้ดูแลน้อง หลังจากจับกันเสร็จทุกคนก็แยกย้ายไปตามบ้านเพื่อเก็บของ แต่หนูเดินเข้าไปช้ากว่าเพื่อนเพราะหนูไม่ค่อยชอบคนเยอะค่ะ รอให้คนมันซาๆก่อน พอเดินไปบนหัวประตูบ้านของทุกหลังมันจะมีรูปเนตรนารีแปะอยู่อ่ะค่ะ ซึ่งหลังที่พวกหนูอยู่หัวมันดันขาด อาจจะเพราะว่ามันเก่าด้วย แล้วหนูก็ได้ยินเพื่อนพูดว่า "เห้ย หัวขาด ระวังเจอผีหัวขาดนะเว่ย" เพื่อนอีกคนที่เชื่อเรื่องผีก็เลยบอกว่า "อย่าท้านะเว่ย พูดแบบนี้ไม่ได้ หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้พูดถึงกันอีก หลังจากรวมตัวทำกิจกรรมเสร็จสรรพมันก็ค่ำแล้วค่ะ หนูก็มานอน สภาพในตัวบ้านคือ เป็นสี่เหลี่ยม มีทางต่างระดับที่ยกสูงขึ้นทั้งสองซ้ายขวาตรงไปทางเดินตรงกลางจะเป็นห้องน้ำแล้วรอบข้างเป็นหน้าต่างค่ะ หน้าต่างค่อนข้างสูงมากถ้ายืนขึ้นคือสูงระดับอกหนูเลยค่ะ(หนูสูง160) หนูก็นอนกับเพื่อนอีกคนหนูนอนเป็นคนที่สองถัดจากประตูหันหน้าเข้าหาเพื่อนคนแรกค่ะ หนูก็นอนไปจนมันใกล้จะเช้าตื่นมากลางดึกค่ะ หนูตื่นง่ายแล้วหนูได้ยินเสียงกุกกักลุกขึ้นมาก็เห็นเพื่อนนั่งถักเปียกัน เขาก็เลยเรียกหนูไปถักด้วยหนูก็สะลึมสะลืออ่ะค่ะ แต่ครูฝึกก็มาเคาะประตูพอดี ตอนแรกที่เพื่อนกำลังเปิดไฟฉายนั่งถักเปียกันก็เลยรีบปิดแกล้งนอน เดี๋ยวโดยครูฝึกเรียกออกไปวิดพื้นอ่ะค่ะ หนูก็รีบกลับมานอนท่าเดิมหันหน้าเข้าหาเพื่อนคนแรกถัดจากประตูอ่ะค่ะ แล้วพอเสียงเคาะมันเงียบไปหนูก็ลืมตาขึ้นแต่นอนตะแคงข้างท่าเดิมนะคะ พอลืมตาขึ้นมาหนูเห็นเงาค่ะ เป็นเงาผู้หญิง คือแสงจันทร์มันส่งเข้ามาอ่ะค่ะ แต่ตอนนั้นหนูง่วงมากก็ไม่ได้คิดว่าเป็นผีเลย คิดว่าเพื่อน เงาเป็เงาผู้หญิงผมสั้นนั่งเต็มตัวเอาขาข้างนึงชี้ตรงแล้วขาอีกข้างตั้งขึ้นค่ะ มือก็ถืออะไรไม่รู้เหมือนกระบอกยาง หนูก็เลยคิดว่าเพื่อนรึป่าวเพราะคิดว่าที่ถือคือกระบอกยาว หนูกำลังจะหันไปค่ะแต่จู่ๆก็คิดได้ว่า หน้าต่างนั้นมันสูงมากและการที่หนูจะเห็นเงาได้เต็มตัวคือเขาต้องนั่งบนขอบหน้าต่างค่ะ แล้วประเด็กหน้าต่างมันเป็นมุ้งลวดกระจกบานพับที่หมุนๆเปิดอ่ะค่ะมันจะไปเปิดนั่งได้ยังไง ตอนนั้นคือหนูช็อคไปเลยแต่ก็พยายามไม่คิดว่ามันคือผี แต่หนูก็หาคำตอบไม่ได้ค่ะ จะบอกว่าเป็นเพื่อนก็ไม่น่าใช่ด้วยหนูเลยเลือกไม่หันไปแล้วก็หลับต่อดีกว่า หนูก็ข่มตาหลับไปจนเช้าค่ะ ก็ยังไม่เล่าให้ใครฟัง เพราะหนูเป็นคนไม่ค่อยพูดอ่ะค่ะ แล้วพอวันสุดท้ายเขามีเดินทางไกลก็คือออกท้ายค่ายเดินขึ้นเขาแล้วกลับมาเข้าหน้าค่าย ซึ่งคนที่เชื่อเรื่องผีในหมู่หนูเขาก็พูดว่า อย่าเรียกชื่อเล่นนะเดี๋ยวเรียกใครกลับ
ทุกคนก็เลยเรียกชื่อจริงพร้อมนามสกุลด้วย แล้วหนูงงมากเพราะจริงๆไม่พูดก็ได้ค่ะ แต่เขาเหมือนจะคุยเล่นกันตลอดเวลาแล้วก็เรียกชื่อจริง ทีนี้เพื่อนสนิทหนูก็มาชวนคุยตอนเดินขึ้นเขาแต่หนูก็ไม่ค่อยโต้ตอบอ่ะค่ะมันก็ชวนคุยไปเรื่อยๆจนจังหวะที่เรากำลังจะเดินลงเขาคือปกติมันมีป้ายบอกทางอ่ะค่ะ แต่เหมือนหมู่หนูจะเดินออกเส้นทางมันก็ไม่มีป้าย แล้วมันเริ่มเย็นแล้ว นายหมู่ที่นำข้างหน้าเขาก็งงแล้วพูด"เราออกนอกเส้นทางหรอวะ" แล้งทุกคนก็เงียบไม่กล้าตอบค่ะตอนนั้นทุกคนเครียดกลัวจะหลงทางแต่หางตาหนูเหมือนหันไปเห็นผู้กำกับยืนกวักมือเรียกอ่ะค่ะ หนูเลยบอกเพื่อนว่า"ทางนู้นรึป่าว"เพื่อนก็ถามว่า"รู้ได้ไง"
หนูก็"เอ้าก็ครูเรียกอยู่นั่นไง" หนูชี้แต่เขาไม่อยู่แล้ว หนูก็เลยเอ้า แต่เพื่อนก็เงียบ จากนั้นพวกเราเลยพยายามเดินกลับทางเดิมไปเจอป้ายเดิมที่ผ่านมาสรุปเราก็ไปผิดทางจริงๆค่ะ แต่ดีที่กลับมาได้ ระหว่างทางเพื่อนสนิทก็ชวนหนูคุยเหมือนเดิมค่ะแต่รอบนี้หนูเหนื่อยก็เลยไม่ตอบอะไรเลย หางตาหนูหันไปเห็นเหมือนเงาคนชะเง้อมองที่ต้นไม้ตอนแรกหนูคิดว่าตาฝาด จนมันหลายต้นมากๆ หนูก็เลยช็อคแล้วหันไปยิ้มให้เพื่อน หนูว่าหนูคงคิดไปเองก็เลยไม่พูดดีกว่า
หลังจากกลับจากค่ายเพื่อนก็มาเล่าว่าตอนไปเจออะไร
เขาก็เล่าว่าตอนนอนได้ยินเสียงเหมือนเท้าแฉะๆมาจากห้องน้ำตรงกลางเดินลากไปถึงประตูแล้วเดินกลับ บางคนก็เล่าว่ามีคนเขย่าขา หนูก็ลังเลว่าจะเล่าดีมั้ยคิดไปคิดมาก็เลยเล่าค่ะ ว่าหนูเห็นเงา แล้วเพื่อนก็ตกใจบอกว่า บ้านเรามีคนผมสั้นคนเดียว ซึ่งคนนั้นเขาหลับลึกมาก แล้วก็นอนกอดกับเพื่อนสนิทหนูทั้งคืนเลย ไม่น่าจะเป็นเขาได้ หนูช็อคๆอยู่เหมือนกัน แต่หนูก็ไม่ได้คิดอะไรเหมือนเดิม หนูเป็นคนไม่ค่อยเชื่อเรื่องผีค่ะ แต่เหมือนจะเจอเรื่องแปลกๆบ่อย แต่หนูไม่คิดมากค่ะแค่รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่หาคำตอบไม่ได้เฉยๆ ทุกวันนี้ก็มีเรื่องแปลกๆตลอดค่ะ ขอบคุณตัวเองวันนั้นที่ไม่หันไป ฟังมาถึงตรงนี้ทุกคนคิดว่าไงคะ ผีหรือคิดไปเอง
ประสบการณ์หลอน เงาที่หน้าต่าง
เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยที่หนูเรียน ป.6 แล้ว เมื่อไม่กี่ปีก่อนเองค่ะ ตอนนั้นทางโรงเรียนพาไปเข้าค่าย มันเป็นการเข้าค่ายครั้งแรกเลยค่ะ จริงๆแล้วโรงเรียนหนูจะได้เข้าค่ายตั้งแต่ป.5แล้ว แต่ด้วยสถานการณ์โควิดในตอนนั้นทำให้หนูต้องเข้าอีกทีก็ ป.6 เลย ตอนนั้นหนูตื่นเต้นมากมันคงจะสนุกแน่ๆ ซึ่งก่อนเข้าค่ายคุณครูก็มาอบรมก่อนค่ะด้วยความที่ชั้นปีหนูตอนป.5ไม่ได้ไป ก็เลยต้องไปอบรมพร้อมกับน้องๆ ครูเขาก็บรรยาค่ะว่าเกิดเหตุการณ์นี้แก้ยังไง แล้วถามว่าใครแพ้อะไรมั้ย แล้วจู่ๆเด็กพิเศษในห้องก็ยกมือถามครูขึ้นมาค่ะ ว่ามีผีมั้ยครับ หลัฃจากนั้นทุกคนก็ฮือฮาเสียงดังกันใหญ่ ครูก็บอกว่าอย่าถามแบบนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่แล้วก็อย่าพูดอะไรไม่ดี จากนั้นทุกคนก็เงียบลงค่ะ
แล้วพอถึงวันเดินทางเราก็นั่งรถกันค่อนข้างนานกว่าจะถึงค่ายมันก็ค่ำๆแล้ว ค่ายนี้เป็นค่ายพักแรม สามวันสองคืน พอไปถึงช่วงเย็นๆผู้กำกับเขาก็เรียกรวมตัวแบ่งบ้านค่ะ เนตรนารีและลูกเสือทุกคนโดนจับแยกบ้าน คือ บ้านหลังนึงจะมีกัน4หมู่ 2หมู่ป.6 และ 2 หมู่ป.5 พี่จะได้ดูแลน้อง หลังจากจับกันเสร็จทุกคนก็แยกย้ายไปตามบ้านเพื่อเก็บของ แต่หนูเดินเข้าไปช้ากว่าเพื่อนเพราะหนูไม่ค่อยชอบคนเยอะค่ะ รอให้คนมันซาๆก่อน พอเดินไปบนหัวประตูบ้านของทุกหลังมันจะมีรูปเนตรนารีแปะอยู่อ่ะค่ะ ซึ่งหลังที่พวกหนูอยู่หัวมันดันขาด อาจจะเพราะว่ามันเก่าด้วย แล้วหนูก็ได้ยินเพื่อนพูดว่า "เห้ย หัวขาด ระวังเจอผีหัวขาดนะเว่ย" เพื่อนอีกคนที่เชื่อเรื่องผีก็เลยบอกว่า "อย่าท้านะเว่ย พูดแบบนี้ไม่ได้ หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้พูดถึงกันอีก หลังจากรวมตัวทำกิจกรรมเสร็จสรรพมันก็ค่ำแล้วค่ะ หนูก็มานอน สภาพในตัวบ้านคือ เป็นสี่เหลี่ยม มีทางต่างระดับที่ยกสูงขึ้นทั้งสองซ้ายขวาตรงไปทางเดินตรงกลางจะเป็นห้องน้ำแล้วรอบข้างเป็นหน้าต่างค่ะ หน้าต่างค่อนข้างสูงมากถ้ายืนขึ้นคือสูงระดับอกหนูเลยค่ะ(หนูสูง160) หนูก็นอนกับเพื่อนอีกคนหนูนอนเป็นคนที่สองถัดจากประตูหันหน้าเข้าหาเพื่อนคนแรกค่ะ หนูก็นอนไปจนมันใกล้จะเช้าตื่นมากลางดึกค่ะ หนูตื่นง่ายแล้วหนูได้ยินเสียงกุกกักลุกขึ้นมาก็เห็นเพื่อนนั่งถักเปียกัน เขาก็เลยเรียกหนูไปถักด้วยหนูก็สะลึมสะลืออ่ะค่ะ แต่ครูฝึกก็มาเคาะประตูพอดี ตอนแรกที่เพื่อนกำลังเปิดไฟฉายนั่งถักเปียกันก็เลยรีบปิดแกล้งนอน เดี๋ยวโดยครูฝึกเรียกออกไปวิดพื้นอ่ะค่ะ หนูก็รีบกลับมานอนท่าเดิมหันหน้าเข้าหาเพื่อนคนแรกถัดจากประตูอ่ะค่ะ แล้วพอเสียงเคาะมันเงียบไปหนูก็ลืมตาขึ้นแต่นอนตะแคงข้างท่าเดิมนะคะ พอลืมตาขึ้นมาหนูเห็นเงาค่ะ เป็นเงาผู้หญิง คือแสงจันทร์มันส่งเข้ามาอ่ะค่ะ แต่ตอนนั้นหนูง่วงมากก็ไม่ได้คิดว่าเป็นผีเลย คิดว่าเพื่อน เงาเป็เงาผู้หญิงผมสั้นนั่งเต็มตัวเอาขาข้างนึงชี้ตรงแล้วขาอีกข้างตั้งขึ้นค่ะ มือก็ถืออะไรไม่รู้เหมือนกระบอกยาง หนูก็เลยคิดว่าเพื่อนรึป่าวเพราะคิดว่าที่ถือคือกระบอกยาว หนูกำลังจะหันไปค่ะแต่จู่ๆก็คิดได้ว่า หน้าต่างนั้นมันสูงมากและการที่หนูจะเห็นเงาได้เต็มตัวคือเขาต้องนั่งบนขอบหน้าต่างค่ะ แล้วประเด็กหน้าต่างมันเป็นมุ้งลวดกระจกบานพับที่หมุนๆเปิดอ่ะค่ะมันจะไปเปิดนั่งได้ยังไง ตอนนั้นคือหนูช็อคไปเลยแต่ก็พยายามไม่คิดว่ามันคือผี แต่หนูก็หาคำตอบไม่ได้ค่ะ จะบอกว่าเป็นเพื่อนก็ไม่น่าใช่ด้วยหนูเลยเลือกไม่หันไปแล้วก็หลับต่อดีกว่า หนูก็ข่มตาหลับไปจนเช้าค่ะ ก็ยังไม่เล่าให้ใครฟัง เพราะหนูเป็นคนไม่ค่อยพูดอ่ะค่ะ แล้วพอวันสุดท้ายเขามีเดินทางไกลก็คือออกท้ายค่ายเดินขึ้นเขาแล้วกลับมาเข้าหน้าค่าย ซึ่งคนที่เชื่อเรื่องผีในหมู่หนูเขาก็พูดว่า อย่าเรียกชื่อเล่นนะเดี๋ยวเรียกใครกลับ
ทุกคนก็เลยเรียกชื่อจริงพร้อมนามสกุลด้วย แล้วหนูงงมากเพราะจริงๆไม่พูดก็ได้ค่ะ แต่เขาเหมือนจะคุยเล่นกันตลอดเวลาแล้วก็เรียกชื่อจริง ทีนี้เพื่อนสนิทหนูก็มาชวนคุยตอนเดินขึ้นเขาแต่หนูก็ไม่ค่อยโต้ตอบอ่ะค่ะมันก็ชวนคุยไปเรื่อยๆจนจังหวะที่เรากำลังจะเดินลงเขาคือปกติมันมีป้ายบอกทางอ่ะค่ะ แต่เหมือนหมู่หนูจะเดินออกเส้นทางมันก็ไม่มีป้าย แล้วมันเริ่มเย็นแล้ว นายหมู่ที่นำข้างหน้าเขาก็งงแล้วพูด"เราออกนอกเส้นทางหรอวะ" แล้งทุกคนก็เงียบไม่กล้าตอบค่ะตอนนั้นทุกคนเครียดกลัวจะหลงทางแต่หางตาหนูเหมือนหันไปเห็นผู้กำกับยืนกวักมือเรียกอ่ะค่ะ หนูเลยบอกเพื่อนว่า"ทางนู้นรึป่าว"เพื่อนก็ถามว่า"รู้ได้ไง"
หนูก็"เอ้าก็ครูเรียกอยู่นั่นไง" หนูชี้แต่เขาไม่อยู่แล้ว หนูก็เลยเอ้า แต่เพื่อนก็เงียบ จากนั้นพวกเราเลยพยายามเดินกลับทางเดิมไปเจอป้ายเดิมที่ผ่านมาสรุปเราก็ไปผิดทางจริงๆค่ะ แต่ดีที่กลับมาได้ ระหว่างทางเพื่อนสนิทก็ชวนหนูคุยเหมือนเดิมค่ะแต่รอบนี้หนูเหนื่อยก็เลยไม่ตอบอะไรเลย หางตาหนูหันไปเห็นเหมือนเงาคนชะเง้อมองที่ต้นไม้ตอนแรกหนูคิดว่าตาฝาด จนมันหลายต้นมากๆ หนูก็เลยช็อคแล้วหันไปยิ้มให้เพื่อน หนูว่าหนูคงคิดไปเองก็เลยไม่พูดดีกว่า
หลังจากกลับจากค่ายเพื่อนก็มาเล่าว่าตอนไปเจออะไร
เขาก็เล่าว่าตอนนอนได้ยินเสียงเหมือนเท้าแฉะๆมาจากห้องน้ำตรงกลางเดินลากไปถึงประตูแล้วเดินกลับ บางคนก็เล่าว่ามีคนเขย่าขา หนูก็ลังเลว่าจะเล่าดีมั้ยคิดไปคิดมาก็เลยเล่าค่ะ ว่าหนูเห็นเงา แล้วเพื่อนก็ตกใจบอกว่า บ้านเรามีคนผมสั้นคนเดียว ซึ่งคนนั้นเขาหลับลึกมาก แล้วก็นอนกอดกับเพื่อนสนิทหนูทั้งคืนเลย ไม่น่าจะเป็นเขาได้ หนูช็อคๆอยู่เหมือนกัน แต่หนูก็ไม่ได้คิดอะไรเหมือนเดิม หนูเป็นคนไม่ค่อยเชื่อเรื่องผีค่ะ แต่เหมือนจะเจอเรื่องแปลกๆบ่อย แต่หนูไม่คิดมากค่ะแค่รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่หาคำตอบไม่ได้เฉยๆ ทุกวันนี้ก็มีเรื่องแปลกๆตลอดค่ะ ขอบคุณตัวเองวันนั้นที่ไม่หันไป ฟังมาถึงตรงนี้ทุกคนคิดว่าไงคะ ผีหรือคิดไปเอง