ช็อค!!! ถ้าเป็น e-sim คุณต้องไปโรงพัก!!!

กระทู้สนทนา
ไม่เคยคาดคิดว่าเรื่องแบบนี้ถึงกับต้องไปโรงพัก? เกิดมาไม่เคยไปเหยียบสถานที่นี้เลย

เรื่องมันเพียงแค่เราได้ทำการย้ายค่ายเบอร์เติมเงิน 2 หมายเลขจากทรูออกไปค่ายอื่น เมื่อทำการย้ายค่ายออกแล้ว ถ้ามิยอดเงินคงค้างของหมายเลขนั้นๆจะสามารถขอรับเงินคืนได้

ทีนี้เมื่อย้ายออกสำเร็จแล้ว เราก็ไปดำเนินการขอรับเงินคงค้างที่ทรูช็อป เดิมหลักฐานที่ต้องนำไปคือบัตรประชาชน, boonbank มีเพียงเท่านี้ และที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีปัญหาและได้รับเงินคืนเป็นปกติ แต่คราวนี้ทรูออกระเบียบมาใหม่ ให้ยื่นซิมเก่าไปด้วย (ซิมกายภาพที่เป็น Standard, Micro, Nano sim ทั้งหลาย) ซึ่งอันนี้ไม่มีปัญหา เรายอมรับและยินดีให้ความร่วมมือ แต่ยุคนี้มันเป็นยุค 2 ซิม โดยเฉพาะคนใช้ iPhone ถ้าจะใช้ 2 ซิม อีกซิมมันต้องเป็น e-sim เท่านั้น 

ปัญหามันอยู่ตรงนี้ 2 เบอร์ที่จะขอเงินคงค้างคืน เบอร์นึงมันเป็น nanosim มันมีซิมเป็นชิ้นๆ ให้ส่งคืนได้ แต่อีกเบอร์นึงมันเป็น e-sim จนท.ทรูช้อปแจ้งว่าต้องไปแจ้งสถานีตำรวจแจ้งความแล้วเอาใบแจ้งความหรือใบบันทึกประจำวันมายื่นเท่านั้น!!! เฮ้ยย เราช็อคมาก สิ่งที่เราอุทานเป็นคำแรก มันต้องขนาดนั้นเลยหรอ?!

ข้อเท็จจริงคือ เมื่อเจ้าหน้าที่ทรูช้อปได้รับบัตรประชาชนแล้วได้ทำการตรวจสอบข้อมูลเพื่อคืนเงิน ข้อมูลจะปรากฎหมายเลข ข้อมูลของเจ้าของซิม ยอดเงินคงค้าง มีแม้แต่ข้อมูลว่าหมายเลขดังกล่าวถูกเปลี่ยนจากซิมกายภาพ (Physical sim) ไปเป็น e-sim (Embedded sim) และจนท.แจ้งว่าจะเอามือถือเครื่องที่ลงทะเบียนและมีบันทึกการใช้ e-sim นั้นมาแสดงก็ไม่ได้ ต้องใช้ใบแจ้งความหรือบันทึกประจำวันเท่านั้น!!!!!!!

เฮ้ยย มันบ้ามาก ใครเป็นคนออกกฎระเบียบแบบนี้? 
1) ข้อมูลหลักฐานในฝ่ายลูกค้าในการยืนยันตนว่าเป็นเจ้าของหมายเลข ลำพังแค่บัตรประชาชน และไปดำเนินการด้วยตัวเอง จริงๆมันน่าจะเพียงพอ แต่ถ้าเพิ่มซิมเป็นแผ่นๆ เราก็ยินดีให้ความร่วมมือ (เดิมก่อนหน้านี้ใช้แค่บัตรปชช, ฺBookBank ก็ยังให้บริการได้ ไม่เคยมีปัญหาอะไร) แต่นี่มัน e-sim ซึ่งจริงๆก็ทรูนั่นแหละที่ทำให้ และมันต้องมีข้อมูล e-sim ในระบบ
2) ข้อมูลในระบบ(ในฝ่ายของ operator)มันน่าจะแสดงรายละเอียดทุกอย่าง เมื่อซิมถูกใช้ในรูป e-sim ระบบมันย่อมต้องบักทึกและแสดงรายละเอียดเอาไว้ รวมทั้งรายละเอียดอื่นๆ เป็น Digital footprint 
3) เมื่อหลักฐาน(ยืนยันตนของลูกค้า)และข้อมูลระบบ(ของ operator)มาบรรจบกันแล้ว ซึ่งเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอให้ดำเนินการได้แล้ว อะไรคือการให้ไปสถานีตำรวจเพื่อเอาใบแจ้งความ/ลงบันทึกประจำวันมาอีกเพื่อ? ในขณะที่หน่วยงานรัฐซึ่งขึ้นชื่อเรื่องบริการ...ยังพยามจะรับเอาแนวคิด One Stop Service มาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ปชช.ลดขั้นตอนให้เร็วและง่าย แต่ทรูซึ่งเป็นเอกชนกลับพยามเพิ่มขึ้นตอน เพิ่มหน่วยงานที่จะต้องไปติดต่อเพื่อการดำเนินเรื่องง่ายๆ(ซึ่งเคยทำมาแล้วโดยตลอด) ลองคิดเล่นๆ ถ้าเป็นแบบนี้ภาระจะตกแก่
   3.1 ลูกค้า ต้องเดินทางไปสถานีตำรวจ (มีค่าเดินทาง) แล้วกลับมาที่ทรูช็อป (มีค่าเดินทาง) เพื่อเอาใบแจ้งความหรือบันทึกประจำวันเพียงว่า "ฉันคือเจ้าของ e-sim" ซึ่งระบบของทรูย่อมรู้และแสดงอยู่แล้ว...
   3.2 (สถานี)ตำรวจ คือไปเพิ่มงานให้ตำรวจ ทุกวันนี้บ้านเมืองมีแต่เรื่องวุ่นวาย ตำรวจงานก็ล้นมืออยู่แล้ว ชาวบ้านไปติดต่อตำรวจหลายเคสหลายคดีต้องรอนานมากกก ยังต้องเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องพวกนี้ไปเพิ่มให้เขาอีกหรือ???? ไม่ทราบว่าทรูคิดอะไรอยู่???

ถ้ายาวไปขออภัย แต่ไม่ว่าคิดยังไงมันก็ BS คือมันไม่ได้สัดส่วนของการต้องดิ้นรนเพื่อเรื่องแค่นี้ มันไม่ Make sense ด้วยเหตุด้วยผลดังที่กล่าวไป มันไม่เป็นไปเพื่อประโยชน์ของทั้งต่อลูกค้าและต่อหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะพิจารณายังไงก็ไม่เห็นข้อดี มีแต่ข้อเสีย ถ้าจะมีข้อดีคือทำให้ลูกค้าได้เงินคืนจากทรูยากขึ้น?????
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่