รวมตัวกัน ปกป้องและดูแลตัวเองกันเถอะครับ ในยุคกระบวนการยุติธรรมในไทยงานล้น พึ่งพาได้จริงหรือไม่
ไอ้ที่จะหวังพึ่งหน่วยงานภาครัฐ
ให้ดูแลคงจะลำบากกว่าเดิมในยุคที่ความเปลี่ยนแปลงของโลกมีความผันผวนสูง
คาดการณ์อะไรได้อยาก การเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์ รวมถึงกระบวนการยุติธรรมในประเทศไทย ก็ดูเหมือนว่าการปรับตัวกับสถานการณ์ ช้า
ไม่ตอบโจทย์การให้บริการประชาชนได้จริง
ดูเหมือนว่าคนที่ปรับตัวเข้ากับยุคสมัยได้ดี น่าจะเป็นมิจฉาชีพที่รายล้อมเราอยู่ทุกวัน ทั้งทางโทรศัพท์ ช่องทางต่าง ๆ ทางโซเชียล และมิจฉาชีพกลายเป็นองค์กรระดับโลกไปแล้ว มีเครือข่ายเข้มแข็ง ทำงานมีประสิทธิภาพกว่าหน่วยงานภาพรัฐเสียอีก ดูจากผู้โดนหลอก สถิติ ต่อเดือน ต่อปี ต่อประเทศที่เป็นเหยื่อ
นับว่าประเทศไทยตกเป็นเหยื่อมากสุดในวันหนึ่ง ๆ ถ้าคุณไม่ตั้งสติการรับสายโทรศัพท์ของคุณ เรื่องการสื่อสารของคุณอาจพบกับความวิบัติได้ในทันที
ผมเป็นคนหนึ่ง ที่ทำงานในระบบราชการมายาวนานและเป็นประชาชนคนหนึ่งเหมือนกัน เห็นว่าวิวัฒนาการความแตกต่างของการพัฒนากระบวนการ
ทำงาน ระหว่างเจ้าหน้าที่ในกระบวนการกฎหมาย ควบคู่มิจฉาชีพ พบว่า กระบวนการยุติธรรมไทยทั้งระบบไม่มีการแผนรองรับภัยหรือมิจฉาชีพในรูปแบบใหม่เลย .....ทำได้เพียงแก้ไขปลายเหตุ และแก้ไขช้ามาก ใช้เงินภาษีหมดไปกับโครงการอบรมต่าง ๆ ไม่มีหนทางไหนเยี่ยวยาประชาชนได้เลย
ซ้ำร้ายเจ้าหน้าที่และผู้มีอำนาจบางคน อาจเป็นมิจฉาชีพสะเอง ตัวอย่างในข่าวที่พึ่งเห็นกันไป
ไว้ใจใครได้ยากจริงๆ ครับ เจ้าหน้าที่ภาครัฐ เพราะเดี๋ยวนี้ เวลาประชาชนเดือนร้อน ต้องไปหามูลนิธิภายนอก และองค์กรต่างๆ ที่สามารถช่วยได้
และทันเวลา ในขณะเดียวกันหน่วยงานราชการบางหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ที่ทำงานเช้าชามเย็นชาม ก็มิได้รู้ร้อนรู้หนาวอะไร เพราะมีเงินเดือนกิน
บางที่เป็นตำแหน่งใหญ่โต ระดับอาวุโสเงินเดือนหลักแสน มาทำงานสาย กลับบ้านบ่ายไปพักผ่อน ทำงานจนถึงอายุ 70 ปี งานไม่มีคุณภาพ ฮอลโมนวัยทอง หงุดหงิดใส่เจ้าหน้าที่ ตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูง แต่ทำตัวไร้การศึกษา ใช้แต่อำนาจ เสมือนว่าเป็นสมมติเทพ
ไม่ว่าจะผิดหรือถูกก็ต้องกมหน้ารับใช้ไป ทำงานไป ... ชีวิตข้าราชการในชั้นผู้ปฏิบัติงาน...อยู่อย่างลำบากกันทุกคน..
ทำงานในกระบวนการยุติธรรมยังต้องพึ่งพาตัวเองเวลาโดนมิจฉาชีพหลอก ... แล้วประชาชนทั่วไปจะอยู่อย่างไร...ในยุคที่มิจฉาชีพเป็นองค์กรระดับโลก!!!
เมื่อมิจฉาชีพเป็นองค์กรระดับโลก เราต้องใช้ชีวิตกันอย่างไร
ไอ้ที่จะหวังพึ่งหน่วยงานภาครัฐ ให้ดูแลคงจะลำบากกว่าเดิมในยุคที่ความเปลี่ยนแปลงของโลกมีความผันผวนสูง
คาดการณ์อะไรได้อยาก การเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์ รวมถึงกระบวนการยุติธรรมในประเทศไทย ก็ดูเหมือนว่าการปรับตัวกับสถานการณ์ ช้า
ไม่ตอบโจทย์การให้บริการประชาชนได้จริง
ดูเหมือนว่าคนที่ปรับตัวเข้ากับยุคสมัยได้ดี น่าจะเป็นมิจฉาชีพที่รายล้อมเราอยู่ทุกวัน ทั้งทางโทรศัพท์ ช่องทางต่าง ๆ ทางโซเชียล และมิจฉาชีพกลายเป็นองค์กรระดับโลกไปแล้ว มีเครือข่ายเข้มแข็ง ทำงานมีประสิทธิภาพกว่าหน่วยงานภาพรัฐเสียอีก ดูจากผู้โดนหลอก สถิติ ต่อเดือน ต่อปี ต่อประเทศที่เป็นเหยื่อ
นับว่าประเทศไทยตกเป็นเหยื่อมากสุดในวันหนึ่ง ๆ ถ้าคุณไม่ตั้งสติการรับสายโทรศัพท์ของคุณ เรื่องการสื่อสารของคุณอาจพบกับความวิบัติได้ในทันที
ผมเป็นคนหนึ่ง ที่ทำงานในระบบราชการมายาวนานและเป็นประชาชนคนหนึ่งเหมือนกัน เห็นว่าวิวัฒนาการความแตกต่างของการพัฒนากระบวนการ
ทำงาน ระหว่างเจ้าหน้าที่ในกระบวนการกฎหมาย ควบคู่มิจฉาชีพ พบว่า กระบวนการยุติธรรมไทยทั้งระบบไม่มีการแผนรองรับภัยหรือมิจฉาชีพในรูปแบบใหม่เลย .....ทำได้เพียงแก้ไขปลายเหตุ และแก้ไขช้ามาก ใช้เงินภาษีหมดไปกับโครงการอบรมต่าง ๆ ไม่มีหนทางไหนเยี่ยวยาประชาชนได้เลย
ซ้ำร้ายเจ้าหน้าที่และผู้มีอำนาจบางคน อาจเป็นมิจฉาชีพสะเอง ตัวอย่างในข่าวที่พึ่งเห็นกันไป
ไว้ใจใครได้ยากจริงๆ ครับ เจ้าหน้าที่ภาครัฐ เพราะเดี๋ยวนี้ เวลาประชาชนเดือนร้อน ต้องไปหามูลนิธิภายนอก และองค์กรต่างๆ ที่สามารถช่วยได้
และทันเวลา ในขณะเดียวกันหน่วยงานราชการบางหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ที่ทำงานเช้าชามเย็นชาม ก็มิได้รู้ร้อนรู้หนาวอะไร เพราะมีเงินเดือนกิน
บางที่เป็นตำแหน่งใหญ่โต ระดับอาวุโสเงินเดือนหลักแสน มาทำงานสาย กลับบ้านบ่ายไปพักผ่อน ทำงานจนถึงอายุ 70 ปี งานไม่มีคุณภาพ ฮอลโมนวัยทอง หงุดหงิดใส่เจ้าหน้าที่ ตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูง แต่ทำตัวไร้การศึกษา ใช้แต่อำนาจ เสมือนว่าเป็นสมมติเทพ
ไม่ว่าจะผิดหรือถูกก็ต้องกมหน้ารับใช้ไป ทำงานไป ... ชีวิตข้าราชการในชั้นผู้ปฏิบัติงาน...อยู่อย่างลำบากกันทุกคน..
ทำงานในกระบวนการยุติธรรมยังต้องพึ่งพาตัวเองเวลาโดนมิจฉาชีพหลอก ... แล้วประชาชนทั่วไปจะอยู่อย่างไร...ในยุคที่มิจฉาชีพเป็นองค์กรระดับโลก!!!