มิจฉาชีพหลอกเงินคนไทยพุ่ง สถิติเผย 7.7 หมื่นล้านใน 3 ปี เสียหายวันละ 77 ล้าน
รายงานล่าสุดเผยตัวเลขที่น่าตกใจ! มิจฉาชีพในไทยก่อความเสียหายรวมกว่า 77,000 ล้านบาท ในช่วงระยะเวลาเพียง 3 ปีที่ผ่านมา คิดเป็นความเสียหายเฉลี่ย 77 ล้านบาทต่อวัน สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการฉ้อโกงทางการเงินที่ยังคงแพร่ระบาดอย่างหนักในทุกระดับของสังคม
มิจฉาชีพพัฒนากลวิธีขั้นสูง
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ยอดความเสียหายพุ่งสูงขึ้น คือการพัฒนากลโกงที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น เช่น
• แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ: หลอกให้เหยื่อโอนเงินเพื่อ “ตรวจสอบบัญชี”
• การฉ้อโกงออนไลน์: รวมถึงการซื้อขายสินค้าหลอกลวงบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย
• SMS หลอกลวง: ส่งข้อความปลอมแจ้งยอดหนี้หรือรางวัลล่อให้เหยื่อกรอกข้อมูลส่วนตัว
ผู้ตกเป็นเหยื่อ: ทุกเพศทุกวัย
ข้อมูลชี้ว่าผู้ตกเป็นเหยื่อไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้สูงอายุหรือผู้มีการศึกษาน้อย แต่มิจฉาชีพสามารถเข้าถึงได้ทุกกลุ่มอายุ ตั้งแต่วัยรุ่น นักศึกษา ไปจนถึงผู้ประกอบการ โดยเฉพาะในยุคที่การทำธุรกรรมออนไลน์เป็นเรื่องปกติ
เสียงเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ
ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์เตือนว่า “ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์” ของประชาชนยังคงเป็นจุดอ่อนสำคัญ เช่น การคลิกลิงก์โดยไม่ตรวจสอบ หรือการให้ข้อมูลส่วนตัวโดยไม่ระวัง
ทางออก: ร่วมมือป้องกัน-แก้ไข
เพื่อแก้ไขปัญหานี้ รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องดำเนินการอย่างเข้มงวด เช่น
• เพิ่มบทลงโทษทางกฎหมาย เพื่อให้มิจฉาชีพไม่กล้าก่อเหตุ
• เร่งสร้างความรู้ด้านความปลอดภัยออนไลน์ ให้ประชาชน
• ส่งเสริมการแจ้งเตือนภัยในระบบธนาคารและโซเชียลมีเดีย
ถึงเวลาต้องระวัง!
เมื่อความเสียหายเกิดขึ้นเฉลี่ยถึง 77 ล้านบาทต่อวัน ทุกคนต้องตื่นตัวเพื่อป้องกันตนเองจากกลโกงมิจฉาชีพ หากพบการกระทำที่น่าสงสัย ควรรายงานผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที เช่น ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม หรือสายด่วนของธนาคาร
“รู้ทันมิจฉาชีพ คือเกราะป้องกันที่ดีที่สุด”
คนรวยเกินไป ! มิจฉาชีพดัด ! หลอกเงินพุ่ง สถิติเผย 7.7 หมื่นล้านใน 3 ปี เสียหายวันละ 77 ล้าน
รายงานล่าสุดเผยตัวเลขที่น่าตกใจ! มิจฉาชีพในไทยก่อความเสียหายรวมกว่า 77,000 ล้านบาท ในช่วงระยะเวลาเพียง 3 ปีที่ผ่านมา คิดเป็นความเสียหายเฉลี่ย 77 ล้านบาทต่อวัน สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการฉ้อโกงทางการเงินที่ยังคงแพร่ระบาดอย่างหนักในทุกระดับของสังคม
มิจฉาชีพพัฒนากลวิธีขั้นสูง
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ยอดความเสียหายพุ่งสูงขึ้น คือการพัฒนากลโกงที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น เช่น
• แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ: หลอกให้เหยื่อโอนเงินเพื่อ “ตรวจสอบบัญชี”
• การฉ้อโกงออนไลน์: รวมถึงการซื้อขายสินค้าหลอกลวงบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย
• SMS หลอกลวง: ส่งข้อความปลอมแจ้งยอดหนี้หรือรางวัลล่อให้เหยื่อกรอกข้อมูลส่วนตัว
ผู้ตกเป็นเหยื่อ: ทุกเพศทุกวัย
ข้อมูลชี้ว่าผู้ตกเป็นเหยื่อไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้สูงอายุหรือผู้มีการศึกษาน้อย แต่มิจฉาชีพสามารถเข้าถึงได้ทุกกลุ่มอายุ ตั้งแต่วัยรุ่น นักศึกษา ไปจนถึงผู้ประกอบการ โดยเฉพาะในยุคที่การทำธุรกรรมออนไลน์เป็นเรื่องปกติ
เสียงเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ
ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์เตือนว่า “ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์” ของประชาชนยังคงเป็นจุดอ่อนสำคัญ เช่น การคลิกลิงก์โดยไม่ตรวจสอบ หรือการให้ข้อมูลส่วนตัวโดยไม่ระวัง
ทางออก: ร่วมมือป้องกัน-แก้ไข
เพื่อแก้ไขปัญหานี้ รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องดำเนินการอย่างเข้มงวด เช่น
• เพิ่มบทลงโทษทางกฎหมาย เพื่อให้มิจฉาชีพไม่กล้าก่อเหตุ
• เร่งสร้างความรู้ด้านความปลอดภัยออนไลน์ ให้ประชาชน
• ส่งเสริมการแจ้งเตือนภัยในระบบธนาคารและโซเชียลมีเดีย
ถึงเวลาต้องระวัง!
เมื่อความเสียหายเกิดขึ้นเฉลี่ยถึง 77 ล้านบาทต่อวัน ทุกคนต้องตื่นตัวเพื่อป้องกันตนเองจากกลโกงมิจฉาชีพ หากพบการกระทำที่น่าสงสัย ควรรายงานผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที เช่น ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม หรือสายด่วนของธนาคาร
“รู้ทันมิจฉาชีพ คือเกราะป้องกันที่ดีที่สุด”