JJNY : 5in1 "พิธา"กังวลน้ำท่วม│วิโรจน์บี้ผู้ว่าแบงก์ชาติ│วอนช่วย‘ชาวแม่ยาว’│เลยเตรียมรับมวลน้ำ│“ไบเดน”หารือเรื่องยูเครน

"พิธา" กังวลสถานการณ์น้ำท่วม แนะรัฐบาลทำแผนรับมือก่อนท่วม - ระหว่างท่วม - หลังท่วม
https://ch3plus.com/news/political/morning/416853

"พิธา" กังวลสถานการณ์น้ำท่วม แนะรัฐบาลทำแผนรับมือก่อนท่วม - ระหว่างท่วม - หลังท่วม จี้ต้องมองภาพใหญ่แผนระยาว 5 ปี มอง "แพทองธาร" ไม่กล้าลงพื้นที่ สะท้อนกังวลโดนร้องมากกว่าความเดือดร้อนปชช. เผยปชน.เตรียมรื้อปัญหาจริยธรรม เป็นเครื่องมือทำลายล้างทางการเมือง
 
14 ก.ย. 2567 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณีน้ำท่วมจังหวัดเชียงรายว่า หากยังจำได้ในวันที่มีการยุบพรรคก้าวไกล หน้าที่สุดท้ายของตัวเองในช่วงเช้า ในฐานะสส. การอภิปรายว่า เป็นกังวลถึงสถานการณ์น้ำท่วมในปีนี้ เพราะตัวเลข และประสบการณ์หน้างานนั้นฟ้องมาแต่ไกล โดยตั้งแต่ที่ตัวเองเป็นสส.มาตลอด 6 ปี ไม่มีปีไหนที่ตัวเองไม่ต้องลงพื้นที่น้ำท่วม แล้วก็เห็นว่าก่อนท่วม ระหว่างท่วม และหลังท่วม ปัญหาอยู่ที่ไหน หากคนที่เป็นผู้นำสามารถเปิดวอร์รูม ที่ไม่ใช่แค่วอร์รูมที่จะไปนั่งกัน แต่ต้องมีการวางแผนการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ก่อนท่วม ระหว่างท่วม และหลังท่วม

โดยเฉพาะแผนการเยียวยา หลังจากเหตุการณ์ผ่านไปแล้ว อย่างตัวเองเคยพบชาวอยุธยา นำเอกสารสำหรับการเยียวยามาให้ดู ในนั้นระบุว่า 60 วัน ได้เงินเยียวยา 27 บาท สะท้อนให้เห็นว่า การเยียวยาล่าช้า และการเยียวยาไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ซึ่งถ้าหากรัฐบาลเรียงลำดับให้เป็นแบบนี้ได้ ก็จะผ่อนหนักเป็นเบาได้ ขณะเดียวกันในภาพใหญ่ ต้องการแผนระดับชาติ ในการจัดการด้วยการมองไปข้างหน้าอย่างน้อย 5 ปี

เมื่อถามว่า ถึงกรณีที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่กล้าลงพื้นที่น้ำท่วม เพราะยังไม่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภานั้น นายพิธา ระบุว่า เมื่อวานนี้นางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรีก็ลงพื้นที่แล้ว แต่ก็มองว่า การนำจริยธรรมมาลงโทษ ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ และเห็นได้ชัดว่า รัฐบาลนั้นกังวลเรื่องจริยธรรมล้นเกิน ทำให้เมื่อมาชั่งน้ำหนัก ระหว่างความเดือดร้อนของประชาชน หรือ จะโดนร้อง กลับกังวลว่า จะโดนร้องนั้นสูงกว่า จึงเป็นเรื่องที่น่ากังวล เพราะจะทำให้ภาวะผู้นำเกิดวิกฤตทันที

โดยเมื่อมองเห็นถึงปัญหา อย่างฝ่ายกฎหมาย ซึ่งฝ่ายกฎหมายของพรรคประชาชน ที่นำโดยนายแพทย์วาโย อัศวรุ่งเรือง สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน เตรียมแก้ปัญหาเรื่องการใช้จริยธรรม เป็นเครื่องมือทำลายล้างทางการเมือง ให้หายไปจากประเทศไทย เพื่อให้สามารถหาจุดสมดุล ระหว่างการทำงาน กฎหมาย และจริยธรรมได้ ซึ่งเชื่อว่า ถ้าหากเป็นแบบนี้ก็น่าจะไปต่อได้
 


วิโรจน์ บี้ผู้ว่าแบงก์ชาติ จริงจังแก้ปัญหาแก๊งคอล ถ้าทำได้แค่โพสต์เตือน ก็ควรพิจารณาตัวเอง 
https://www.matichon.co.th/politics/news_4790708

วิโรจน์ บี้ผู้ว่าแบงก์ชาติ จริงจังแก้ปัญหาแก๊งคอล ถ้าทำได้แค่โพสต์เตือน ก็ควรพิจารณาตัวเอง 

เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2567 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้โพสต์ผานเฟซบุ๊ก [ธปท.ไม่เปิดเผยรายงานการประชุม กรช. แล้วประชาชนจะรู้ถึงความคืบหน้าในการแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ได้อย่างไร] โดยระบุว่า
 
ผมได้ทำหนังสือไปยัง ธปท. เพื่อขอรายงานการประชุมคณะกรรมการระบบการชำระเงิน (กรช.) เพื่อติดตามว่า ธปท.
 
1) มีมาตรการในการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างไร มีกำหนดการแล้วเสร็จเมื่อใด
2) มีความตระหนักถึงความทุกข์ร้อนของประชาชนที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกจนหลายคนสิ้นเนื้อประดาตัว ผู้สูงอายุสูญเงินออมที่เก็บมาทั้งชีวิตจนหมดอาลัยตายอยาก ครอบครัวที่ล่มสลายมีหนี้สินล้นพ้นตัว และคนที่ตัดสินใจจบชีวิตฆ่าตัวตาย หรือไม่
3) มีความตระหนักถึงความเร่งด่วนของการแก้ไขปัญหานี้มากเพียงไร
แต่ปรากฏว่า ธปท. อ้างมาตรา 74 ของ พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่ยอมเปิดเผยรายงานการประชุม
ไม่เปิดเผย ก็ไม่เป็นไร แต่การแก้ไขล่าช้า ไม่ใส่ใจในชีวิตของประชาชน นายเศรษฐพุฒิ ในฐานะที่เป็นผู้ว่า ธปท. จะชี้แจง และออกมารับผิดชอบกับประชาชนอย่างไร
 
ถ้านายเศรษฐพุฒิใส่ใจกับความมั่งคั่งของคน ตระหนักถึงความเป็นอยู่ของระดับครัวเรือน เหมือนกับที่ไปปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “ท้องถิ่นที่สากล: อนาคตประเทศไทย Globally Competitive Localism: Future of Thailand” และไม่ลืมคำพูดของตนเอง ที่เคยพูดเอาไว้ว่า “หน้าที่ของคนแบงก์ชาติ “ถูกจ้างมาเพื่อกังวลแทนคนอื่น” วันนี้ในฐานะผู้ว่า ธปท. ก็ควรหันมาใส่ใจกับการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้แล้ว
เร่งออกมาตรการการหน่วงเงิน หรือมาตรการอื่นใดในการเพิ่มระดับความปลอดภัยของระบบการชำระเงินได้แล้ว อย่ามัวแต่เกรงใจบริษัทเอกชนผู้ให้บริการการโอนชำระเงิน
 
เร่งออกมาตรการในการกำหนดความรับผิดของธนาคารพาณิชย์ที่ได้สัดส่วน โดยไม่ปล่อยให้เจ้าของบัญชีรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว
ทั้งสองมาตรการนี้ นายเศรษฐพุฒิ จะทำกี่โมง ช่วยตอบประชาชนด้วย
ก่อนหน้านี้ นายวิโรจน์ ได้โพสต์ว่า [ถ้าผู้ว่า ธปท. สนใจความเป็นอยู่ของคน สนใจเศรษฐกิจในระดับครัวเรือนจริง ท่านต้องใส่ใจที่จะแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์มากกว่านี้ เร็วกว่านี้]
 
การที่นายเศรษฐพุฒิ จะไปปาฐกถาพิเศษ เกี่ยวกับแนวคิด ในเรื่องรายได้ครัวเรือน และการเติบโตของ GDP ในหัวข้อ “ท้องถิ่นที่สากล: อนาคตประเทศไทย Globally Competitive Localism: Future of Thailand” ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นหน้าที่หลักของเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือเลขาสภาพัฒน์ ก็คงไม่มีใครว่า เพราะเป็นสิทธิของนายเศรษฐพุฒิในฐานะนักเศรษฐศาสตร์อยู่แล้ว
แต่นายเศรษฐพุฒิ ควรหันกลับมาทำหน้าที่ของตัวเอง ในฐานะผู้ว่า ธปท. ในการปกป้องบัญชีเงินฝาก และความปลอดภัยของการโอนเงิน ของประชาชน เพื่อให้เงินในบัญชีของประชาชนปลอดภัยจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ด้วย
 
หน้าที่คนอื่น ท่านจะไปพูดเสริม ผมไม่ว่า แต่ท่านต้องไม่ลืมที่จะหันกลับมารับผิดชอบหน้าที่ของตัวเอง
โดยโพสต์แรกของเรื่องนี้ นายวิโรจน์ระบุหัวข้อเรื่องว่า [ทั้งๆ ที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์แอบอ้างไปหลอกดูดเงินประชาชน แต่นายเศรษฐพุฒิ ผู้ว่า ธปท. ทำได้แค่โพสต์ Facebook เตือนประชาชน เท่านี้หรือครับ

และแล้วก็มาถึงยุคที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ตกต่ำที่สุด ตกต่ำชนาดที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ กล้าที่จะแอบอ้างแบงก์ชาติ มาหลอกให้ประชาชนโอนเงิน ในขณะที่นายเศรษฐพุฒิ ผู้ว่า ธปท. ทำได้แค่สั่งการให้ ธปท. โพสต์ Facebook เตือนประชาชน เท่านั้น
ต้องตั้งคำถามกับนายเศรษฐพุฒิว่า ในฐานะที่เป็นประธานคณะกรรมการระบบการชำระเงิน (กรช.) และประธานคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน (กนส.) ที่ต้องทำหน้าที่ Regulator
 
1. เมื่อไหร่ ธปท. จะออกประกาศมาตรการหน่วงการโอนเงิน เพื่อลดความสูญเสียของเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทั้งๆ ที่คุณก็รู้ดีว่า เหยื่อจำนวนมากมักจะรู้ตัวทันทีเมื่อถูกหลอก แต่ด้วยระบบการโอนเงินที่เป็นแบบ Real Time จึงทำให้แก้ไขอะไรไม่ได้ การหน่วงการโอนเงินเป็นระยะเวลาสั้นๆ โดยมีระยะเวลาหน่วง ขึ้นอยู่กับมูลค่ายอดเงินโอน (โดยคำนึงให้ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการทำธุรกรรมการค้าการขายของประชาชน) จึงเป็นมาตรการที่มีประสิทธิผลอย่างมาก ในการช่วยเหลือเหยื่อได้อย่างทันท่วงที ทำไม ธปท. จึงไม่ยอมเร่งออกมาตรการดังกล่าวนี้ หรือมาตรการอื่นที่มีวัตถุประสงค์เดียวกัน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการชำระเงินของประชาชน หรือว่าเกรงใจบริษัทเอกชนที่ทำธุรกิจการโอนชำระเงินระหว่างธนาคาร

2. เมื่อไหร่ ธปท. จะกำหนดความรับผิดชอบของ ธ.พาณิชย์ เพื่อปกป้องบัญชีเงินฝากของประชาชน ทั้งๆ ที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาที่ 6233/2564 คำพิพากษาในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ผบ 468/2566 (แม้จะเป็นกรณีบัตรเครดิต แต่ก็สามารถนำมาเทียบเคียงได้) เป็นบรรทัดฐานแล้ว และนายเศรษฐพุฒิก็ทราบดีว่า ประเทศที่ตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คือประเทศที่ธนาคารพาณิชย์มีระดับความรับผิดชอบที่ต่ำ ประชาชน ได้รับการชดเชยเยียวยาในระดับที่น้อยกว่าที่ควรจะเป็น เพราะถ้าธนาคารพาณิชย์ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร ก็จะไม่มีแรงจูงใจในการปรับปรุงระบบ Security ในการปกป้องบัญชีของประชาชน
 
ถ้าถึงขั้นที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ตกต่ำขนาดที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เอาไปแอบอ้างหลอกเงินประชาชน แล้วนายเศรษฐพุฒิยังไม่รู้สึกรู้สาอะไร ทำได้แค่โพสต์ Facebook เตือนประชาชน นายเศรษฐพุฒิก็ควรพิจารณาตัวเองได้แล้ว
 
https://www.facebook.com/photo?fbid=1023177599598794&set=a.424755022774391 
 


เพจดังวอนช่วย ‘ชาวแม่ยาว’ เชียงราย อีกพื้นที่ถูกลืม 3,000 ชีวิตรอการช่วยเหลือ
https://t.dailynews.co.th/news/3862775/
 
วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยที "เพจดัง" แห่ห่วง "แม่ยาว" เชียงราย เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่ถูกลืม มี 3,000 ชีวิต รอการช่วยเหลืออยู่ ทั้งถูกตัดไฟฟ้า-ไร้สัญญาณ

เรียกได้ว่าสถานการณ์น้ำในจังหวัดเชียงรายตอนนี้ ถือว่าเข้าขั้นวิกฤติภัยพิบัติรุนแรงเลยก็ว่าได้ ทั้งฝนตกหนักมีลมพายุกระโชกแรง รวมถึงมีมวลน้ำป่าหลากในหลายพื้นที่ แม้ว่าทางหน่วยงานรัฐและทีมอาสาสมัครต่างลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้านผู้ประสบภัย แต่ก็ไม่เพียงพอตามที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้

ล่าสุดเพจเฟซบุ๊ก  ออกมาโพสต์เล่าถึงสถานการณ์ในเชียงรายเพิ่มเติมว่า

แม่ยาว คือพื้นที่ที่ถูกลืม ไม่มีหน่วยงานใดทางบกเข้าช่วยเหลือ นอกจากเทศบาล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และมีแต่ชาวบ้านช่วยกันเอง ตามอัตภาพที่มี และมี 3,000 ชีวิต ที่รอความช่วยเหลือนะคะ

ท่านผู้ว่าฯ แบ่งทีมจากทางแม่สายมาบ้าง ไม่มีข่าวไม่ใช่ว่าไม่ลำบาก แต่เพราะเขาถูกตัดขาดทุกช่องทางตั้งแต่วันที่ 10 แล้ว ไฟฟ้า สัญญาณใด ๆ ไม่มีทั้งสิ้น ถัดบ้านกะเหรี่ยงรวมมิตรไป ที่ถูดตัดขาด 100% ยังมีบ้านแควงัวดำ บ้านโป่งผำ บ้านผาขวาง บ้านผามูบ พนาสวรรค์ ฯลฯ

ช่วยเข้ามาดูดำดูดีหน่อย นี่เข้าวันที่ 4 แล้วนะคะ กู้ภัยก็ไม่มี ใครก็ไม่มา ใครจะมาก็บอกยังไม่ได้ถูกสั่ง อยากมาก็มาไม่ได้เพราะติดเรื่องคำสั่งเดี๋ยวผิดวินัยอีก ทั้งๆ ที่พี่ทหารเขาอยากช่วย ต้องรอประชุมต้องรอประเมิน เห้อ พวกเราจะตายก่อนมั้ย หรือเราคือพวกตกสำรวจ

https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid02rWn3awvjva88WFYzxqSiKgHXC1jYDeyc2vqUzf5KkoV5SLfsQUFyEvuxRMCEiMasl&id=100068788754031
 


เลย เตรียมรับมวลน้ำจากเหนือ-ลาว โขงเอ่อล้นตลิ่งท่วมศุลกากรเชียงคาน ต้องปิดด่านชั่วคราว
https://www.matichon.co.th/region/news_4791002

เลย เตรียมรับมวลน้ำจากเหนือ-ลาว โขงเอ่อล้นตลิ่งท่วมศุลกากรเชียงคาน ต้องปิดด่านชั่วคราว
 
เมื่อวันที่ 14 กันยายน สถานการณ์น้ำโขงในจังหวัดเลย ช่วงเวลา 07.00 น. จากสถานีวัดระดับน้ำแม่น้ำโขง ต.เชียงคาน อ.เชียงคาน จ.เลย ระดับน้ำโขงอยู่ที่ 16.32 ม. ในขณะเวลา 11.00 น. ระน้ำโขงได้ขึ้นเพิ่ม 16.35 เมตร ซึ่งเกินจุดวิกฤตระดับ 16 เมตร เกินกว่าระดับวิกฤต 0.35 เมตร หลังจากนายชัยพจน์ จรูญพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยได้คาดการณ์ว่าในช่วงของวันที่ 15-17 ก.ย. ซึ่งน้ำโขงในเขตเชียงคาน ปากชม จะเป็นจุดพีคสูงสุด แต่จะไม่เกิน 17.50 ม. เนื่องจากน้ำโขงที่ไหลมาจากภาคเหนือของประเทศไทย และ สปป.ลาว หลวงพระบาง และไหลผ่านเข้าน้ำโขงเขตอีสานเป็นด่านแรก ที่ อ.เชียงคาน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่