ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (12 ก.ย.) หลังจากการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อล่าสุดของสหรัฐฯ เป็นปัจจัยสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 41,096.77 จุด เพิ่มขึ้น 235.06 จุด หรือ +0.58%,
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,595.76 จุด เพิ่มขึ้น 41.63 จุด หรือ +0.75% และ
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,569.68 จุด เพิ่มขึ้น 174.15 จุด หรือ +1.00%
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบเป็นรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1% ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน (Core PPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบเป็นรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2%
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 2,000 ราย สู่ระดับ 230,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์
ปีเตอร์ ทูซ ประธานบริษัท Chase Investment Counsel ในรัฐเวอร์จิเนียกล่าวว่า ข้อมูลในสัปดาห์นี้ยืนยันว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะไม่เผชิญภาวะฮาร์ดแลนดิ้ง แต่กำลังอยู่ในทิศทางซอฟต์แลนดิ้ง ตราบใดที่นักลงทุนมั่นใจว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย นักลงทุนก็ยังคงมองเห็นโอกาสที่จะเข้าลงทุนในตลาดหุ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นในกลุ่มที่มีการเติบโตสูง
ก่อนหน้านี้นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากถึง 0.50% หลังสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจและแรงงานที่อ่อนแอในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ความคาดหวังดังกล่าวลดน้อยลงหลังจากสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่สูงกว่าคาดเมื่อวันพุธ
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 73% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. และให้น้ำหนัก 27% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในวันดังกล่าว
หุ้นทั้ง 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารพุ่งขึ้น 2.01% ตามด้วยดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยพุ่งขึ้น 1.15%
หุ้นบริษัทเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูงได้รับแรงซื้ออย่างต่อเนื่อง โดยหุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 1.9% หุ้น Microsoft บวก 1% ขณะที่หุ้น Alphabet และหุ้น Meta Platforms ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 2%
หุ้น Moderna ซึ่งเป็นบริษัทผลิตวัคซีนรายใหญ่ ร่วงลง 12.4% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่ายอดขายในปีหน้าจะอยู่ที่ 2.5 – 3.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ก.ย. 67)
ดาวโจนส์ปิดบวก 235.06 จุด คาดเฟดหั่นดบ.สัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 41,096.77 จุด เพิ่มขึ้น 235.06 จุด หรือ +0.58%,
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,595.76 จุด เพิ่มขึ้น 41.63 จุด หรือ +0.75% และ
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,569.68 จุด เพิ่มขึ้น 174.15 จุด หรือ +1.00%
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบเป็นรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1% ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน (Core PPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบเป็นรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2%
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 2,000 ราย สู่ระดับ 230,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์
ปีเตอร์ ทูซ ประธานบริษัท Chase Investment Counsel ในรัฐเวอร์จิเนียกล่าวว่า ข้อมูลในสัปดาห์นี้ยืนยันว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะไม่เผชิญภาวะฮาร์ดแลนดิ้ง แต่กำลังอยู่ในทิศทางซอฟต์แลนดิ้ง ตราบใดที่นักลงทุนมั่นใจว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย นักลงทุนก็ยังคงมองเห็นโอกาสที่จะเข้าลงทุนในตลาดหุ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นในกลุ่มที่มีการเติบโตสูง
ก่อนหน้านี้นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากถึง 0.50% หลังสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจและแรงงานที่อ่อนแอในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ความคาดหวังดังกล่าวลดน้อยลงหลังจากสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่สูงกว่าคาดเมื่อวันพุธ
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 73% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. และให้น้ำหนัก 27% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในวันดังกล่าว
หุ้นทั้ง 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารพุ่งขึ้น 2.01% ตามด้วยดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยพุ่งขึ้น 1.15%
หุ้นบริษัทเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูงได้รับแรงซื้ออย่างต่อเนื่อง โดยหุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 1.9% หุ้น Microsoft บวก 1% ขณะที่หุ้น Alphabet และหุ้น Meta Platforms ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 2%
หุ้น Moderna ซึ่งเป็นบริษัทผลิตวัคซีนรายใหญ่ ร่วงลง 12.4% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่ายอดขายในปีหน้าจะอยู่ที่ 2.5 – 3.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ก.ย. 67)