ผมได้นั่งคิดมานานมากนานหลายวันหลายเดือนว่าคนอย่างผมทำไมไม่มีโอกาสแบบคนอื่นบ้างผมนั้นได้แต่เฝ้ามองเพื่อนๆของผมได้รับโอกาสต่างๆในการเปลี่ยนเส้นทางชีวิตมีคนได้เป็นคนดังนายแบบบ้าง นักเต้นบ้าง
การแสดงบ้าง นักดนตรีบ้าง แข่งขันบ้าง ผมเลยกลับมาคิดกับตัวเอง ผมก็เป็นหนึ่งคนที่ทำได้หลายอย่าง เช่น วาดรูป ดนตรี คอมพิวเตอร์ การเรียน ภาษา มีความรู้ด้านต่างๆ ยิบย่อย แต่ว่า ความหลายอย่างของผม มัน ไม่สุดสักอย่าง ดนตรี ปานกลาง วาดรูป โอเค ภาษาก็รู้เรื่อง แต่ไม่สุดสักอย่าง ผมมักไม่ค่อยยินดี กับคนอื่นมากนักเวลาคนนั้นประสบความสำเร็จหากว่าความสำเร็จนั้นตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
.ผมนั้นมีเพื่อนa เพื่อนคนนี้ เป็นคนร่างเริงตลอดเวลาชอบพูดคุยกับคนในโรงเรียน เรามีวงดนตรีด้วยกัน 5 เล่นกีต้าเก่ง วันหนึ่งเขาได้รับเชิญจากครูให้ไปพบ หัวหน้าวงดนตรีหนึ่งที่ดูคลิป สัมภาษณ์ ของเพื่อนa ด้วยความที่เขานั้นไม่ค่อยได้ไปไหนเพราะเขานั้นไม่ค่อยเปิดโลก เขาจึงนำเพื่อนbอีกคนไปด้วย
ซึ่งผมนั้นก็ได้อยู่กับเพื่อนb ซึ่งเพื่อนbนั่งรอครูอยู่เพราะรอเพื่อนa จะไปสถานที่พร้อมกัน ซึ่งผม รู้สึกเหมือนโดนทิ้งเพราะ วงดนตรีที่นัดซ้อมกันก็ไม่ได้ซ้อมเพราะ เพื่อนaมีนัดกับครูที่จะสถานที่นั้น พอผมเดินออกจากโรงเรียนด้วยสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์ เพื่อนๆทั้งสองก็ได้เรียกผมจากถนนฝั่งตรงข้าม พร้อมกับเรียกผมให้มาด้วยกัน ผมที่ลังเล ด้วยความที่อยากลองดูประสบการณ์ จึงได้ตามไปด้วย หลังจากวันนั้น เพื่อนของผมก็ได้ไปสถานที่นั้นทุกวัน พร้อมทั้งจะให้ผมเป็นมือเบสให้กับวง แต่ด้วยความไม่มั่นใจในฝีมือของผมที่อยู่ในช่วงจุดต่ำชีวิต เพราะ ความสามารถทั้งหมดที่มี ไม่มีความหมายอะไรเลย
....
ความสามารถทั้งหมดของผม ที่ได้กล่าวมาผมทำไปเพื่ออะไร ในเมื่อไม่มีใครหันมามองหรือชื่นชมปรบมือให้
ถึงแม้เพื่อนคนอื่นๆจะชื่นชมบางครั้งบางคราวในความสามารถของผม ผมนั้นเข้าใจผิดว่าการหาโอกาสมาจากการเปิดอกขอร้องคนที่มีอิทธิพลและสามารถนำพาผมไปหาความฝันได้
ซึ่งเพื่อนผมเหล่านี้นี่แหละที่ทำให้ผมดิ้นรนด้วยเองและพัฒนาความสามารถตัวเองต่อไปโดยตัวคนเดียว
(ขอบคุณครับ บางที ถ้าผมอาจมีความคิดผิดแปลกไปจากคนทั่วไปก็ขอโทษด้วยนะครับ)
ผมเห็นเพื่อนได้โอกาสจนผมรู้สึกแย่
การแสดงบ้าง นักดนตรีบ้าง แข่งขันบ้าง ผมเลยกลับมาคิดกับตัวเอง ผมก็เป็นหนึ่งคนที่ทำได้หลายอย่าง เช่น วาดรูป ดนตรี คอมพิวเตอร์ การเรียน ภาษา มีความรู้ด้านต่างๆ ยิบย่อย แต่ว่า ความหลายอย่างของผม มัน ไม่สุดสักอย่าง ดนตรี ปานกลาง วาดรูป โอเค ภาษาก็รู้เรื่อง แต่ไม่สุดสักอย่าง ผมมักไม่ค่อยยินดี กับคนอื่นมากนักเวลาคนนั้นประสบความสำเร็จหากว่าความสำเร็จนั้นตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
.ผมนั้นมีเพื่อนa เพื่อนคนนี้ เป็นคนร่างเริงตลอดเวลาชอบพูดคุยกับคนในโรงเรียน เรามีวงดนตรีด้วยกัน 5 เล่นกีต้าเก่ง วันหนึ่งเขาได้รับเชิญจากครูให้ไปพบ หัวหน้าวงดนตรีหนึ่งที่ดูคลิป สัมภาษณ์ ของเพื่อนa ด้วยความที่เขานั้นไม่ค่อยได้ไปไหนเพราะเขานั้นไม่ค่อยเปิดโลก เขาจึงนำเพื่อนbอีกคนไปด้วย
ซึ่งผมนั้นก็ได้อยู่กับเพื่อนb ซึ่งเพื่อนbนั่งรอครูอยู่เพราะรอเพื่อนa จะไปสถานที่พร้อมกัน ซึ่งผม รู้สึกเหมือนโดนทิ้งเพราะ วงดนตรีที่นัดซ้อมกันก็ไม่ได้ซ้อมเพราะ เพื่อนaมีนัดกับครูที่จะสถานที่นั้น พอผมเดินออกจากโรงเรียนด้วยสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์ เพื่อนๆทั้งสองก็ได้เรียกผมจากถนนฝั่งตรงข้าม พร้อมกับเรียกผมให้มาด้วยกัน ผมที่ลังเล ด้วยความที่อยากลองดูประสบการณ์ จึงได้ตามไปด้วย หลังจากวันนั้น เพื่อนของผมก็ได้ไปสถานที่นั้นทุกวัน พร้อมทั้งจะให้ผมเป็นมือเบสให้กับวง แต่ด้วยความไม่มั่นใจในฝีมือของผมที่อยู่ในช่วงจุดต่ำชีวิต เพราะ ความสามารถทั้งหมดที่มี ไม่มีความหมายอะไรเลย
....
ความสามารถทั้งหมดของผม ที่ได้กล่าวมาผมทำไปเพื่ออะไร ในเมื่อไม่มีใครหันมามองหรือชื่นชมปรบมือให้
ถึงแม้เพื่อนคนอื่นๆจะชื่นชมบางครั้งบางคราวในความสามารถของผม ผมนั้นเข้าใจผิดว่าการหาโอกาสมาจากการเปิดอกขอร้องคนที่มีอิทธิพลและสามารถนำพาผมไปหาความฝันได้
ซึ่งเพื่อนผมเหล่านี้นี่แหละที่ทำให้ผมดิ้นรนด้วยเองและพัฒนาความสามารถตัวเองต่อไปโดยตัวคนเดียว
(ขอบคุณครับ บางที ถ้าผมอาจมีความคิดผิดแปลกไปจากคนทั่วไปก็ขอโทษด้วยนะครับ)