วันนี้ผมอยากจะมาแชร์เรื่องที่เป็นบทเรียน และไม่เคยอยากให้เกิดขึ้นเลย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม มันทำให้ผมต้องรู้สึกเศร้า และโดดเดี่ยวและเสียใจที่สุดไปตลอดกาล และอยากจะปรึกษาเพื่อนว่ามีการจัดการกับความรู้สึกนี้อย่างไร ซึ่งมันค่อนข้างที่จะยากมากๆสำหรับผม ถึงได้ต้องมาตั้งกระทู้นี้ ทั้งๆที่ไม่เคยทำมาก่อน แต่มันหนักมากจนไม่รู้จะทำอย่างไร รู้สึกว่าไม่มีที่พึ่งทางใจเลย
เรื่องมันเกิดเมื่อคืนนี้เลย ผมได้ไปดื่มมาซึ่ง ก่อนออกจากบ้าน แม่ได้เตือนในเรื่องการขับรถให้ระมัดระวังให้มาก ซึ่งผมพึ่งลาออกจากงานกลับมาอยู่บ้าน ปกติทำงานอยู่กรุงเทพ ไปดื่ม ก็ไม่ได้มีรถส่วนตัว ก็ไปรถสาธารณะ แต่ประสบการณ์การขับรถ ของผมก็ไม่ได้น่าเป็นห่วง แต่เราก็ต้องระมัดระวังที่แม่เตือนมา
ซึ่งหลังจากออกจากบ้านจะไปดื่ม ขับออกมาได้สักพัก ยังไม่พ้นหมู่บ้าน ผมก็รู้สึกแปลกๆล่ะ ว่าวันนี้เราต้องระวังเป็นพิเศษ รู้สึกไม่ค่อยดี แม้แต่ตัวผมเองก็ยังรู้สึกเป็นห่วงตัวเองนิดๆ แต่ผมก็มั่นใจ คิดว่าวันนี้เอาอยู่ เพราะผมเป็นคนกินแล้วรู้ลิมิต พอถึงร้านนั่งดื่มไผเรื่อยๆ จนเรารู้สึกตัวว่าเฮ้ยตอนนี้พอได้แล้ว ผมก็กลับ และแน่นอนว่าผมรู้สึกตัวมีสติแบบเต็มร้อย แต่ระวังขับกลับบ้าน ตอนขับออกมากจากร้าน ผมรู่ตัวละว่าวันนี่ต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะรู้สึกง่วงนิดๆ ผมก็พยายามเตือนสติตัวเองตลอดทาง จนขับมาจนจะข้าหมู่บ้าน ใกล้จะถึงบ้านผมล่ะ ผมกับรู้สึกตัวเองอีกทีตอนรถกำลังจะหลุดออกข้างทาง แล้วสติเริ่มกลับมา เหมือนรู้สึกว่ากำลังเหยียบคันเร่ง ก็รีบเหยียบเบรคแล้วหักออกด้านขวา ปรากฏว่า รถตอนหลุดลงข้างถนน ชนรั่วบ้านฝั่งซ้าย แล้วพุงมาชนกำแพงบ้านฝั่งขวาอีกที คนแถวนั้นออกมาดูกันเต็มว่าเกิดอะไรขึ้น จังหวะนั้น ผมลงรถมา ไม่ได่ช็อคหรือเสียขวัญแต่อย่างใด ลงออกมาดูหน้ารถ ประเมินความเสียหาย หน้ารถบุบไปเกือบครึ่งนึ่งของฝากระโปรง ซึ่งเอาจริงๆแล้ว ความเสียหายรู้สึกว่ายังไม่หนักมาก ยังไม่ถึงขั้นกระจกแตก มาถึงขั้นคนขับด้านใน เสียหายแค่ด้านหน้าแแล้วล้อด้านข้าง ซึ่งอย่างที่ผมบอก ผมรู้ตัวเองว่ากำลังทำอะไรอยู่ แต่อาจจะด้วยความประมาณ ที่ตัวเองเผลอวูบไปชั่วขณะนึง จังหวะนั้นผม รู้สึกเสียใจกับตัวเองมากๆ รู้เลยว่าเรื่องนี้จะเป็นทุกข์ต่อความรู้สึกไปอีกนานและยากที่จะจัดการกับความรู้สึกนี้ ผมรีบโทรหาพ่อกับแม่ เพราะรู้สึกผิดต่อท่านมาก และเสียใจมากๆที่ต้องทำให้ท่านเป็นห่วง ตอนนี้ผม อายุ 23 เรียนจบมหาลัยและทำงานได้ 2 ปี เรารู้สึกว่าไม่มีอะไรที่ต้องให้พ่อกับแม่เป็นห่วง ที่ผ่านต้องค่อยให้พ่อแม่ลำบากเลี้ยงดูมาตลอด มาตอนนี้ ค่าเทอม พ่อแม่ก็ไม่ต้องลำบากหาให้แล้ว เงินก็หาใช้เองได้แล้ว พ่อแม่ก็อยู่อย่างสบายใยไม่ต้องกังวลหรือลำบากลำบนหาเงินเพื่อเราแล้ว มันก็เลยทำให้ผมต้องรู้สึกเสียใจและทนทุกข์มากๆ เพราะรู้สึกตัวเองเหมือนมาเป็นตัวปัญหาให้พ่อกับแม่อีกแล้ว ทั้งในเรื่องความทักข์ใจและเรื่องมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้น มันทำให้ผมไม่อยากจดจำเรื่องราวในวันนี้ เป็นเรื่องเดียวนะตอนนี้ที่ทุกข์ใจผมที่สุดตั้งแต่เกิดมา ผมเลยไม่รู้จะรับมืออย่างไร รู้สึกโดดเดี่ยว ไม่อยากอยู่ ไม่อยากทำอะไรทั้งสิ้น ไม่มีความคิดไหนที่จะทำให้ผมรู้สึกว่าต้องก้าวข้ามมันผ่านไป เลยอยากจะมาแชร์ มาปรึกษาเพื่อนๆ ว่าผมควรทำอย่างไร ปล. แต่เอาจริงๆ ผมรู้ตัวว่าสุดท้าย ไม่ว่าจะหาวิธีอย่างไร ก็ไม่สามารถทำให้ผมรู้สึกมีกำลังใจที่จะก้าวข้ามมันไป มันต้องใช้เวลา และแน่นอนว่าผมก็ต้องทนทุกข์กับการที่ให้เวลาผ่านไป แต่อย่างที่ผมบอกว่า ผมไม่มีที่พึ่ฃทางใจเลย และไม่รู้จะตัดการอย่างไร เหมือนตัวเองเดินอยู่ในความมืด เลยมาตั้งกระทู้ระบายความในใจ เผื่อเพื่อนๆคนไหน ผ่านเข้ามาอ่าน อย่างทิ้งข้อความ หรือกำลังใจไว้ ผมก็ขอบคุณมากๆ ที่ทำให้ผมรู้สึกว่าไม่ได้ตัวคนเดียว
ทุกคนข้ามผ่านความผิดพลาดหรือเรื่องที่เสียใจที่ไม่อยากให้เกิดที่สุดในชีวิตอย่างไร
เรื่องมันเกิดเมื่อคืนนี้เลย ผมได้ไปดื่มมาซึ่ง ก่อนออกจากบ้าน แม่ได้เตือนในเรื่องการขับรถให้ระมัดระวังให้มาก ซึ่งผมพึ่งลาออกจากงานกลับมาอยู่บ้าน ปกติทำงานอยู่กรุงเทพ ไปดื่ม ก็ไม่ได้มีรถส่วนตัว ก็ไปรถสาธารณะ แต่ประสบการณ์การขับรถ ของผมก็ไม่ได้น่าเป็นห่วง แต่เราก็ต้องระมัดระวังที่แม่เตือนมา
ซึ่งหลังจากออกจากบ้านจะไปดื่ม ขับออกมาได้สักพัก ยังไม่พ้นหมู่บ้าน ผมก็รู้สึกแปลกๆล่ะ ว่าวันนี้เราต้องระวังเป็นพิเศษ รู้สึกไม่ค่อยดี แม้แต่ตัวผมเองก็ยังรู้สึกเป็นห่วงตัวเองนิดๆ แต่ผมก็มั่นใจ คิดว่าวันนี้เอาอยู่ เพราะผมเป็นคนกินแล้วรู้ลิมิต พอถึงร้านนั่งดื่มไผเรื่อยๆ จนเรารู้สึกตัวว่าเฮ้ยตอนนี้พอได้แล้ว ผมก็กลับ และแน่นอนว่าผมรู้สึกตัวมีสติแบบเต็มร้อย แต่ระวังขับกลับบ้าน ตอนขับออกมากจากร้าน ผมรู่ตัวละว่าวันนี่ต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะรู้สึกง่วงนิดๆ ผมก็พยายามเตือนสติตัวเองตลอดทาง จนขับมาจนจะข้าหมู่บ้าน ใกล้จะถึงบ้านผมล่ะ ผมกับรู้สึกตัวเองอีกทีตอนรถกำลังจะหลุดออกข้างทาง แล้วสติเริ่มกลับมา เหมือนรู้สึกว่ากำลังเหยียบคันเร่ง ก็รีบเหยียบเบรคแล้วหักออกด้านขวา ปรากฏว่า รถตอนหลุดลงข้างถนน ชนรั่วบ้านฝั่งซ้าย แล้วพุงมาชนกำแพงบ้านฝั่งขวาอีกที คนแถวนั้นออกมาดูกันเต็มว่าเกิดอะไรขึ้น จังหวะนั้น ผมลงรถมา ไม่ได่ช็อคหรือเสียขวัญแต่อย่างใด ลงออกมาดูหน้ารถ ประเมินความเสียหาย หน้ารถบุบไปเกือบครึ่งนึ่งของฝากระโปรง ซึ่งเอาจริงๆแล้ว ความเสียหายรู้สึกว่ายังไม่หนักมาก ยังไม่ถึงขั้นกระจกแตก มาถึงขั้นคนขับด้านใน เสียหายแค่ด้านหน้าแแล้วล้อด้านข้าง ซึ่งอย่างที่ผมบอก ผมรู้ตัวเองว่ากำลังทำอะไรอยู่ แต่อาจจะด้วยความประมาณ ที่ตัวเองเผลอวูบไปชั่วขณะนึง จังหวะนั้นผม รู้สึกเสียใจกับตัวเองมากๆ รู้เลยว่าเรื่องนี้จะเป็นทุกข์ต่อความรู้สึกไปอีกนานและยากที่จะจัดการกับความรู้สึกนี้ ผมรีบโทรหาพ่อกับแม่ เพราะรู้สึกผิดต่อท่านมาก และเสียใจมากๆที่ต้องทำให้ท่านเป็นห่วง ตอนนี้ผม อายุ 23 เรียนจบมหาลัยและทำงานได้ 2 ปี เรารู้สึกว่าไม่มีอะไรที่ต้องให้พ่อกับแม่เป็นห่วง ที่ผ่านต้องค่อยให้พ่อแม่ลำบากเลี้ยงดูมาตลอด มาตอนนี้ ค่าเทอม พ่อแม่ก็ไม่ต้องลำบากหาให้แล้ว เงินก็หาใช้เองได้แล้ว พ่อแม่ก็อยู่อย่างสบายใยไม่ต้องกังวลหรือลำบากลำบนหาเงินเพื่อเราแล้ว มันก็เลยทำให้ผมต้องรู้สึกเสียใจและทนทุกข์มากๆ เพราะรู้สึกตัวเองเหมือนมาเป็นตัวปัญหาให้พ่อกับแม่อีกแล้ว ทั้งในเรื่องความทักข์ใจและเรื่องมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้น มันทำให้ผมไม่อยากจดจำเรื่องราวในวันนี้ เป็นเรื่องเดียวนะตอนนี้ที่ทุกข์ใจผมที่สุดตั้งแต่เกิดมา ผมเลยไม่รู้จะรับมืออย่างไร รู้สึกโดดเดี่ยว ไม่อยากอยู่ ไม่อยากทำอะไรทั้งสิ้น ไม่มีความคิดไหนที่จะทำให้ผมรู้สึกว่าต้องก้าวข้ามมันผ่านไป เลยอยากจะมาแชร์ มาปรึกษาเพื่อนๆ ว่าผมควรทำอย่างไร ปล. แต่เอาจริงๆ ผมรู้ตัวว่าสุดท้าย ไม่ว่าจะหาวิธีอย่างไร ก็ไม่สามารถทำให้ผมรู้สึกมีกำลังใจที่จะก้าวข้ามมันไป มันต้องใช้เวลา และแน่นอนว่าผมก็ต้องทนทุกข์กับการที่ให้เวลาผ่านไป แต่อย่างที่ผมบอกว่า ผมไม่มีที่พึ่ฃทางใจเลย และไม่รู้จะตัดการอย่างไร เหมือนตัวเองเดินอยู่ในความมืด เลยมาตั้งกระทู้ระบายความในใจ เผื่อเพื่อนๆคนไหน ผ่านเข้ามาอ่าน อย่างทิ้งข้อความ หรือกำลังใจไว้ ผมก็ขอบคุณมากๆ ที่ทำให้ผมรู้สึกว่าไม่ได้ตัวคนเดียว