(
https://ppantip.com/topic/42947224 บทที่ 1 คนทรยศ)
กระทั่งออกจากห้องเรียนวิชาสุดท้ายในภาคบ่าย ขวัญชีวี นัดดา จึงได้รู้ว่า แม่ขวัญมีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งตกลงไปในแม่น้ำปิง ซึ่งเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตสองคน เธอได้ลิงค์ข่าวจาก ยัยแพ็ท เพื่อนร่วมคณะที่ส่งมาทิ้งไว้ให้ทางไลน์ ทั้งยังเขียนข้อความบอกไว้ว่า “ผู้ต้องสงสัยใช้นามสกุลเดียวกับเธอ” เพื่อกระตุ้นให้เธอเปิดอ่าน
เธอทั้งตกใจและสงสัยระคนกันหลังได้อ่านรวบรัด ค้นหาเรื่องเดียวกันจากสื่อมวลชนอีกหลายสำนักพบว่า ทุกแหล่งลงเนื้อหาตรงกัน โดยอุบัติเหตุเกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา ข่าวระบุรายชื่อผู้เสียชีวิตและเบลอร์รูปใบหน้าของทั้งสองคน ทว่ากลับลงรูปหน้าตรงพร้อมชื่อนามสกุลของแม่ขวัญตามทะเบียนราษฎร์อย่างชัดเจนอยู่คนเดียว ไม่มีใครคิดจะเบลอร์หน้าแม่เลยด้วยซ้ำ....เหตุเกิดในเขตตำบลแสนรัก อำเภอแม่รัก จังหวัดเชียงใหม่....คนที่หนึ่งเสียชีวิตอยู่บนที่นั่งคนขับ เข็มขัดนิรภัยยังคาดอยู่ที่หน้าอก คนที่สองเสียชีวิตอยู่บนเบาะผู้โดยสารด้านหลังฝั่งซ้าย มีสายเข็มขัดนิรภัยรัดอยู่รอบคอ....พบปืนพกกึ่งอัตโนมัติขนาด 9 มม.กับปลอกกระสุน 2 ปลอกตกอยู่ภายในรถที่เกิดเหตุซึ่งขณะนี้กำลังรอผลการตรวจสอบจากกองพิสูจน์หลักฐานว่าปืนของกลางกระบอกนี้จดทะเบียนในชื่อใคร....การชันสูตรพลิกศพโดยแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป พบบาดแผลจากกระสุนปืนบนร่างกายของผู้เสียชีวิตทั้งสองคน คนที่หนึ่งพบบาดแผลกระสุนปืนเข้าบนแผ่นหลังด้านซ้าย แต่ไม่พบบาดแผลทะลุออก ส่วนคนที่สองพบบาดแผลกระสุนปืนเข้าด้านหน้าต้นขาขวาและบาดแผลทะลุออกต้นขาด้านหลังข้างเดียวกัน แต่ทั้งนี้ยังไม่สามารถระบุสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัดได้ จึงยังต้องส่งทั้งสองศพไปทำการผ่าพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อยืนยันสาเหตุการเสียชีวิตที่ถูกต้องต่อไป....ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรแม่รักให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้นางสาวขวัญฤทัย นัดดา คือ “ผู้ต้องสงสัย” ที่กำลังหลบหนี หรือ “เป็นผู้สูญหาย” ในแม่น้ำ ตำรวจยังไม่ได้ตั้งข้อกล่าวหากับใคร เพราะต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วนก่อนและจะให้ความยุติธรรมต่อทุกฝ่าย ตำรวจมีภาพจากกล้องวงจรปิดที่สามารถยืนยันได้ว่านางสาวขวัญฤทัยนั่งรถไปกับผู้เสียชีวิตทั้งสองในช่วงค่ำของวันที่เกิดอุบัติเหตุ แต่ก็ยังระบุไม่ได้ว่าผู้ต้องสงสัยออกจากรถก่อนหรือหลังเกิดอุบัติเหตุรถตกลงไปในน้ำ ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ว่า ผู้ต้องสงสัยอาจจะยังมีชีวิตอยู่ หรือ เสียชีวิตแล้วจากการจมน้ำ เจ้าหน้าที่กำลังค้นหาตัวผู้ต้องสงสัยทั้งบนบกและในน้ำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผ่านมาแล้วเกือบ 20 ชั่วโมงก็ยังไม่พบตัวหรือร่างไร้ชีวิตของผู้ต้องสงสัยแต่อย่างใด ตำรวจตั้งข้อสันนิษฐานว่า คนบนรถอาจมีปากเสียงทะเลาะวิวาทกันจนนำมาซึ่งเหตุการณ์ใช้อาวุธปืนยิงกันภายในรถจนทำให้เกิดอุบัติเหตุรถพุ่งตกลงไปในน้ำในที่สุด โดยตำรวจมุ่งประเด็นไปที่ความหึงหวงในปมชู้สาวหรือขัดแย้งผลประโยชน์กัน.....
“ล้อกันเล่นหรือเปล่าเนี่ย” ขวัญชีวีพูดกับตัวเอง ไม่อยากจะเชื่อข่าวที่ได้อ่าน
เธอรู้สึกว่ามันแปลกๆ พิกล เมื่อคืนแม่ส่งรูปถ่ายตัวเองในชุดกี่เพ้าสีแดงมาพร้อมข้อความบอกว่าจะไปงานเลี้ยง เธอเขียนตอบไปว่า “สวยเริ่ดค่า” แต่ผ่านไปอีกเกือบชั่วโมง แม่กลับส่งมาบอก “ขอโทษ” เธอถามแบบติดตลกว่า “เรื่องอารายค๊า?” แม่ยังไม่ได้อ่าน ซึ่งเธอก็เข้าใจได้ว่าแม่คงกำลังยุ่งอยู่ในงานเลี้ยงจนไม่มีเวลาตอบข้อความลูก เมื่อเช้า คำถามของเธอก็ยังไม่ถูกอ่าน เธอจึงเขียนส่งไปถามแม่อีกหลายข้อความ ก็ยังคงไร้การอ่านหรือตอบกลับเช่นเคย แม่หายเงียบไปเลยจนกระทั่งเวลานี้ แต่แล้วก็กลับกลายเป็นว่า แม่ขวัญ ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในอุบัติเหตุที่คร่าชีวิตชายสองคนพร้อมกันเสียอย่างนั้น
ขวัญชีวีกดโทร.ออกหาแม่หลายครั้ง แต่หมายเลขที่เรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ ตัวเธอสั่นเทาขณะพาร่างสูงโย่งกับผมหยิกฟูยาวปรกหัวไหล่ก้าวฉับๆ ออกจากประตูมหาวิทยาลัยมาขึ้นรถเมล์กลับหอพัก เปลี่ยนมาโทร.ผ่านไลน์หาแม่ซ้ำๆ เขียนข้อความส่งอีกนับสิบ ทว่าก็ยังคงไม่มีการตอบรับหรืออ่านอยู่เหมือนเดิม
“แม่หายไปไหนนะ” เธอถามตัวเอง “ยังมีชีวีตอยู่หรือว่า..ไม่นะ” แค่คิดก็เจ็บแปลบเข้าไปถึงขั้วหัวใจ เธอเพิ่งกลับไปอยู่กับแม่ที่บ้านช่วงปิดภาคการเรียนกลางเทอม และกลับมาเรียนภาคที่สองเมื่อสิบกว่าวันมานี้เอง
ถึงหอพัก เธอเก็บเสื้อผ้ากับของใช้จำเป็นลงกระเป๋าเดินทางใบเล็ก ยัดเสื้อไหมพรม สายชาร์จโทรศัพท์กับของเล็กๆ น้อยๆ อย่างอื่นลงเป้สะพายหลัง อาบน้ำเปลี่ยนจากเครื่องแบบนักศึกษาเป็นกางเกงยีนส์เสื้อยืด รวบผมยาวหยิกฟูมัดเป็นหางม้า หิ้วกระเป๋าออกมาเรียกแท็กซีให้มาส่งที่สถานีขนส่งสายเหนือ ซื้อตั๋วรถทัวร์เที่ยวค่ำกลับเชียงใหม่ เธอไม่มีกำลังทรัพย์มากพอที่จะเดินทางโดยเครื่องบินในช่วงเวลาเร่งรีบที่ต้องการไปให้ถึงที่หมายเร็วที่สุดเช่นนี้ เธอเดินชนผู้หญิงคนหนึ่งจนเซถอยหลังเกือบหกล้มหงายหลังขณะออกจากช่องขายตั๋วรถทัวร์ สบตาคนที่เธอเดินชนและเอ่ยขอโทษ
“เดินระวังหน่อยสิน้อง” หญิงคนดังกล่าวพูดเตือนเสียงดัง
“หนูขอโทษอีกครั้งค่ะ หนูกำลังรีบ ไม่ทันมอง” ขวัญชีวียกมือไหว้ในระดับหน้าอก
“จะรีบยังไง รถมันก็ออกตามเวลาอยู่ดี”
“หนูรู้ค่ะ” หันหลังกลับ ก้าวออกจากบริเวณช่องขายตั๋ว
เมื่อถึงเวลาขึ้นรถ เธอก็เห็นผู้หญิงคนเดิมขึ้นรถบัสคันเดียวกันกับเธอ แต่เดินผ่านไปที่นั่งด้านหลัง หญิงคนนั้นไว้ผมสั้นเหมือนสาวทอม หน้าตาดุเอาเรื่อง เธอไม่คิดจะยุ่งกับคนแบบนี้
ขวัญชีวีจะไปตามหาตัวแม่ให้พบ ไม่ว่าแม่จะยังอยู่หรือตายไปแล้ว อีกทั้งจะค้นหาความจริงให้กระจ่างว่า แม่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุรถยนต์ตกลงไปในแม่น้ำจนทำให้มีคนตายสองคนตามที่เป็นข่าวหรือไม่
ภาพกิจกรรมต่างๆ ของแม่ตั้งแต่ขวัญชีวีเป็นเด็กผุดขึ้นในหัวมากมาย แม่จะออกวิ่งตีห้าทุกวันแล้วกลับมาอาบน้ำแต่งตัว ขับรถไปส่งเธอที่โรงเรียน และแวะซื้ออาหารเช้าให้ระหว่างทาง แม่ชอบพาเธอเดินป่าระยะไกลขึ้นดอยปุย กางเตนท์นอนค้างคืน แล้วกลับลงทางห้วยตึงเฒ่า และไปอีกหลายๆ ดอยรอบตัวจังหวัด เธอแบกเป้หนัก เหนื่อย แต่ก็สนุกสนานกับการผจญภัยทุกทริป หรือแม้แต่นั่งในรถที่แม่ขับคนเดียวเกือบยี่สิบชั่วโมงไปเที่ยวภูเก็ต ลงเล่นน้ำชายหาด ก่อเจดีย์ทราย และกินอาหารที่นำกุ้งปูปลาตัวโตๆ มาปรุงรส แล้วขับรถกลับบ้านในอีกห้าวันต่อมาโดยที่แม่ไม่บ่นว่าเหนื่อยเลยแม้แต่คำเดียว
แม่รักเธอมากและเธอก็รักแม่มากเช่นกัน โลกของเธอมีแค่แม่คนเดียว
แม่กับเธอจะไปว่ายน้ำวันเสาร์อาทิตย์ แม่ว่ายน้ำเก่งทุกท่าและเป็นคนสอนให้เธอว่ายน้ำเป็น ว่ายอยู่สองปีจนดูเหมือนจะมีแววเก่ง แม่ก็พาไปลงแข่งขัน แต่เธอเข้าอันดับสุดท้ายทุกรายการ ร้องไห้อับอาย ก็เลยไม่อยากลงแข่งอีก แม่จะสอนว่า
“ผิดหวังเจ็บปวดร้องไห้เสียใจได้ แต่อย่านาน ล้มลงแล้วให้รีบดึงคอเสื้อตัวเองลุกขึ้น ลูกต้องเข้มแข็งกว่าเดิม ห้ามเป็นคนอ่อนแอ หัดรู้จักใช้สมองและสติปัญญา อย่าใช้แต่อารมณ์และความรู้สึก”
จากนั้นแม่ก็จับเธอไปเรียนเทควันโดตอนอายุแปดปีและสอบผ่านได้สายเขียวเมื่ออายุสิบสอง แม่บอกว่าทักษะการต่อสู้ป้องกันตัวทั้งการเตะ ถีบ ปล่อยหมัด ปัดป้อง หรือจับทุ่ม ล้วนแต่จำเป็นต้องมีติดตัวไว้สำหรับลูกผู้หญิง เธอเรียนต่อมาอีกระยะหนึ่ง กลับกลายเป็นขี้เกียจขึ้นมากลางคัน จึงไม่พยายามสอบเลื่อนระดับไปสู่สายสีน้ำตาล
พวกผู้ชายร่วมชั้นประถมศึกษา ตั้งฉายาล้อเลียนให้เธอใหม่ว่า กีวี ด้วยเพราะเธอเป็นลูกครึ่งผิวสี ผมหยิกฟู ตัวดำปี๋เหมือนครีมขัดรองเท้ายี่ห้อ กีวี แต่เวลาโดนพวกนั้นล้อเลียน เธอก็จะไล่เตะพวกมันไปรอบห้อง ส่วนเพื่อนผู้หญิงจะเรียกเธอว่า ยัยโย่ง เพราะเธอสูงปรี๊ดกว่าทุกคนในวัยเดียวกัน
ชื่อ กีวี ยังติดตัวเธอมาจนเข้าเรียนระดับมัธยมศึกษา เพราะเพื่อนๆ จากชั้นประถมศึกษาหลายคนต่างก็มาเรียนระดับมัธยมในสถาบันเดียวกับเธอ และจะเรียกฉายานั้นแบบล้อเลียนเธอทุกครั้งเมื่อเจอกัน ซึ่งเธอก็วิ่งไล่เตะพวกนั้นเหมือนตอนเรียนชั้นประถมเหมือนเดิม แต่ครั้นโตเป็นสาว เธอก็รู้สึกอายที่ถูกเรียกแบบนั้น เธอจึงพยายามเก็บตัว ไม่สุงสิงสนิทสนมกับใครมากนัก ทั้งเพื่อนผู้หญิงและผู้ชาย และจะเลือกใช้เวลาเกือบทั้งหมดอยู่กับแม่ขวัญเท่านั้น
ขวัญชีวีอยากเรียนแบดมินตันตอนเริ่มเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่สี่ แม่ก็พาไปฝึกซ้อมกับครูสอนที่คอร์ตทุกเย็นหลังเลิกเรียน เธอได้เปรียบเรื่องสรีระ ตัวสูง แขนขายาว แรงเยอะ อึดถึกทน แต่ค่อนข้างเคลื่อนที่ช้า จึงต้องฝึกหนักเพื่อพัฒนาเรื่องความเร็วอย่างจริงจัง เธอลงแข่งขันกีฬาสีจนกระทั่งถึงมัธยมศึกษาปีที่หก แต่พ่ายแพ้รวดในรอบแบ่งกลุ่ม ตกรอบแรกอย่างเจ็บช้ำทุกปี ไม่เคยผ่านเข้ารอบสองได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว แม่ลางานไปเชียร์ลูกสาวและให้กำลังใจหลังความปราชัย และทบทวนคำสอนให้ฟังเหมือนกับตอนที่เธอแข่งว่ายน้ำได้ที่โหล่ เธอหลงรักแบดมินตันแม้ฝีมือจะไม่ได้เก่งกาจถึงขั้นติดทีมโรงเรียน ปัจจุบันนี้เธอยังคงฝึกซ้อมอย่างหนักในชมรมแบดมินตันของมหาวิทยาลัย หวังว่าวันหนึ่งจะติดทีมไปแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทยสักครั้ง
เธอหัดขับรถยนต์ในวันเกิดอายุครบ 18 ปี แม่เอาฮอนด้าซีวิค เกียร์ออโต้ พาเธอไปฝึกในสนามฟุตบอลของโรงเรียนประถมศึกษาใกล้บ้าน เธอเรียนรู้ปุ่มและก้านต่างๆ ภายในรถ ปรับกระจกมองข้างหลังด้วยมือให้อยู่ในระดับสายตา ดึงและปลดเบรคมือ หน้าที่ของเกียร์ในตำแหน่ง P R N D และการใช้เท้าขวาข้างเดียวเหยียบเบรคและคันเร่ง ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์ เกียร์ต้องอยู่ในตำแหน่ง P และต้องเหยียบเบรคทุกครั้ง เธอได้ฝึกเดินหน้าถอยหลัง เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาและจอดในสถานการณ์ต่างๆ จนคล่องแคล่ว หลังกินมื้อเที่ยงเธอก็ได้รับอนุญาตให้ขับออกถนนในชุมชน แม่นั่งประกบบนเบาะซ้ายมือ คอยแนะนำเรื่องความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนร่วมกับคนในสังคม แม่จะเหวี่ยงใส่บ้างเมื่อเธอขับค่อนข้างหวาดเสียวหรืออาจเกิดอุบัติเหตุไปเฉี่ยวชนรถคันอื่น แต่จะตามด้วยการสอนและอธิบายเหตุผลด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเสมอ หลังจากเข้าใจแล้ว เธอก็ได้ขับให้แม่นั่งทุกเสาร์อาทิตย์ สองสัปดาห์ต่อมา เธออ่านคู่มือเตรียมพร้อมและฝึกทำข้อสอบใบขับขี่ ก่อนจะเข้าไปสอบข้อเขียนในเว็บไซต์ของกรมขนส่งทางบก ซึ่งเธอตอบผิดแค่ข้อเดียว จากนั้นก็นัดวันนำผลสอบไปแสดงที่สำนักงานขนส่งจังหวัดเพื่อสอบภาคปฏิบัติ และเธอก็ผ่านอย่างง่ายดายพร้อมได้รับใบขับขี่ชั่วคราว 2 ปีมาไว้ในกระเป๋าสตางค์
แม่ออกจะเป็นคนห้าวๆ แข็งแกร่ง เด็ดเดี่ยว ด้วยเพราะความต้องเลี้ยงลูกคนเดียว เป็นทั้งพ่อและแม่ในเวลาเดียวกัน แต่แม่ไม่ใช่คนที่จะไปทะเลาะวิวาทกับใครได้ แต่ในข่าว ตำรวจบอกว่า น่าจะมาจากเรื่องชู้สาวหรือผลประโยชน์ไม่ลงตัว แม่ขวัญเนี่ยนะจะไปมีเรื่องชู้สาวหรือผลประโยชน์อะไรกับใคร ไม่มีทาง
(..โปรดอ่านต่อด้านล่าง..)
นิยาย: จอมป่วนชวนจับโจร บทที่ 2 ถูกอุ้ม
กระทั่งออกจากห้องเรียนวิชาสุดท้ายในภาคบ่าย ขวัญชีวี นัดดา จึงได้รู้ว่า แม่ขวัญมีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งตกลงไปในแม่น้ำปิง ซึ่งเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตสองคน เธอได้ลิงค์ข่าวจาก ยัยแพ็ท เพื่อนร่วมคณะที่ส่งมาทิ้งไว้ให้ทางไลน์ ทั้งยังเขียนข้อความบอกไว้ว่า “ผู้ต้องสงสัยใช้นามสกุลเดียวกับเธอ” เพื่อกระตุ้นให้เธอเปิดอ่าน
เธอทั้งตกใจและสงสัยระคนกันหลังได้อ่านรวบรัด ค้นหาเรื่องเดียวกันจากสื่อมวลชนอีกหลายสำนักพบว่า ทุกแหล่งลงเนื้อหาตรงกัน โดยอุบัติเหตุเกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา ข่าวระบุรายชื่อผู้เสียชีวิตและเบลอร์รูปใบหน้าของทั้งสองคน ทว่ากลับลงรูปหน้าตรงพร้อมชื่อนามสกุลของแม่ขวัญตามทะเบียนราษฎร์อย่างชัดเจนอยู่คนเดียว ไม่มีใครคิดจะเบลอร์หน้าแม่เลยด้วยซ้ำ....เหตุเกิดในเขตตำบลแสนรัก อำเภอแม่รัก จังหวัดเชียงใหม่....คนที่หนึ่งเสียชีวิตอยู่บนที่นั่งคนขับ เข็มขัดนิรภัยยังคาดอยู่ที่หน้าอก คนที่สองเสียชีวิตอยู่บนเบาะผู้โดยสารด้านหลังฝั่งซ้าย มีสายเข็มขัดนิรภัยรัดอยู่รอบคอ....พบปืนพกกึ่งอัตโนมัติขนาด 9 มม.กับปลอกกระสุน 2 ปลอกตกอยู่ภายในรถที่เกิดเหตุซึ่งขณะนี้กำลังรอผลการตรวจสอบจากกองพิสูจน์หลักฐานว่าปืนของกลางกระบอกนี้จดทะเบียนในชื่อใคร....การชันสูตรพลิกศพโดยแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป พบบาดแผลจากกระสุนปืนบนร่างกายของผู้เสียชีวิตทั้งสองคน คนที่หนึ่งพบบาดแผลกระสุนปืนเข้าบนแผ่นหลังด้านซ้าย แต่ไม่พบบาดแผลทะลุออก ส่วนคนที่สองพบบาดแผลกระสุนปืนเข้าด้านหน้าต้นขาขวาและบาดแผลทะลุออกต้นขาด้านหลังข้างเดียวกัน แต่ทั้งนี้ยังไม่สามารถระบุสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัดได้ จึงยังต้องส่งทั้งสองศพไปทำการผ่าพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อยืนยันสาเหตุการเสียชีวิตที่ถูกต้องต่อไป....ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรแม่รักให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้นางสาวขวัญฤทัย นัดดา คือ “ผู้ต้องสงสัย” ที่กำลังหลบหนี หรือ “เป็นผู้สูญหาย” ในแม่น้ำ ตำรวจยังไม่ได้ตั้งข้อกล่าวหากับใคร เพราะต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วนก่อนและจะให้ความยุติธรรมต่อทุกฝ่าย ตำรวจมีภาพจากกล้องวงจรปิดที่สามารถยืนยันได้ว่านางสาวขวัญฤทัยนั่งรถไปกับผู้เสียชีวิตทั้งสองในช่วงค่ำของวันที่เกิดอุบัติเหตุ แต่ก็ยังระบุไม่ได้ว่าผู้ต้องสงสัยออกจากรถก่อนหรือหลังเกิดอุบัติเหตุรถตกลงไปในน้ำ ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ว่า ผู้ต้องสงสัยอาจจะยังมีชีวิตอยู่ หรือ เสียชีวิตแล้วจากการจมน้ำ เจ้าหน้าที่กำลังค้นหาตัวผู้ต้องสงสัยทั้งบนบกและในน้ำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผ่านมาแล้วเกือบ 20 ชั่วโมงก็ยังไม่พบตัวหรือร่างไร้ชีวิตของผู้ต้องสงสัยแต่อย่างใด ตำรวจตั้งข้อสันนิษฐานว่า คนบนรถอาจมีปากเสียงทะเลาะวิวาทกันจนนำมาซึ่งเหตุการณ์ใช้อาวุธปืนยิงกันภายในรถจนทำให้เกิดอุบัติเหตุรถพุ่งตกลงไปในน้ำในที่สุด โดยตำรวจมุ่งประเด็นไปที่ความหึงหวงในปมชู้สาวหรือขัดแย้งผลประโยชน์กัน.....
“ล้อกันเล่นหรือเปล่าเนี่ย” ขวัญชีวีพูดกับตัวเอง ไม่อยากจะเชื่อข่าวที่ได้อ่าน
เธอรู้สึกว่ามันแปลกๆ พิกล เมื่อคืนแม่ส่งรูปถ่ายตัวเองในชุดกี่เพ้าสีแดงมาพร้อมข้อความบอกว่าจะไปงานเลี้ยง เธอเขียนตอบไปว่า “สวยเริ่ดค่า” แต่ผ่านไปอีกเกือบชั่วโมง แม่กลับส่งมาบอก “ขอโทษ” เธอถามแบบติดตลกว่า “เรื่องอารายค๊า?” แม่ยังไม่ได้อ่าน ซึ่งเธอก็เข้าใจได้ว่าแม่คงกำลังยุ่งอยู่ในงานเลี้ยงจนไม่มีเวลาตอบข้อความลูก เมื่อเช้า คำถามของเธอก็ยังไม่ถูกอ่าน เธอจึงเขียนส่งไปถามแม่อีกหลายข้อความ ก็ยังคงไร้การอ่านหรือตอบกลับเช่นเคย แม่หายเงียบไปเลยจนกระทั่งเวลานี้ แต่แล้วก็กลับกลายเป็นว่า แม่ขวัญ ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในอุบัติเหตุที่คร่าชีวิตชายสองคนพร้อมกันเสียอย่างนั้น
ขวัญชีวีกดโทร.ออกหาแม่หลายครั้ง แต่หมายเลขที่เรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ ตัวเธอสั่นเทาขณะพาร่างสูงโย่งกับผมหยิกฟูยาวปรกหัวไหล่ก้าวฉับๆ ออกจากประตูมหาวิทยาลัยมาขึ้นรถเมล์กลับหอพัก เปลี่ยนมาโทร.ผ่านไลน์หาแม่ซ้ำๆ เขียนข้อความส่งอีกนับสิบ ทว่าก็ยังคงไม่มีการตอบรับหรืออ่านอยู่เหมือนเดิม
“แม่หายไปไหนนะ” เธอถามตัวเอง “ยังมีชีวีตอยู่หรือว่า..ไม่นะ” แค่คิดก็เจ็บแปลบเข้าไปถึงขั้วหัวใจ เธอเพิ่งกลับไปอยู่กับแม่ที่บ้านช่วงปิดภาคการเรียนกลางเทอม และกลับมาเรียนภาคที่สองเมื่อสิบกว่าวันมานี้เอง
ถึงหอพัก เธอเก็บเสื้อผ้ากับของใช้จำเป็นลงกระเป๋าเดินทางใบเล็ก ยัดเสื้อไหมพรม สายชาร์จโทรศัพท์กับของเล็กๆ น้อยๆ อย่างอื่นลงเป้สะพายหลัง อาบน้ำเปลี่ยนจากเครื่องแบบนักศึกษาเป็นกางเกงยีนส์เสื้อยืด รวบผมยาวหยิกฟูมัดเป็นหางม้า หิ้วกระเป๋าออกมาเรียกแท็กซีให้มาส่งที่สถานีขนส่งสายเหนือ ซื้อตั๋วรถทัวร์เที่ยวค่ำกลับเชียงใหม่ เธอไม่มีกำลังทรัพย์มากพอที่จะเดินทางโดยเครื่องบินในช่วงเวลาเร่งรีบที่ต้องการไปให้ถึงที่หมายเร็วที่สุดเช่นนี้ เธอเดินชนผู้หญิงคนหนึ่งจนเซถอยหลังเกือบหกล้มหงายหลังขณะออกจากช่องขายตั๋วรถทัวร์ สบตาคนที่เธอเดินชนและเอ่ยขอโทษ
“เดินระวังหน่อยสิน้อง” หญิงคนดังกล่าวพูดเตือนเสียงดัง
“หนูขอโทษอีกครั้งค่ะ หนูกำลังรีบ ไม่ทันมอง” ขวัญชีวียกมือไหว้ในระดับหน้าอก
“จะรีบยังไง รถมันก็ออกตามเวลาอยู่ดี”
“หนูรู้ค่ะ” หันหลังกลับ ก้าวออกจากบริเวณช่องขายตั๋ว
เมื่อถึงเวลาขึ้นรถ เธอก็เห็นผู้หญิงคนเดิมขึ้นรถบัสคันเดียวกันกับเธอ แต่เดินผ่านไปที่นั่งด้านหลัง หญิงคนนั้นไว้ผมสั้นเหมือนสาวทอม หน้าตาดุเอาเรื่อง เธอไม่คิดจะยุ่งกับคนแบบนี้
ขวัญชีวีจะไปตามหาตัวแม่ให้พบ ไม่ว่าแม่จะยังอยู่หรือตายไปแล้ว อีกทั้งจะค้นหาความจริงให้กระจ่างว่า แม่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุรถยนต์ตกลงไปในแม่น้ำจนทำให้มีคนตายสองคนตามที่เป็นข่าวหรือไม่
ภาพกิจกรรมต่างๆ ของแม่ตั้งแต่ขวัญชีวีเป็นเด็กผุดขึ้นในหัวมากมาย แม่จะออกวิ่งตีห้าทุกวันแล้วกลับมาอาบน้ำแต่งตัว ขับรถไปส่งเธอที่โรงเรียน และแวะซื้ออาหารเช้าให้ระหว่างทาง แม่ชอบพาเธอเดินป่าระยะไกลขึ้นดอยปุย กางเตนท์นอนค้างคืน แล้วกลับลงทางห้วยตึงเฒ่า และไปอีกหลายๆ ดอยรอบตัวจังหวัด เธอแบกเป้หนัก เหนื่อย แต่ก็สนุกสนานกับการผจญภัยทุกทริป หรือแม้แต่นั่งในรถที่แม่ขับคนเดียวเกือบยี่สิบชั่วโมงไปเที่ยวภูเก็ต ลงเล่นน้ำชายหาด ก่อเจดีย์ทราย และกินอาหารที่นำกุ้งปูปลาตัวโตๆ มาปรุงรส แล้วขับรถกลับบ้านในอีกห้าวันต่อมาโดยที่แม่ไม่บ่นว่าเหนื่อยเลยแม้แต่คำเดียว
แม่รักเธอมากและเธอก็รักแม่มากเช่นกัน โลกของเธอมีแค่แม่คนเดียว
แม่กับเธอจะไปว่ายน้ำวันเสาร์อาทิตย์ แม่ว่ายน้ำเก่งทุกท่าและเป็นคนสอนให้เธอว่ายน้ำเป็น ว่ายอยู่สองปีจนดูเหมือนจะมีแววเก่ง แม่ก็พาไปลงแข่งขัน แต่เธอเข้าอันดับสุดท้ายทุกรายการ ร้องไห้อับอาย ก็เลยไม่อยากลงแข่งอีก แม่จะสอนว่า
“ผิดหวังเจ็บปวดร้องไห้เสียใจได้ แต่อย่านาน ล้มลงแล้วให้รีบดึงคอเสื้อตัวเองลุกขึ้น ลูกต้องเข้มแข็งกว่าเดิม ห้ามเป็นคนอ่อนแอ หัดรู้จักใช้สมองและสติปัญญา อย่าใช้แต่อารมณ์และความรู้สึก”
จากนั้นแม่ก็จับเธอไปเรียนเทควันโดตอนอายุแปดปีและสอบผ่านได้สายเขียวเมื่ออายุสิบสอง แม่บอกว่าทักษะการต่อสู้ป้องกันตัวทั้งการเตะ ถีบ ปล่อยหมัด ปัดป้อง หรือจับทุ่ม ล้วนแต่จำเป็นต้องมีติดตัวไว้สำหรับลูกผู้หญิง เธอเรียนต่อมาอีกระยะหนึ่ง กลับกลายเป็นขี้เกียจขึ้นมากลางคัน จึงไม่พยายามสอบเลื่อนระดับไปสู่สายสีน้ำตาล
พวกผู้ชายร่วมชั้นประถมศึกษา ตั้งฉายาล้อเลียนให้เธอใหม่ว่า กีวี ด้วยเพราะเธอเป็นลูกครึ่งผิวสี ผมหยิกฟู ตัวดำปี๋เหมือนครีมขัดรองเท้ายี่ห้อ กีวี แต่เวลาโดนพวกนั้นล้อเลียน เธอก็จะไล่เตะพวกมันไปรอบห้อง ส่วนเพื่อนผู้หญิงจะเรียกเธอว่า ยัยโย่ง เพราะเธอสูงปรี๊ดกว่าทุกคนในวัยเดียวกัน
ชื่อ กีวี ยังติดตัวเธอมาจนเข้าเรียนระดับมัธยมศึกษา เพราะเพื่อนๆ จากชั้นประถมศึกษาหลายคนต่างก็มาเรียนระดับมัธยมในสถาบันเดียวกับเธอ และจะเรียกฉายานั้นแบบล้อเลียนเธอทุกครั้งเมื่อเจอกัน ซึ่งเธอก็วิ่งไล่เตะพวกนั้นเหมือนตอนเรียนชั้นประถมเหมือนเดิม แต่ครั้นโตเป็นสาว เธอก็รู้สึกอายที่ถูกเรียกแบบนั้น เธอจึงพยายามเก็บตัว ไม่สุงสิงสนิทสนมกับใครมากนัก ทั้งเพื่อนผู้หญิงและผู้ชาย และจะเลือกใช้เวลาเกือบทั้งหมดอยู่กับแม่ขวัญเท่านั้น
ขวัญชีวีอยากเรียนแบดมินตันตอนเริ่มเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่สี่ แม่ก็พาไปฝึกซ้อมกับครูสอนที่คอร์ตทุกเย็นหลังเลิกเรียน เธอได้เปรียบเรื่องสรีระ ตัวสูง แขนขายาว แรงเยอะ อึดถึกทน แต่ค่อนข้างเคลื่อนที่ช้า จึงต้องฝึกหนักเพื่อพัฒนาเรื่องความเร็วอย่างจริงจัง เธอลงแข่งขันกีฬาสีจนกระทั่งถึงมัธยมศึกษาปีที่หก แต่พ่ายแพ้รวดในรอบแบ่งกลุ่ม ตกรอบแรกอย่างเจ็บช้ำทุกปี ไม่เคยผ่านเข้ารอบสองได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว แม่ลางานไปเชียร์ลูกสาวและให้กำลังใจหลังความปราชัย และทบทวนคำสอนให้ฟังเหมือนกับตอนที่เธอแข่งว่ายน้ำได้ที่โหล่ เธอหลงรักแบดมินตันแม้ฝีมือจะไม่ได้เก่งกาจถึงขั้นติดทีมโรงเรียน ปัจจุบันนี้เธอยังคงฝึกซ้อมอย่างหนักในชมรมแบดมินตันของมหาวิทยาลัย หวังว่าวันหนึ่งจะติดทีมไปแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทยสักครั้ง
เธอหัดขับรถยนต์ในวันเกิดอายุครบ 18 ปี แม่เอาฮอนด้าซีวิค เกียร์ออโต้ พาเธอไปฝึกในสนามฟุตบอลของโรงเรียนประถมศึกษาใกล้บ้าน เธอเรียนรู้ปุ่มและก้านต่างๆ ภายในรถ ปรับกระจกมองข้างหลังด้วยมือให้อยู่ในระดับสายตา ดึงและปลดเบรคมือ หน้าที่ของเกียร์ในตำแหน่ง P R N D และการใช้เท้าขวาข้างเดียวเหยียบเบรคและคันเร่ง ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์ เกียร์ต้องอยู่ในตำแหน่ง P และต้องเหยียบเบรคทุกครั้ง เธอได้ฝึกเดินหน้าถอยหลัง เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาและจอดในสถานการณ์ต่างๆ จนคล่องแคล่ว หลังกินมื้อเที่ยงเธอก็ได้รับอนุญาตให้ขับออกถนนในชุมชน แม่นั่งประกบบนเบาะซ้ายมือ คอยแนะนำเรื่องความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนร่วมกับคนในสังคม แม่จะเหวี่ยงใส่บ้างเมื่อเธอขับค่อนข้างหวาดเสียวหรืออาจเกิดอุบัติเหตุไปเฉี่ยวชนรถคันอื่น แต่จะตามด้วยการสอนและอธิบายเหตุผลด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเสมอ หลังจากเข้าใจแล้ว เธอก็ได้ขับให้แม่นั่งทุกเสาร์อาทิตย์ สองสัปดาห์ต่อมา เธออ่านคู่มือเตรียมพร้อมและฝึกทำข้อสอบใบขับขี่ ก่อนจะเข้าไปสอบข้อเขียนในเว็บไซต์ของกรมขนส่งทางบก ซึ่งเธอตอบผิดแค่ข้อเดียว จากนั้นก็นัดวันนำผลสอบไปแสดงที่สำนักงานขนส่งจังหวัดเพื่อสอบภาคปฏิบัติ และเธอก็ผ่านอย่างง่ายดายพร้อมได้รับใบขับขี่ชั่วคราว 2 ปีมาไว้ในกระเป๋าสตางค์
แม่ออกจะเป็นคนห้าวๆ แข็งแกร่ง เด็ดเดี่ยว ด้วยเพราะความต้องเลี้ยงลูกคนเดียว เป็นทั้งพ่อและแม่ในเวลาเดียวกัน แต่แม่ไม่ใช่คนที่จะไปทะเลาะวิวาทกับใครได้ แต่ในข่าว ตำรวจบอกว่า น่าจะมาจากเรื่องชู้สาวหรือผลประโยชน์ไม่ลงตัว แม่ขวัญเนี่ยนะจะไปมีเรื่องชู้สาวหรือผลประโยชน์อะไรกับใคร ไม่มีทาง
(..โปรดอ่านต่อด้านล่าง..)