มิตรภาพงดงามที่เหลือเชื่อ-03 เพื่อน (รุ่น ๆ เดียวกัน) ที่ได้จากกิจกรรมจิตอาสา

กระทู้ก่อน ๆ เล่าถึงมิตรภาพงดงามจากกิจกรรมจิตอาสา แต่เป็นเพื่อนต่างวัย ต่างสถานะภาพทางสังคมกันมาก

กระทู้นี้ ขอมาเล่าถึงความเป็นเพื่อนแบบสบาย ๆ แบบงง ๆ ว่ามารู้จักกัน คุ้นเคยกัน ผ่านกิจกรรมจิตอาสาได้อย่างไรบ้าง

อมยิ้ม01

ส่วนใหญ่ กิจกรรมจิตอาสาที่ดิฉันทำมักจะเกี่ยวข้องกับศาสนา (จะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม)

นี่เล่าให้ใครฟัง คนใกล้ชิด หรือคนรู้จักคงหัวเราะขำก๊าก ๆ
 
เพราะธาราสินธุ์เป็นคนพื้นนิสัยค่อนไปทางคนบาป ปากจัด ปากร้าย ขี้โมโห ประชดเก่ง 
แต่จะด้วยอะไรก็ตาม พบว่า ตัวเองถูกดึงดูดด้วย concept ของ "โพธิจิต" "การอยู่กับธรรมชาติ" และ "ความเมตตา" อยู่เสมอ และรู้สึกสนใจมาก มากจนงงตัวเอง
ไม่ได้จะบอกว่า ตัวเองเป็นคนดี หรือเป็นคนเมตตานะคะ
 
คือ จะบอกว่า บางครั้ง เห็นด้วยกับสิ่งที่คนมักจะบอกว่า คนเราสนใจสิ่งไหน มักเป็นเพราะเราขาดสิ่งนั้น
คนสวยจริง ๆ หลายคน มักไม่สนใจหรือพูดเรื่องสวย เพราะตัวเองสวยอยู่แล้ว 
คนรวยหลายคน อาจไม่พูดเรื่องเงินหรือความหรูหราเลย เพราะไม่ได้ตระหนักเลยว่า สิ่งที่ตัวเองกินอยู่ ใช้อยู่ เป็นของรวย ของแพง มันใช้มาตั้งแต่เกิดแล้วอย่างเป็นธรรมชาติ เลยไม่รู้ว่าสิ่งนี้มันเรียกว่ารวย
555

ส่วนใหญ่กิจกรรมที่เข้าร่วม   ก็ไม่ใช่กิจกรรมที่ต้องเคร่งหรือสำรวมอะไรมาก
เช่น ไปปลูกต้นไม้ที่วัด  เป็นจิตอาสาไปทำความสะอาดล้างวัด ขัดพระพุทธรูปบ้าง หรือเป็นจิตอาสาแปลเอกสาร แปลบทเทศน์ของทางพุทธวัชรยานที่ท่านรินโปเชเทศน์เป็นภาษาอังกฤษมาเป็นภาษาไทยบ้าง สอนภาษาอังกฤษที่วัดบ้าง อะไรประมาณนี้ ก็เล็ก ๆ น้อย ๆ ตามแต่จะปลีกเวลาได้

ครั้งหนึ่ง ดิฉันอาสาเป็นล่ามสำรองให้กับงานอบรมธรรมะของทางสายวัชรยานที่หนึ่ง 
ก็เจอกับน้องคนหนึ่ง อาสาเฝ้าบู๊ธ น้องก็ยกลัง จัดของ จัดหนังสือเหมือนอาสาสมัครทั่วไป
ดิฉันก็ได้อาศัยคุยกับน้องช่วงสั้น ๆ ตอนเบรคหรือพักกินข้าว 
มันเป็นความรู้สึกที่แปลกมากตอนที่คุยกัน คือรู้สึกว่า น้องมีรังสีหรือพลังงานที่สะอาดมาก การพูดคุยกัน รู้สึกเหมือนได้ดื่มน้ำฝนที่สะอาดและสดชื่นมาก  บอกไม่ถูก น้องวางตัวเรียบเย็น  แต่อบอุ่นเป็นมิตร ดูถ่อมเนื้อถ่อมตัว ไม่โอ้อวดภูมิธรรมใด ๆ และดูจริงใจมาก 
การพูดคุยที่ดูเหมือนแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน มานึกย้อนหลัง กลายเป็นดิฉันเองที่พบว่า ตัวเองได้รับการชี้แนะอย่างแยบยล ถ่อมตนและงำประกายที่สุด
ดิฉันไม่ต้องกระมิดกระเมี้ยนในการแชร์สภาวะตัวเอง เพื่อให้ตัวเองดูดี ดูสงบ หรือดูนิ่งเลย

น้องถามว่า เป็นไงบ้างคะพี่ตอนไปปฏิบัติธรรม
นี่ตอบไปแบบสับอีโต้เลยค่ะ
"โอ๊ยยยย... โคตรทรมานและฟุ้งซ่านเลยค่ะน้อง บางที ถามตัวเองเลยว่า นี่เรามาทำอะไร"
น้องขำเบา ๆ แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจคนสำรวมน้อย ภูมิธรรมต่ำ ๆ อย่างดิฉันเลย
ตอนเราจะจากกันในตอนเย็น น้องยังมาขอกอดด้วย
มันเป็นกอดเบา ๆ ที่รู้สึกได้ถึงความร่มเย็นในใจ และความปรารถนาดีมาก ๆ 

เราไม่ได้สนใจจะถามชื่อจริง นามสกุลจริง ที่ทำงานอะไรกันเลย
เรียกกันแต่ชื่อเล่น
มารู้ว่า น้องเป็นหมอ เป็นเจ้าของสถานที่ที่เคยให้ใช้จัดงานร่วมอวยพรวันเกิดออนไลน์ท่านรินโปเช เป็นคลินิกริมถนนใหญ่ในย่านรถไฟฟ้าผ่าน มีที่จอดรถได้หลายคันหลังคลินิก นอกจากจะให้ใช้สถานที่ฟรีแล้ว น้องยังเลี้ยงชานม ชาผลไม้ และขนมกับผู้เข้าร่วมงานด้วย

งานครั้งนั้น จัดทั้งหมดสี่วัน แต่ดิฉันเข้าร่วมได้ประมาณสองวัน
วันที่สองช่วงเย็น น้องเอ่ยปากว่า รู้สึกอยากมอบองค์พระแม่ตาราให้ดิฉัน เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเอามาให้
ดิฉันขอโทษน้องแล้วบอกว่า พรุ่งนี้มาไม่ได้นะคะ พี่ขอบคุณมาก ๆ
น้องก็ยังยืนยันว่า เดี๋ยวส่งให้ก็ได้ค่ะ
ดิฉันรู้สึกเกรงใจมาก ๆ เลยบอกว่า เดี๋ยวพี่ขอไปรับเองดีกว่าค่ะ ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะ

ไม่กี่วันต่อมา น้องเป็นฝ่ายทักมาก่อน แล้วส่ง location ที่บ้านมาให้
ตอนดิฉันไปรับรูปหล่อพระแม่ตารามา 
พบว่า เป็นองค์ที่ใหญ่และงดงามมาก งามจนบอกไม่ถูก และไม่รู้ว่าเพราะอะไรน้องถึงมอบให้ดิฉัน




ดิฉันตั้งไว้กลางบ้าน และจุดธูปไม้จันทน์หอมแท้บูชา พร้อมกับจุดเทียนหอมอิเกีย (ถ้าเลือกได้ จะเลือกสีเขียว) บูชาเกือบทุกวัน
ทุกครั้งจะรู้สึกได้ถึงความเชื่อมโยง และ concept ของความรัก ความเมตตาที่บริสุทธิ์ เหมือนกระแสดีงามที่ดับอารมณ์ร้อน อารมณ์ลบได้ทุกครั้ง
เป็นน้ำใจที่ไม่คิดมาก่อนว่าจะได้ถึงขนาดนี้

การได้เพื่อนจากกิจกรรมจิตอาสาเป็นสิ่งที่แปลกมาก
เพราะเราสนิทกันแบบไม่ได้ติด "เปลือก" ของหน้าที่การงาน หรือหัวโขนภายนอกเลย  
ในหลาย ๆ ครั้ง เราแทบไม่ได้สนใจจะถามชื่อจริง นามสกุลจริงหรืออาชีพด้วยซ้ำว่าแต่ละคนทำงานที่ไหน หรือทำงานอะไร  
มาถึง ก็ตั้งหน้าตั้งตาทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้า 

ดิฉันเคยไปขัดพระที่วัดแห่งหนึ่งแถวฝั่งธน ก็เจอกลุ่มจิตอาสาคนอื่น ๆ นั่งขัดกันอยู่ข้าง ๆ 
ไปฉีดน้ำล้างพื้น กวาดน้ำที่วัด ก็เจอเพื่อนจิตอาสาถลกขากางเกง สวมถุงมือ นั่งขัด นั่งทำกันอยู่ 
บ่อยครั้งที่มันเลอะเทอะสกปรกและเหนื่อยมาก แต่เราก็จดจ่อกับงานตรงหน้า และเพื่อนร่วมกิจกรรมนี้เองที่กลายมาเป็นกัลยาณมิตรกันในที่สุด
รุ่นพี่รุ่นน้องบางคน ดิฉันเพิ่งมารู้ว่าเป็นอาจารย์หมอ เป็นอาจารย์มหาลัย แต่ทุกคนก็ไม่เคยใส่หัวโขนของสถานะอื่น ๆ นอกจากเพื่อนร่วมกิจกรรมจิตอาสา

ทุกวันนี้ เวลาไลน์เด้ง มีกิจกรรมทำบุญอะไรปลีกย่อยทั้งหลาย น้อง ๆ จะแจ้งข่าว บอกข่าว หรือบางทีก็ทำไปแล้ว มาบอกทีหลังเลยว่า
"ใส่ชื่ออธิษฐานให้พี่เรียบร้อยแล้วนะคะ" 

บางที ดิฉันก็อดอมยิ้มไม่ได้ว่า เวลาที่ชีวิตมันเหนื่อยยาก หรือเราเจอความเจ็บช้ำอะไรบางอย่างที่เสียใจ ท้อ หรือ หมดกำลังใจ แต่มันจะมีกระแสพลังอะไรบางอย่างชูใจ หนุนใจ ให้รู้สึกว่า ชีวิตยังดีงาม พรุ่งนี้จะดีขึ้นเสมอ  ชะรอยจะมาจากมิตรภาพพวกนี้แน่ ๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่