มาลองคิดดูดีๆแล้วผมพบว่าสงครามโลกทั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมามันมีทีเซอร์ (Teaser) หรือตัวอย่างสั้นที่จะแสดงให้เห็นว่ามันจะเป็นอย่างไร-จะรบกันแบบไหนเทคโนโลยีอะไรจะถูกนำมาใช้ทีเซอร์ในที่นี้หมายถึงสงครามระหว่าง 2 ประเทศหรือสงครามกลางเมืองที่จะเป็นตัวบ่งชี้ว่าภายในไม่กี่ปีหลังจากสงครามนี้สิ้นสุดลงสงครามโลกจะเป็นแบบไหนของสงครามโลกครั้งที่ 1 ทีเซอร์เด่นชัดที่สุดคือสงครามรัสเซีย–ญี่ปุ่น (Russo-Japanese War)

สงครามระหว่างจักรวรรดิรัสเซียและจักรวรรดิญี่ปุ่นที่รบกันในระหว่างปี 1904 ถึง 1905 เป็นสงครามสนามเพลาะที่มีการนำลวดหนามและปืนกลมาใช้อย่างกว้างขวางโดยเฉพาะอย่างยิ่งในแนวป้องกันของฝ่ายรัสเซียกองทัพญี่ปุ่นส่งทหารราบบุกเข้าตีสนามเพลาะและป้อมปราการของฝ่ายรัสเซียทหารญี่ปุ่นที่บุกไปต้องเจอกับการระดมยิงอย่างหนักจากปืนใหญ่และปืนกลของกองทัพรัสเซียนี่คือสิ่งเดียวกันที่เกิดขึ้นในสงครามโลกครั้งที่ 1 เหมือนกันเป๊ะและในสงครามโลกครั้งที่ 1 มันโหดร้ายกว่าด้วยตรงที่ว่ามีการใช้อาวุธเคมี
ทีเซอร์ของสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีความเด่นชัดที่สุดก็คือสงครามกลางเมืองสเปนสงครามกลางเมืองที่รบกันนานถึง 4 ปีในระหว่างปี 1936 ถึง 1939 แม้แต่เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำสเปนในช่วงเวลานั้นยังเคยกล่าวไว้เลยว่ามันคือการซ้อมใหญ่สำหรับสงครามโลกครั้งที่ 2 เยอรมันที่สนับสนุนฝ่ายชาตินิยมสเปนได้นำเครื่องบินและรถถังของเยอรมันมาทดสอบยุทธวิธีการรบแบบสายฟ้าแลบ (บลิทซ์ครีค) ซึ่งหัวใจหลักของยุทธวิธีนี้คือการประสานการเข้าตีแบบพร้อมเพรียงของหน่วยยานเกราะ ทหารราบ และ การสนับสนุนจากกองทัพอากาศ...ภายในเวลาไม่ถึงปีหลังจากสงครามกลางเมืองสเปนจบลงเยอรมันก็ได้ใช้ยุทธวิธีที่ทดสอบมาแล้วในสเปนในการรุกรานโปแลนด์จุดชนวนสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างเป็นทางการในปี 1939 และก็เป็นเยอรมันเองที่โดนฝ่ายสัมพันธมิตรโดยเฉพาะอย่างยิ่งสหภาพโซเวียตได้นำยุทธวิธีสงครามสายฟ้าแลบมาย้อนเกล็ดใช้เล่นงานเยอรมันเสียเองในช่วงกลางถึงปลายสงคราม


และถ้ามันจะมีครั้งที่ 3 ทีเซอร์ที่ชัดเจนที่สุดในช่วงเวลาปัจจุบันนี้ (เขียนในวันที่ 2/9/24) ก็คือสงครามรัสเซียยูเครนที่บอกพวกเราว่าโดรนทำอะไรได้บ้างในสงคราม, กับระเบิดดักรถถังสามารถหยุดการรุกคืบของกองทัพยานเกราะขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากจนต้องย้อนกลับไปสู่สงครามสนามเพลาะ, การใช้ปืนใหญ่ธรรมดาให้ผลการทำลายล้างและประสิทธิภาพที่สูงกว่าขีปนาวุธแน่นอนถ้ามันเป็นสงครามลากยาว และอื่นๆอีกมากมายที่ผมไม่มีทางบอกได้หมด
"หวังว่าจะไม่มีครั้งที่ 3 และถ้ามันเลี่ยงไม่ได้ผมก็หวังว่าให้มันจบเร็วกว่า 2 ครั้งแรกและไม่ว่าขั้วอำนาจไหนจะเป็นฝ่ายชนะหรือแพ้ก็ขอให้ทั้งสองฝ่ายเจ็บตัวน้อยกว่า 2 ครั้งแรกด้วย"
ทีเซอร์ (Teaser) รูปแบบการรบของสงครามโลกครั้งทั้ง 2 ครั้ง
สงครามระหว่างจักรวรรดิรัสเซียและจักรวรรดิญี่ปุ่นที่รบกันในระหว่างปี 1904 ถึง 1905 เป็นสงครามสนามเพลาะที่มีการนำลวดหนามและปืนกลมาใช้อย่างกว้างขวางโดยเฉพาะอย่างยิ่งในแนวป้องกันของฝ่ายรัสเซียกองทัพญี่ปุ่นส่งทหารราบบุกเข้าตีสนามเพลาะและป้อมปราการของฝ่ายรัสเซียทหารญี่ปุ่นที่บุกไปต้องเจอกับการระดมยิงอย่างหนักจากปืนใหญ่และปืนกลของกองทัพรัสเซียนี่คือสิ่งเดียวกันที่เกิดขึ้นในสงครามโลกครั้งที่ 1 เหมือนกันเป๊ะและในสงครามโลกครั้งที่ 1 มันโหดร้ายกว่าด้วยตรงที่ว่ามีการใช้อาวุธเคมี
ทีเซอร์ของสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีความเด่นชัดที่สุดก็คือสงครามกลางเมืองสเปนสงครามกลางเมืองที่รบกันนานถึง 4 ปีในระหว่างปี 1936 ถึง 1939 แม้แต่เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำสเปนในช่วงเวลานั้นยังเคยกล่าวไว้เลยว่ามันคือการซ้อมใหญ่สำหรับสงครามโลกครั้งที่ 2 เยอรมันที่สนับสนุนฝ่ายชาตินิยมสเปนได้นำเครื่องบินและรถถังของเยอรมันมาทดสอบยุทธวิธีการรบแบบสายฟ้าแลบ (บลิทซ์ครีค) ซึ่งหัวใจหลักของยุทธวิธีนี้คือการประสานการเข้าตีแบบพร้อมเพรียงของหน่วยยานเกราะ ทหารราบ และ การสนับสนุนจากกองทัพอากาศ...ภายในเวลาไม่ถึงปีหลังจากสงครามกลางเมืองสเปนจบลงเยอรมันก็ได้ใช้ยุทธวิธีที่ทดสอบมาแล้วในสเปนในการรุกรานโปแลนด์จุดชนวนสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างเป็นทางการในปี 1939 และก็เป็นเยอรมันเองที่โดนฝ่ายสัมพันธมิตรโดยเฉพาะอย่างยิ่งสหภาพโซเวียตได้นำยุทธวิธีสงครามสายฟ้าแลบมาย้อนเกล็ดใช้เล่นงานเยอรมันเสียเองในช่วงกลางถึงปลายสงคราม
และถ้ามันจะมีครั้งที่ 3 ทีเซอร์ที่ชัดเจนที่สุดในช่วงเวลาปัจจุบันนี้ (เขียนในวันที่ 2/9/24) ก็คือสงครามรัสเซียยูเครนที่บอกพวกเราว่าโดรนทำอะไรได้บ้างในสงคราม, กับระเบิดดักรถถังสามารถหยุดการรุกคืบของกองทัพยานเกราะขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากจนต้องย้อนกลับไปสู่สงครามสนามเพลาะ, การใช้ปืนใหญ่ธรรมดาให้ผลการทำลายล้างและประสิทธิภาพที่สูงกว่าขีปนาวุธแน่นอนถ้ามันเป็นสงครามลากยาว และอื่นๆอีกมากมายที่ผมไม่มีทางบอกได้หมด
"หวังว่าจะไม่มีครั้งที่ 3 และถ้ามันเลี่ยงไม่ได้ผมก็หวังว่าให้มันจบเร็วกว่า 2 ครั้งแรกและไม่ว่าขั้วอำนาจไหนจะเป็นฝ่ายชนะหรือแพ้ก็ขอให้ทั้งสองฝ่ายเจ็บตัวน้อยกว่า 2 ครั้งแรกด้วย"