ตอนนี้ทรัมป์ก็ไปผูกมิตรกับปูติน บีบให้ยูเครนแพ้สงคราม ซึ่งดูๆไปก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะรัสเซียได้เปรียบในสงครามมากกว่ายูเครน และที่สำคัญที่สุดก็คือ นักการเมืองทุกคนไม่ว่าจะอยู่ชาติไหน เมื่อพูดหาเสียงด้วยนโยบายอะไรแล้ว ต้องพยายามทำตามที่หาเสียงให้ได้ ทำตามที่หาเสียงไม่ได้นี่ ตัวเองก็จะถูกลดความน่าเชื่อถือลงไปมาก แล้วการเลือกตั้งในครั้งต่อไปก็จะเป็นเรื่องยากที่จะให้ใครมาเลือกตัวเอง เพราะไม่สามารถทำตามนโยบายที่พูดไว้ได้ เครดิตความน่าเชื่อถือลดลงไปมากแล้ว

  การทำตามนโยบายที่ตัวเองพูดไว้ จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งยวดที่จะรักษาฐานเสียงของตัวเองไว้สำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า

  ที่จริงแล้ว ก็เชื่ออยู่ว่าทรัมป์เองก็พยายามที่จะหาวิธีการยุติสงครามอย่างรวดเร็วในลักษณะบัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่นแก่ทุกฝ่าย ไม่ให้ใครต้องมาหมางใจตนเอง ต้องปรึกษากับทีมงานหมดแล้ว แต่ในเมื่อสถานการณ์มันบังคับไม่ให้ทุกอย่างลงเอยอย่างสันติ ทรัมป์จึงไม่มีทางเลือกที่ยุติสงครามไดัอย่างให้เกิดสันติสุขทั้งฝ่ายยูเครนและรัสเซีย จำเป็นต้องเลือกข้างรัสเซียที่ได้เปรียบกว่า เพราะเป็นหนทางยุติสงครามได้เร็วกว่า

  ระหว่างทรัมป์กับไบเดน ถ้าสมมติว่ากลับกันเปลี่ยนกัน ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีช่วงเริ่มต้นสงครามยูเครน ทรัมป์ก็คงจะเป็นฝ่ายหนุนยูเครนกับนาโต้ เพราะที่ผ่านมาอเมริกาก็ไม่ใช่มิตรกับรัสเซียหรอก คนละขั้วเลย ให้ทรัมป์เป็นผู้นำสหรัฐฯช่วงเริ่มสงครามยูเครน-รัสเซีย ทรัมป์ก็คงส่งอาวุธช่วยยูเครนไม่ต่างจากที่ไบเดนทำแน่ๆ และเลือกตั้งที่ผ่านมาไบเดนเองก็คงจะหาเสียงในการเลือกตั้งว่า จะยกเลิกการช่วยเหลือยูเครน เพราะต้องทำเพื่อคนในประเทศตัวเองก่อน เอาเงินพยุงเศรษฐกิจประเทศตัวเองก่อน เพื่อเอาคะแนนเสียงไว้ พอไบเดนได้เป็นประธานาธิบดีรอบนี้ ไบเดนก็จะไปจับมือกับปูติน ยกเลิกการช่วยเหลือยูเครนทั้งหมด

  การเมืองเป็นอะไรที่ผลประโยชน์มาก่อนเสมอ และต่อเมื่อทรัมป์สามารถยุติสงครามยูเครน-รัสเซียได้เร็วๆนี้ แต่ต่อๆไปในอนาคต ทรัมป์เองก็สามารถกลับกลายมาเป็นฝ่ายเหลือยูเครนได้ ถ้าหากได้ยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครนไปแล้ว แต่ปูตินไม่ยอมยุติจริง คือเวลาผ่านไปซักพัก ปูตินมีการทำสงครามต่อกับฝั่งนาโต้จนทำให้อเมริกาเสียผลประโยชน์ ไปกระทบกับเศรษฐกิจของอเมริกา เดี๋ยวทรัมป์ก็จะกลายเป็นผู้สนับสนุนให้ยูเครนสู้กับรัสเซีย เหมือนกับยุคสมัยหนึ่งที่อังกฤษยอมเยอรมัน ให้เยอรมันยึดบางส่วนของยุโรป คิดว่าเป็นการประนอม สามารถเกิดสันติภาพได้ แต่พอฮิตเลอร์ไม่รู้จักพอ รุกคืบบุกยุโรปไปเรื่อย ไม่เป็นไปตามที่สัญญากับอังกฤษ อังกฤษก็เป็นฝ่ายจัดการเยอรมันเอง สงครามมันไม่มีมิตรแท้ ศัตรูถาวร ขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ของแต่ละฝ่าย

  ก็ต้องดูกันต่อว่า สุดท้ายทรัมป์จะทำการยุติสงครามตามที่หาเสียงได้มั้ย เมื่อยุติได้แล้ว ปูตินจะยอมยุติสงครามตามที่พูดหรือเปล่า หรือจะแค่พักไว้ก่อน แล้วรอเวลารุกคืบบุกยุโรปต่อ เมื่อบุกยุโรปแล้ว จะไปทำให้อเมริกาเสียผลประโยชน์อะไรมั้ย ถ้าทำให้อเมริกาเสียผลประโยชน์ ก็ไม่แน่ว่าวันนึง อเมริกาก็จะกลับมาสนับสนุนยูเครนและนาโต้อีกครั้ง