การอยู่ในสนามเพลาะในสงครามโลกครั้งที่ 1 นั่นหมายความว่าคุณได้พบเจอกับสภาพชีวิตที่แย่ที่สุดที่ทหารคนหนึ่งจะสามารถเจอได้ แต่นอกจากเรื่องนี้ก็มีเหล่านายทหารที่คิดค้นยุทธวิธีที่เปลี่ยนการรบไปตลอดกาลสิ่งนั้นคือ หมู่ปืนเล็ก สิ่งที่ปฏิวัติยุทธวิธีการรบไปตลอดกาล เรามาดูกันว่าสงครามโลกครั้งที่ 1 นั้นได้ฝากอะไรไว้ให้ทหารในยุคปัจจุบัน
ก่อนและช่วงต้นสงครามโลกครั้งที่ 1 หน่วยทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ที่เล็กที่สุดนั้นส่วนใหญ่จะเป็นระดับหมวดโดยมีกำลังพล 40-80 นาย ยกตัวอย่างเช่นยุทธวิธีการรบของสหรัฐอเมริกาในช่วงนั้นคือการส่งคนทั้งกองพลไปพร้อมๆกันโดยหวังว่าจำนวนคนที่มีมากกว่ากระสุนของฝั่งตรงข้ามจะทำให้ยึดสนามเพลาะของอีกฝั่งได้ โดยถ้าหากดูในระดับกองร้อยเราจะสามารถแบ่งหมวดเป็นหมวดต่างๆ ได้เช่น หมวดปืนเล็กหมวดปืนกล หมวดพลยิงลูกระเบิด โดยทั้งหมดจะประกอบด้วยทหารที่ใช้อาวุธเหมือนกันหมดทุกประเทศในขณะนั้นใช้ยุทธวิธีเดียวกันจนกระทั่งเมื่อเวลาผ่านไปทรัพยากรเริ่มร่อยหรอ
ดังนั้นเหล่านายพลจึงคิดวิธีที่สร้างสรรค์ขึ้น โดยไอเดียคือผสมทหารแต่ละหมวดรวมกันเป็นกลุ่มเล็กๆโดยสามารถปฏิบัติการได้อย่างอิสระเรียกว่า หมู่ปืนเล็ก โดยแนวคิดนี้เป็นอะไรที่ไม่เป็นที่พอใจต่อนายทหารระดับบังคับบัญชาอย่างมากเพราะตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงช่วงเวลานั้นกองทัพต้องพึ่งพาทหารให้อยู่ด้วยกันมากที่สุดเพราะมีแนวคิดว่าถ้าเกิดให้อิสระกับทหารชั้นประทวนมากไปพวกเค้าอาจจะหนีทัพไปได้และชาติแรกที่ได้นำแนวคิดนี้มาใช้ก็คือเยอรมนี เยอรมนีได้ตระหนักว่าการส่งทหารทั้งกองพลไปเพื่อยึดสนามเพราะของอีกฝั่งนั้นไม่สามารถทำให้ชนะสงครามได้และเยอรมนีก็ไม่สามารถหาทหารมาทำอย่างนั้นได้อีกแล้ว
หมู่ปืนเล็กของเยอรมนี
ดังนั้นเยอรมนีจึงได้นำหมู่ปืนเล็กที่มีกำลังพล 9 นายและด้วยการที่มีจำนวนน้อยและสามารถปฏิบัติการได้อย่างอิสระทำให้การสื่อสารกันระหว่างคนในหมู่นั้นเป็นไปได้ง่ายและยุทธวิธีคลื่นมนุษย์ในสมัยก่อนงั้นก็เป็นอะไรที่แย่มากสำหรับทหารเพราะสงครามในสมัยนี้หรือในสมัยโบราณความสามารถของคุณก็อาจจะช่วยชีวิตของคุณในสนามรบได้แต่ในทางกลับกันการวิ่งเข้าหาศัตรูในสงครามโลกครั้งที่ 1 นั้นก็ไม่ต่างอะไรจากการฆ่าตัวตายเลย
และในช่วงปลายปี 1918 หมวดปืนเล็กของกองทัพเยอรมันจะมีทหารทั้งหมด 45 นาย แบ่งออกเป็น 4 หมู่ หมู่ละ 9 นาย การที่ทหารปฏิบัติการเป็นหมู่เล็กแบบนี้ถือเป็นการฉีกตำราการรบอายุกว่าพันปีทิ้งจนหมด สงครามในสมัยก่อนฝ่ายใดที่สามารถยืนหยัดได้นานที่สุดจะเป็นผู้ชนะและนั่นทำให้ต้องมีการฝึกระเบียบวินัย ทหาร 9 นายถือว่าเป็นจำนวนที่ค่อนข้างดีเพราะสามารถกระจายอาวุธให้ทุกคนในหมู่ได้อย่างหลากหลายอีกครั้งยังยากต่อการถูกยิงด้วยปืนใหญ่หรือปืนกล
และอีกสิ่งที่สงครามโลกครั้งที่ 1 ได้ฝากไว้ให้กับทหารในยุคปัจจุบันคือ นาฬิกาข้อมือ ก่อนหน้านั้นทหารจะไม่นิยมใส่นาฬิกาข้อมือแต่อย่างไรก็ตามในสงครามโลกครั้งที่ 1 ก็เปลี่ยนทุกอย่างไป อย่างไรน่ะหรอ? อย่างแรกการโจมตีต้องเกิดขึ้นพร้อมๆกันแล้วมันจะเกิดขึ้นได้ก็ต้องให้นายทหารมีนาฬิกาข้อมือที่ตั้งเวลาพร้อมกันหมดและการโจมตีส่วนใหญ่ก็จะเกิดขึ้นในช่วงรุ่งสางดังนั้นนาฬิกาข้อมือก็จำเป็นต้องเรืองแสงในที่มืดได้ด้วย
นาฬิกาข้อมือที่ใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 1
รุ่งอรุณของหมู่ปืนเล็ก
ก่อนและช่วงต้นสงครามโลกครั้งที่ 1 หน่วยทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ที่เล็กที่สุดนั้นส่วนใหญ่จะเป็นระดับหมวดโดยมีกำลังพล 40-80 นาย ยกตัวอย่างเช่นยุทธวิธีการรบของสหรัฐอเมริกาในช่วงนั้นคือการส่งคนทั้งกองพลไปพร้อมๆกันโดยหวังว่าจำนวนคนที่มีมากกว่ากระสุนของฝั่งตรงข้ามจะทำให้ยึดสนามเพลาะของอีกฝั่งได้ โดยถ้าหากดูในระดับกองร้อยเราจะสามารถแบ่งหมวดเป็นหมวดต่างๆ ได้เช่น หมวดปืนเล็กหมวดปืนกล หมวดพลยิงลูกระเบิด โดยทั้งหมดจะประกอบด้วยทหารที่ใช้อาวุธเหมือนกันหมดทุกประเทศในขณะนั้นใช้ยุทธวิธีเดียวกันจนกระทั่งเมื่อเวลาผ่านไปทรัพยากรเริ่มร่อยหรอ
ดังนั้นเหล่านายพลจึงคิดวิธีที่สร้างสรรค์ขึ้น โดยไอเดียคือผสมทหารแต่ละหมวดรวมกันเป็นกลุ่มเล็กๆโดยสามารถปฏิบัติการได้อย่างอิสระเรียกว่า หมู่ปืนเล็ก โดยแนวคิดนี้เป็นอะไรที่ไม่เป็นที่พอใจต่อนายทหารระดับบังคับบัญชาอย่างมากเพราะตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงช่วงเวลานั้นกองทัพต้องพึ่งพาทหารให้อยู่ด้วยกันมากที่สุดเพราะมีแนวคิดว่าถ้าเกิดให้อิสระกับทหารชั้นประทวนมากไปพวกเค้าอาจจะหนีทัพไปได้และชาติแรกที่ได้นำแนวคิดนี้มาใช้ก็คือเยอรมนี เยอรมนีได้ตระหนักว่าการส่งทหารทั้งกองพลไปเพื่อยึดสนามเพราะของอีกฝั่งนั้นไม่สามารถทำให้ชนะสงครามได้และเยอรมนีก็ไม่สามารถหาทหารมาทำอย่างนั้นได้อีกแล้ว
และในช่วงปลายปี 1918 หมวดปืนเล็กของกองทัพเยอรมันจะมีทหารทั้งหมด 45 นาย แบ่งออกเป็น 4 หมู่ หมู่ละ 9 นาย การที่ทหารปฏิบัติการเป็นหมู่เล็กแบบนี้ถือเป็นการฉีกตำราการรบอายุกว่าพันปีทิ้งจนหมด สงครามในสมัยก่อนฝ่ายใดที่สามารถยืนหยัดได้นานที่สุดจะเป็นผู้ชนะและนั่นทำให้ต้องมีการฝึกระเบียบวินัย ทหาร 9 นายถือว่าเป็นจำนวนที่ค่อนข้างดีเพราะสามารถกระจายอาวุธให้ทุกคนในหมู่ได้อย่างหลากหลายอีกครั้งยังยากต่อการถูกยิงด้วยปืนใหญ่หรือปืนกล
และอีกสิ่งที่สงครามโลกครั้งที่ 1 ได้ฝากไว้ให้กับทหารในยุคปัจจุบันคือ นาฬิกาข้อมือ ก่อนหน้านั้นทหารจะไม่นิยมใส่นาฬิกาข้อมือแต่อย่างไรก็ตามในสงครามโลกครั้งที่ 1 ก็เปลี่ยนทุกอย่างไป อย่างไรน่ะหรอ? อย่างแรกการโจมตีต้องเกิดขึ้นพร้อมๆกันแล้วมันจะเกิดขึ้นได้ก็ต้องให้นายทหารมีนาฬิกาข้อมือที่ตั้งเวลาพร้อมกันหมดและการโจมตีส่วนใหญ่ก็จะเกิดขึ้นในช่วงรุ่งสางดังนั้นนาฬิกาข้อมือก็จำเป็นต้องเรืองแสงในที่มืดได้ด้วย