สวัสดีค่ะ ขอเล่าเรื่องที่เราเจอ เกี่ยวกับสิ่งที่แม่เราทำ ขอท้าวความว่า ก่อนหน้านี้ แม่อยู่กับพี่ชาย แต่บ้านพี่มีแฟนพี่ และครอบครัวของพี่สะใภ้อยู่ด้วย ซึ่งแม่ไม่ถูกกับแม่ของแฟนพี่ เคยด่ากัน และจะเก็บตัวอยู่แต่ข้างบน หุงข้าว ทำอะไรกินข้างบน ห้องเล็กๆ เพราะแม่แฟนพี่จะชอบอยู่ข้างล่าง
แม่จะชอบทักหาเราตลอด ว่าจะซื้อบ้านหรือยัง อยากมาอยู่ด้วย ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว รำคาญ
และจะบอกกับเราว่า แม่ไม่ได้อะไรนะ แค่ถามดู ถามเราตลอด จนเรากดดันตัวเอง ว่าเราจะต้องซื้อบ้านให้ได้
ทีนี้ปีที่แล้ว เราซื้อบ้าน และได้นำแม่มาอยู่ด้วย ก่อนจะย้ายเข้าอยู่ ช่วงที่ยังรอฤกษ์เข้าบ้านเราได้ไปเดินดูเฟอนิเจอ และได้ทำการมัดจำซื้อที่นอนไป แม่ก็มีการทักแชตถามลูกเรา ว่ามีที่นอนหรือยัง ลูกเราแจ้งว่ายังไม่มี เพราะเราบอกทุกคนไปแล้ว ว่าเราใช้เงินซื้อบ้านจนหมด เรายังซื้ออะไรไม่ได้และลูกเรา ก็อยู่ที่บ้านย่า เพราะเรียนอยู่ ยังไม่ย้ายมาอยู่ด้วยกัน แล้วแม่เราก็พูดว่า ช่างเถอะ เค้าคงไม่ให้หรอกเพราะของแพง แต่ของแม่เรามีที่นอนนะคะ แฟนเราไปรับจ้างขับรถ เค้าให้ค่าขับรถเป็นที่นอนมือ 1 มา
พอย้ายมาอยู่ด้วยกัน เริ่มมีปากเสียง เพราะแม่ไปคุยกับคนข้างบ้าน ว่านอนไม่หลับ เพราะเราดูหนังยันดึกทุกวัน ทั้งๆที่ไม่สนิทกับข้างบ้านเลย เพิ่งย้ายมาอยู่ด้วยกันทั้งคู่ บ้านเป็นโครงการใหม่ค่ะ เราก็ถามว่า แม่ไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกันหรอ
แม่ชอบทำกับข้าว ทอดปลาด้านบนห้อง ทิ้งเศษอาหารไว้บนห้อง มีวันนึงไปนอนบ้านพี่ เราก็ทักไป ว่าทำไมไม่เอาขยะลงมาทิ้ง
เศษอาหารปลาเค็มเหม็นมาก แม่ก็หาว่า เราไม่อยากให้เค้าอยู่ๆแล้วนี่ ทำอะไรก็ไม่ดี ตอนนั้นเราโมโห เราก็บอกว่า
งั้นก็แยกกันอยู่เถอะ กลับไปอยู่กับพี่เหมือนเดิมแหละจริงๆหนูหมดใจที่จะอยู่กับแม่ตั้งแต่แม่เอาบ้านไปขายแล้ว
เค้าบอก งั้น..ก็ขายบ้านไปสิ คิดว่า..อยากอยู่หรอ บ้านเหมือนคุก ติดกล้องไว้ยังกับ..เป็นนักโทษ (คือพูดออกมาได้ยังไง บ้านเราเก็บเงินซื้อลำบากแค่ไหนกว่าจะได้มา เงินสักบาท ไม่มีใครช่วยออก เราขับรถมาดูจากตจว. ขับดูเป็นสิบๆโครงการ ตอนตรวจบ้านแฟนเราป่วย Sle โรคกำเริบ นอนรพ. เรายังไม่นอนห้องพิเศษ นอนเฝ้ากันอยู่หน้าลิฟท์ทางเดิน เพื่อจะเก็บเงินมาซื้อบ้าน ต้องวานเพื่อนมาช่วยตรวจบ้านให้ ) สุดท้าย แม่เราก็กลับมาอยู่เหมือนเดิม ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เราทะเลาะกับแม่หลายครั้ง เรื่องทำอาหารข้างบน ล้างจานข้างบน ยันตากผ้าเปียกในห้องโดยเอาผ้ารองน้ำด้านใต้ผ้าเปียก
เราก็บอกแม่ว่าเดี๋ยวพื้นพัง เพราะพื้นเป็นวัสดุคล้ายไม้เทียม กลัวปลวก แต่ก็ยังทำเรื่อยๆ
แล้วจานชาม ทุกอย่าง เก็บขึ้นห้องหมด จานชามเป็นของพ่อเรา ไม่ใช่ของแม่นะคะ พ่อเราเสียไปแล้ว และเลิกกับแม่เราตั้งแต่เด็กแล้ว
พอเราซื้อจานใหม่ หาว่าเราแยกใช้จานเพราะรังเกียจ เราเลยว่าเพราะพอจะใช้ก็ไม่มีใช้ แล้วไม่เคยรังเกียจ ตักข้าวก็ตักใส่จานใหม่ให้ตลอด
แม่ไม่เคยยินดี ที่เราซื้อบ้านได้ แต่กับดารา ยิ้ม ไปแสดงความยินดี บอกเก่งจังเลยที่ขายบัตรคอนได้หมด ชื่นชมแต่ดารา เก่งอย่างนั้นอย่างนี้
คนในเฟสที่ไม่ใช่เพื่อน ก็โพสยินดีที่ได้รู้จักหลานที่น่ารัก แต่กับญาติจริงๆ ด่าเค้า โพสด่า จนมีปัญหา เราต้องไปเคลียไปขอโทษ โดนเค้าด่ากลับมา
ตอนยายยังอยู่ ไม่เคยส่งเสียยาย พอยายจะเสีย ก็ไม่อยากไปเฝ้า จนญาติมาด่า ไปดูดาราไปได้ กับแม่ตัวเองมาดูแลไม่ได้
แม่โมโหไปพูดกับทางนั้นว่าถ้าไม่หยุดพูด เราจะไปจัดการ สรุป เค้ามาด่าเราอีก หาว่าเราปากเก่ง
แม่เราคุยเก่งมาก รู้จักแทบทุกบ้าน แต่เราไม่ค่อยออกไปไหน จะสนิทกันอยู่กับบ้านตรงข้าม กะข้างบ้าน
ตอนเราไปเที่ยวกับแฟนและน้องแฟน แม่เราไปพูดว่าอยู่บ้านพี่เราดี มีเพื่อนคุยเยอะ ไม่เหงาเลย อยู่ที่นี่ไม่ได้คุยกับใคร
แล้วไปหาข้างบ้าน บอกขอเบอร์วินหน่อย เพื่อนบ้านมาเล่าทีหลังและบอกว่า หนูงงๆปกติแม่พี่จะเรียกวินเองตลอด แต่วันนั้นบอกหาเบอร์ไม่เจอ เราก็ไปเที่ยวไม่มีคนอยู่บ้าน ไม่สบาย จะไปหาหมอ ก่อนนี้แม่เราสั่งยาทาง ปณ เราบอกว่าให้ไปหาหมอจะพาไป ไม่ยอมไป
เรื่องที่ติดอยู่ในใจเราเลย คือแต่ก่อนบ้านเราอยู่ริมคลอง โดนไล่ที่ แล้วเค้ามีที่ใหม่ให้เราผ่อน แม่มาบอกให้เราผ่อนให้ โดยใช้ชื่อกู้ร่วมกับแม่ เพราะแม่เป็นเจ้าบ้าน แต่แม่อายุเกินที่จะผ่อนคนเดียว
แต่เงินที่ผ่อน เงินเราทั้งหมด เราต้องขับรถไปจ่ายที่สำนักงานทุกเดือน เพราะไม่มีให้โอน
ผ่อนไปปีกว่า อยู่ๆ เราโดนตัดชื่อออก แม่บอกว่าเราจะเอาบ้านไปขาย ซึ่งทางนั้นก็เชื่อ เราโกรธมาก ไม่มีใครเชื่อเราเพราะเราเป็นคนพูดแรง แต่แม่เราทำตัวน่าสงสาร สุดท้าย แม่เราเอาบ้านหลังนั้นไปขายในราคาถูกกว่าที่เราผ่อน ใช้เงินจนหมด เราไม่คุยกับแม่เป็นปี
แต่สุดท้ายก็มาคุย เพราะเราทำใจให้ลืม คิดว่ายังไงก็แม่
เราเครียดทุกวัน จนจิตใจเราเหมือนคนบ้า รู้สึกเกลียดแม่ตัวเอง ไม่อยากอยู่ร่วมด้วย แต่พยายามเงียบ แต่ในใจจะเป็นบ้าแล้ว ใครมีคำแนะนำอะไรมั้ยคะ
มีครอบครัวที่ toxic ทำยังไงดีคะ
แม่จะชอบทักหาเราตลอด ว่าจะซื้อบ้านหรือยัง อยากมาอยู่ด้วย ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว รำคาญ
และจะบอกกับเราว่า แม่ไม่ได้อะไรนะ แค่ถามดู ถามเราตลอด จนเรากดดันตัวเอง ว่าเราจะต้องซื้อบ้านให้ได้
ทีนี้ปีที่แล้ว เราซื้อบ้าน และได้นำแม่มาอยู่ด้วย ก่อนจะย้ายเข้าอยู่ ช่วงที่ยังรอฤกษ์เข้าบ้านเราได้ไปเดินดูเฟอนิเจอ และได้ทำการมัดจำซื้อที่นอนไป แม่ก็มีการทักแชตถามลูกเรา ว่ามีที่นอนหรือยัง ลูกเราแจ้งว่ายังไม่มี เพราะเราบอกทุกคนไปแล้ว ว่าเราใช้เงินซื้อบ้านจนหมด เรายังซื้ออะไรไม่ได้และลูกเรา ก็อยู่ที่บ้านย่า เพราะเรียนอยู่ ยังไม่ย้ายมาอยู่ด้วยกัน แล้วแม่เราก็พูดว่า ช่างเถอะ เค้าคงไม่ให้หรอกเพราะของแพง แต่ของแม่เรามีที่นอนนะคะ แฟนเราไปรับจ้างขับรถ เค้าให้ค่าขับรถเป็นที่นอนมือ 1 มา
พอย้ายมาอยู่ด้วยกัน เริ่มมีปากเสียง เพราะแม่ไปคุยกับคนข้างบ้าน ว่านอนไม่หลับ เพราะเราดูหนังยันดึกทุกวัน ทั้งๆที่ไม่สนิทกับข้างบ้านเลย เพิ่งย้ายมาอยู่ด้วยกันทั้งคู่ บ้านเป็นโครงการใหม่ค่ะ เราก็ถามว่า แม่ไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกันหรอ
แม่ชอบทำกับข้าว ทอดปลาด้านบนห้อง ทิ้งเศษอาหารไว้บนห้อง มีวันนึงไปนอนบ้านพี่ เราก็ทักไป ว่าทำไมไม่เอาขยะลงมาทิ้ง
เศษอาหารปลาเค็มเหม็นมาก แม่ก็หาว่า เราไม่อยากให้เค้าอยู่ๆแล้วนี่ ทำอะไรก็ไม่ดี ตอนนั้นเราโมโห เราก็บอกว่า
งั้นก็แยกกันอยู่เถอะ กลับไปอยู่กับพี่เหมือนเดิมแหละจริงๆหนูหมดใจที่จะอยู่กับแม่ตั้งแต่แม่เอาบ้านไปขายแล้ว
เค้าบอก งั้น..ก็ขายบ้านไปสิ คิดว่า..อยากอยู่หรอ บ้านเหมือนคุก ติดกล้องไว้ยังกับ..เป็นนักโทษ (คือพูดออกมาได้ยังไง บ้านเราเก็บเงินซื้อลำบากแค่ไหนกว่าจะได้มา เงินสักบาท ไม่มีใครช่วยออก เราขับรถมาดูจากตจว. ขับดูเป็นสิบๆโครงการ ตอนตรวจบ้านแฟนเราป่วย Sle โรคกำเริบ นอนรพ. เรายังไม่นอนห้องพิเศษ นอนเฝ้ากันอยู่หน้าลิฟท์ทางเดิน เพื่อจะเก็บเงินมาซื้อบ้าน ต้องวานเพื่อนมาช่วยตรวจบ้านให้ ) สุดท้าย แม่เราก็กลับมาอยู่เหมือนเดิม ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เราทะเลาะกับแม่หลายครั้ง เรื่องทำอาหารข้างบน ล้างจานข้างบน ยันตากผ้าเปียกในห้องโดยเอาผ้ารองน้ำด้านใต้ผ้าเปียก
เราก็บอกแม่ว่าเดี๋ยวพื้นพัง เพราะพื้นเป็นวัสดุคล้ายไม้เทียม กลัวปลวก แต่ก็ยังทำเรื่อยๆ
แล้วจานชาม ทุกอย่าง เก็บขึ้นห้องหมด จานชามเป็นของพ่อเรา ไม่ใช่ของแม่นะคะ พ่อเราเสียไปแล้ว และเลิกกับแม่เราตั้งแต่เด็กแล้ว
พอเราซื้อจานใหม่ หาว่าเราแยกใช้จานเพราะรังเกียจ เราเลยว่าเพราะพอจะใช้ก็ไม่มีใช้ แล้วไม่เคยรังเกียจ ตักข้าวก็ตักใส่จานใหม่ให้ตลอด
แม่ไม่เคยยินดี ที่เราซื้อบ้านได้ แต่กับดารา ยิ้ม ไปแสดงความยินดี บอกเก่งจังเลยที่ขายบัตรคอนได้หมด ชื่นชมแต่ดารา เก่งอย่างนั้นอย่างนี้
คนในเฟสที่ไม่ใช่เพื่อน ก็โพสยินดีที่ได้รู้จักหลานที่น่ารัก แต่กับญาติจริงๆ ด่าเค้า โพสด่า จนมีปัญหา เราต้องไปเคลียไปขอโทษ โดนเค้าด่ากลับมา
ตอนยายยังอยู่ ไม่เคยส่งเสียยาย พอยายจะเสีย ก็ไม่อยากไปเฝ้า จนญาติมาด่า ไปดูดาราไปได้ กับแม่ตัวเองมาดูแลไม่ได้
แม่โมโหไปพูดกับทางนั้นว่าถ้าไม่หยุดพูด เราจะไปจัดการ สรุป เค้ามาด่าเราอีก หาว่าเราปากเก่ง
แม่เราคุยเก่งมาก รู้จักแทบทุกบ้าน แต่เราไม่ค่อยออกไปไหน จะสนิทกันอยู่กับบ้านตรงข้าม กะข้างบ้าน
ตอนเราไปเที่ยวกับแฟนและน้องแฟน แม่เราไปพูดว่าอยู่บ้านพี่เราดี มีเพื่อนคุยเยอะ ไม่เหงาเลย อยู่ที่นี่ไม่ได้คุยกับใคร
แล้วไปหาข้างบ้าน บอกขอเบอร์วินหน่อย เพื่อนบ้านมาเล่าทีหลังและบอกว่า หนูงงๆปกติแม่พี่จะเรียกวินเองตลอด แต่วันนั้นบอกหาเบอร์ไม่เจอ เราก็ไปเที่ยวไม่มีคนอยู่บ้าน ไม่สบาย จะไปหาหมอ ก่อนนี้แม่เราสั่งยาทาง ปณ เราบอกว่าให้ไปหาหมอจะพาไป ไม่ยอมไป
เรื่องที่ติดอยู่ในใจเราเลย คือแต่ก่อนบ้านเราอยู่ริมคลอง โดนไล่ที่ แล้วเค้ามีที่ใหม่ให้เราผ่อน แม่มาบอกให้เราผ่อนให้ โดยใช้ชื่อกู้ร่วมกับแม่ เพราะแม่เป็นเจ้าบ้าน แต่แม่อายุเกินที่จะผ่อนคนเดียว
แต่เงินที่ผ่อน เงินเราทั้งหมด เราต้องขับรถไปจ่ายที่สำนักงานทุกเดือน เพราะไม่มีให้โอน
ผ่อนไปปีกว่า อยู่ๆ เราโดนตัดชื่อออก แม่บอกว่าเราจะเอาบ้านไปขาย ซึ่งทางนั้นก็เชื่อ เราโกรธมาก ไม่มีใครเชื่อเราเพราะเราเป็นคนพูดแรง แต่แม่เราทำตัวน่าสงสาร สุดท้าย แม่เราเอาบ้านหลังนั้นไปขายในราคาถูกกว่าที่เราผ่อน ใช้เงินจนหมด เราไม่คุยกับแม่เป็นปี
แต่สุดท้ายก็มาคุย เพราะเราทำใจให้ลืม คิดว่ายังไงก็แม่
เราเครียดทุกวัน จนจิตใจเราเหมือนคนบ้า รู้สึกเกลียดแม่ตัวเอง ไม่อยากอยู่ร่วมด้วย แต่พยายามเงียบ แต่ในใจจะเป็นบ้าแล้ว ใครมีคำแนะนำอะไรมั้ยคะ