ผลแลปตรวจเลือดจากรพ.ขายคอร์สดูแลสุขภาพนี่เชื่อได้มากน้อยแค่ไหนคะ

วันนี้โดนเชิญไปที่นึงค่ะ 

ว่าเราเป็น VIP 

เชิญไปนั่งคุยกะจนท. รพ. ตัวต่อตัว 

ซึ่งมีการซักถามปากเปล่าเรื่องสุขภาพเรา นอนไม่หลับ ปวดหัว อ่อนเพลีย ฯลฯ 

เสร็จพาเราเจาะเลือด แค่ปลายนิ้วค่ะ 

แล้วสแกนอะไรเค้าสักอย่าง บอกเลือดเรา มีค่าอะไรตกผลึก ค่าตับ ค่าไต คือ แย่หมด 

และถามเราอยากดูแลสุขภาพมั๊ย 
ค่าคอร์สราคาในวันนี้คือ (เหยียบแสน) เป็นการฉีดวิตามินเข้าเส้นเลือดนัดเดือนละสองครั้ง ยี่สิบรอบ 

โน้มน้าวเราให้รูดบัตร เดี๋ยวนั้นเลย 

เราขอเอกสารผลแลป ไม่ให้ ถ่ายไว้ดูก็ไม่ให้ ถามมีโบชัวร์มั๊ย ไม่มี 

โชคดีเพื่อนโทรเข้าเราเลยขอตัวกลับว่าติดธุระ แต่เซลล์ (ตอนแรกนึกว่าหมอ หรือให้หมอเป็นเซลล์ด้วยไม่รู้) ก็พูดบอกว่าจะไม่ได้ราคานี้ถ้ามาเอง ราคานี้สำหรับ VIP เท่านั้น 

คือ แปลกค่ะ ผลเลือดที่ออกมาคือ ตามจริง หรือเค้าออกผลไปทางลบ เกินจริง เพื่อให้เรารู้สึกแย่ต้องรีบซื้อคอร์สเค้าคะ 

ยังงงๆ อยู่เลยค่ะ เล่าเพื่อนบอก มันเชื่อได้จริงเหรอ แค่จะขายรึเปล่า 

ประมาณนี้

เชื่อถือได้ป้ะคะ? 

ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นค่ะ 💛💎💛
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
น่าจะมาแนวคล้ายๆมุก Chelation สมัยก่อน เจาะเลือดไปนิดเดียวแล้วเอาภาพส่องกล้องมาให้ดู (ของใครก็ไม่รู้) ว่านี่นะคุณมีโลหะหนัก มีนู่นมีนี่ปนเปื้อนเห็นไหมเนี่ยเลือดไหลช้า ไหลไม่สะดวก ต้องมาเข้าคอร์สกับทางเราทำ Chelation (การทำ Chelation เป็นกระบวนการที่อยู่จริง ใช้เพื่อรักษาพิษจากโลหะ(หนัก)ต่างๆเช่น ปรอท ตะกั่ว หรือ แม้แต่ธาตุเหล็ก แต่ต้องทำเป็นกิจลักษณะใน รพ. เพราะเป็นเรื่องซีเรียสไม่ใช่นึกจะทำก็ทำ และต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ไม่ใช่มานั่งเปิดบูธ หรือ คลินิกความงามทำกันแบบนี้)

ปล.เคสคุณ จขกท. แค่ได้ยินคำว่าฉีดวิตามินเข้าเส้นเลือด ถ้าเป็นผม ผมจะด่าให้ ไปเรียกเจ้าของมาคุย(ด่า)เดี๋ยวนี้ การให้ทางวิตามิน และ เกลือแร่เส้นเลือดต้องเป็นวิธีสุดท้ายในกรณีที่ให้ทางอื่นไม่ได้แล้ว ยิ่งถ้าพวกวิตามินที่ละลายในไขมัน (A/E/D/K) พวกนี้ถ้ามากเกินไปมันสามารถสะสมจนเป็นพิษได้ ดังนั้นต้องมีการคำนวนโดสและเว้นระยะห่างของแต่ละโดสอย่างเหมาะสม ส่วนพวกละลายในน้ำ B/C มันเหมือนคุณเอาเงินไปละลายแม่น้ำเลยนะ เพราะพวกนี้ เกิน >> ขับออก เกิน >> ขับออก

ปล.2 จิตวิทยาการขายล้วนๆครับ พูดให้เรากลัว จะได้รีบๆตัดสินใจ เพราะจุดนี้หลายๆคนจะลังเลเชื่อดี ไม่เชื่อดี จึงต้องอาศัยจุดนี้แหละรีบปิดการขาย เพราะถ้าปล่อยไว้เฉยๆ หลายคนจะลังเลขอกลับไปคิด/คิดว่าไปพบแพทย์ที่ รพ. มั่นใจได้มากกว่า ไม่จกตาแน่ๆ/แพงอ่ะ ขอหาข้อมูลก่อน ทำให้เค้าปิดการขายไม่ได้ หรือ ได้ยาก แล้วเค้าดำรงชีพด้วยค่าคอมเป็นหลัก เลยต้องเน้นขายให้ได้ หลายคนปฏิเสธโดนล้อมถึงขนาดไม่ให้ออกจากบูธก็มี หลายคนพอขายคอร์สไม่ได้ก็ชักสีหน้า (ไม่แปลกหรอก็อดค่าคอมก้อนโตนี่ แต่ถึงยังไงก็ไม่ควรทำกิริยาแบบนี้ต่อหน้าลูกค้า) ถ้าคุณ จขกท. ยอมนะเชื่อเลยจะมีคอร์สทรีทเม้นงอกออกมาเรื่อยๆจนกว่าบัตรคุณจะเต็มวงเงินนั่นแหละ เพราะเป็นโอกาสทองสำหรับเค้าเลยที่จะใช้โกยค่าคอมฯรัวๆ (หลายปีก่อนก็มีข่าวเด็ก 17 โดยหลอกเข้าบูธเสริมความงามจนหมดตัว) ส่วนเรื่องไม่ให้ดู ไม่ให้เก็บผลก็ตามที่คุณ คห.1 อธิบายไว้ เพราะ ถ้าผู้ป่วยเกิดถือผลอันนี้ไปหา Second Opinion แล้วจับได้ว่าเป็นผลที่มั่วขึ้นมา จบเลยนะ เพราะมันไม่ใช่แค่หลอกคุณไม่ได้ น่าจะหลอกใครไม่ได้อีกเลย เพราะไม่ตัวแพทย์ที่ รพ. หรือ ผู้ป่วยเอง จะเอาไปประกาศเตือนภัยต่อๆกันไป ถ้าซวยก็อาจจะโดน สธ. แพทยสภา หรือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงนี่ถ้าโชคดี อาจแค่โดนพักใช้ หรือ ริบใบอนุญาต แต่ถ้าซวยขั้นสุดเผลอๆจะได้เข้าซังเตด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่