‘โรม’ ไม่ขอบคุณยุบพรรค ชี้ไม่ใช่เรื่องตลก วอนหยุดเล่นเกมการเมือง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4747654
’โรม’ บอกไม่ใช่เรื่องตลกปมยุบพรรคก้าวไกล สังคมที่เจริญแล้วไม่มีใครยอมรับได้ วอนหยุดใช้นิติสงครามเป็นเรื่องปกติ
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 21 สิงหาคม ที่รัฐสภา นาย
รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีที่นาย
อุดม สิทธิวิรัชธรรม ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวในการบรรยายสัมมนาทางวิชาการที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีต่อกรณียุบพรรคก้าวไกล ว่า การยุบพรรคการเมืองใน พ.ศ.นี้ไม่มีสังคมไหนยอมรับโดยเฉพาะสังคมที่เจริญแล้ว พวกเรานักการเมืองเวลาไปพูดคุยกับพรรคการเมืองในต่างประเทศ ทั้งประเทศที่เป็นต้นแบบประชาธิปไตยและประเทศที่อยู่ระหว่างการพัฒนาประชาธิปไตย ทุกคนล้วนแปลกใจกับการยุบพรรคก้าวไกล ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก แต่ก่อนหน้านี้มีพรรคการเมืองจำนวนมากถูกยุบ เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ ยืนยันว่านโยบายของพรรคก้าวไกล การเข้าชื่อเสนอกฎหมายของพรรคก้าวไกลเป็นเรื่องที่ทำได้
“
เมื่อการยุบพรรคเกิดขึ้นแล้ว ประชาชนที่มีความเห็นใจได้ไปสมัครสมาชิกพรรคประชาชนจำนวนมาก หลายคนบริจาคเงิน ซึ่งเป็นดำเนินการโดยภาคประชาชนที่เขารู้สึกว่าพรรคการเมืองนี้เขาเป็นเจ้าของ อยากผลักดันให้พรรคการเมืองนี้สามารถกลับมาตั้งหลักทำหน้าที่ในสภาอย่างเต็มภาคภูมิ ในฐานะผู้แทนของประชาชนโดยเร็วที่สุด” นาย
รังสิมันต์กล่าว
นาย
รังสิมันต์กล่าวต่อว่า เมื่อเทียบกับความเสียหายของการยุบพรรคมันมีมากกว่าเยอะ แต่ประชาชนทำในสิ่งที่พอจะทำได้ในการสนับสนุนพรรค ไม่ใช่เรื่องตลกหรือเรื่องที่สามารถเอามาพูดเล่นได้ว่าการยุบพรรคประชาชนทำให้มีรายได้ 20 ล้านบาท ทำให้นักการเมืองที่มีคุณภาพที่น่าจะเป็นอนาคตของประเทศถูกตัดสิทธิทางการเมือง ส.ส.บัญชีรายชื่อถูกตัดสิทธิทำให้เราต้องแสวงหาสมาชิกใหม่ ไม่ใช่เพียงความเสียหายของพรรคก้าวไกลเท่านั้น แต่เป็นความเสียหายของประชาชนที่อยากเห็นการเมืองที่ต่อสู้ด้วยนโยบายและต่อสู้ทางความคิด การใช้กฎหมายยุบพรรคเป็นสิ่งที่ควรหมดไปได้แล้ว
นาย
รังสิมันต์กล่าวว่า ตนรู้สึกตกใจกับความคิดของคนสั่งการให้มีการยุบพรรค ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเลย ทีเล่นทีจริง ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้น เข้าใจว่าท่านจบนิติศาสตร์ มีความเข้าใจความรู้ทางกฎหมาย ปกติศาลควรจะตัดสินคดีที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ตนเองเป็นกลาง ไม่ใช่เอาตนเองไปเป็นส่วนหนึ่งของคดีที่ตัดสิน ซึ่งจะทำให้เกิดคำถามว่าการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญตั้งบนความเป็นกลางจริงหรือไม่ ตั้งอยู่บนพยานหลักฐานหรือไม่ ตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ทำให้พรรคก้าวไกลมีโอกาสในการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่หรือไม่ สุดท้ายการตัดสินคดีนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานการเป็นศัตรูกับพรรคก้าวไกลใช่หรือไม่ หากเป็นเช่นนั้น ระบบกฎหมายจะมีปัญหา ทำลายความศรัทธาของพี่น้องประชาชนมากยิ่งขึ้น
สำหรับผลกระทบ ประชาชนจะตั้งคำถามถึงการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ โดยสิ่งที่นักกฎหมายกลัวมากที่สุดคือ การตัดสินแล้วไม่จบ นำไปสู่ความไม่เชื่อมั่นทางการเมือง ทำให้การเมืองขาดเสถียรภาพเหมือนประเทศที่ไร้วิญญาณ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจการพัฒนาประเทศให้เติบโตแทบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะนักลงทุนไม่อยากมาลงทุน ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทำลายเสถียรภาพทางการเมืองของประเทศชาติ คือ ผู้ที่ต้องรับผิดชอบกับความเสียหายที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้
นาย
รังสิมันต์กล่าวอีกว่า ขณะที่ความเสียหายที่ลามไปตัวบุคคล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่เป็นอาจารย์ นิสิตพยายามกดดันเข้าชื่อขอถอดถอนจากการเป็นอาจารย์ สิ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินเกี่ยวพันกับการเมือง ไม่ใช่แค่เรื่องทางกฎหมาย ไม่เหมือนกับศาลยุติธรรมทั่วไปที่ตัดสินเป็นรายกรณี การตัดสินยุบพรรคก้าวไกลมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ประชาชนจำนวนมากมองว่าพรรคก้าวไกลไม่ควรถูกยุบ การเสนอประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เคยมีการแก้ไขมาก่อน และไม่มีกฎหมายใดที่ระบุว่าห้ามแก้ หากมีกฎหมายกำหนดไว้แล้วพรรคก้าวไกลไปฝ่าฝืนจะถือเป็นอีกกรณี
คนจำนวนมากมีคำถามว่า การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญเป็นการตัดสินที่ชอบด้วยกฎหมายจริงหรือไม่ ตั้งอยู่บนหลักพื้นฐานของประชาธิปไตยหรือไม่ ตั้งอยู่บนพื้นฐานที่เคารพเจตจำนงของประชาชนหรือไม่ โดยคำตัดสินของศาลธรรมนูญที่มีมติเสียงข้างมาก 9:0 หากเทียบเคียงกับกรณีอื่นยากที่จะหาฉันทามติเช่นนี้ เพราะกรณีนี้ไม่มีความเห็นเสียงข้างน้อยเลย สังคมคิดไม่เหมือนกัน มีประชาชนกลุ่มหนึ่งที่อยากจะทำอะไรในสิ่งที่ทำได้เป็นภาพสะท้อนของนิสิตนักศึกษาเข้าชื่อรณรงค์ถอดถอนอาจารย์
“
อาจารย์อุดม ตัดสินใจออกจากการเป็นอาจารย์พิเศษด้วยตนเอง ผมก็เคยเรียนกับอาจารย์” นาย
รังสิมันต์กล่าว
ส่วนกรณีที่นาย
อุดมพูดว่าต้องขอบคุณตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในการยุบพรรคนั้น นาย
รังสิมันต์กล่าวว่า เราขอบคุณไม่ได้ ขอให้คุยกันแบบจริงจัง การพูดประโยคแบบเยาะเย้ยถากถาง ไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานการเคารพอำนาจประชาชน เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายในสังคมต้องให้ความสำคัญ องค์กรอะไรก็แล้วแต่ตามรัฐธรรมนูญจะต้องเคารพอำนาจของประชาชน เพราะอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน อย่างน้อยต้องมีความเคารพกันบ้าง
“
ส่วนตัวเข้าใจเรื่องเกมการเมือง ความพยายามทำลายพรรคก้าวไกลจากฝ่ายต่างๆ จะชอบหรือไม่ชอบพรรคก้าวไกล แต่ช่วยเคารพอำนาจของประชาชนบ้าง อย่าให้การใช้นิติสงครามเป็นเรื่องปกติในสังคม” นาย
รังสิมันต์กล่าว.
‘วิโรจน์’ แนะ ‘อุดม’ อ่านจริยธรรมตุลาการ หลังพูดติดตลก พรรคประชาชน ควรขอบคุณศาลฯ
https://ch3plus.com/news/political/ch3onlinenews/413635
นาย
วิโรจน์ ลักขณาอดิสร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีมีการแชร์คลิปของนายอุดม สิทธิวิรัชธรรม ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดติดตลก
ในการบรรยายในงานเสวนาที่จ.สุราษฎร์ธานี เกี่ยวกับการ ยุบพรรคก้าวไกล จนทำให้มีประชาชนจำนวนไม่น้อยวิพากษ์วิจารณ์ ถึงกาลเทศะ ตลอดจนพฤติกรรมที่ดูเหมือนจะขาดวุฒิภาวะของคุณ
อุดม
ตนคิดว่า นาย
อุดม อาจจะขาดความตระหนักว่า ไปร่วมงานเสวนาในฐานะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จึงพูดออกมาตามที่คิดอยู่ในใจ โดยไม่ระมัดระวัง จนทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัย ว่าการปฏิบัติหน้าที่ของคุณอุดมนั้นมีอคติหรือไม่ ขออนุญาตแนะนำให้ นาย
อุดมไปอ่านมาตรฐานจริยธรรมของตุลาการ เชื่อว่าหลังจากที่ได้อ่าน ด้วยอายุของนาย
อุดม น่าจะปรับปรุงตัวเองได้ไม่ยากนัก
ตนเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าหากคุณ
อุดม ตลอดจนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านอื่น ได้มาดูคลิปการพูดของคุณ
อุดม ผมเชื่อว่าหลานท่านก็น่าจะไม่เห็นด้วย กับสิ่งที่คุณ
อุดมพูดเช่นกันหวังเป็นอย่างยิ่งว่า คุณ
อุดมจะปรับปรุงการพูด และการให้ความคิดเห็นให้มีวุฒิภาวะที่เพิ่มขึ้นในครั้งถัดๆ ไป
ศิริกัญญา ไม่แปลกใจ รบ.เลือกแจกกลุ่มเปราะบาง ยันเห็นด้วย กระตุ้นศก.ระยะสั้น ดีกว่าต้องรอข้ามป
https://www.matichon.co.th/politics/news_4747537
‘ฝ่ายค้าน’ จี้ ‘แพทองธาร’ รีบแถลงนโยบาย หวัง ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ เกิดความชัดเจน บอก เห็นด้วยเลือกกลุ่มเปราะบาง กระตุ้น ศก.ระยะสั้นได้ ชวน จับตาวันนี้ กมธ.งบ 68 โหวตเปลี่ยนแปลงงบ 3.5 หมื่นล้าน เข้าโครงการเติมเงินหมื่น
เมื่อเวลา 14.05 น.วันที่ 21 สิงหาคม ที่รัฐสภา น.ส.
ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าจะเปลี่ยนเกณฑ์การแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต เป็นการเติมเงินสดลงในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ว่า ต้องให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ใหม่คอนเฟิร์ม ผ่านการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา แต่ทางออกทางนี้ก็เป็นทางออกที่เราได้มีการพูดกันมาสักพักหนึ่งแล้ว ในการที่จะต้องใช้เงินจากงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2567 ซึ่งไม่สามารถใช้ข้ามปีได้ ภายใน 30 กันยายน ฉะนั้น ทางออกที่จะต้องแจกให้กับกลุ่มเปราะบางก่อน โดยใช้งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2567 คือการจ่ายเป็นเงินสดจะเป็นทางออกเดียวที่จะสามารถใช้งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมกับงบประมาณประจำปีบางส่วนได้ จึงเป็นเรื่องที่ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่รัฐบาลจะมีตัวเลือกนี้อยู่ในมือ ซึ่งเป็นเรื่องที่เราพอคาดเดาได้
เมื่อถามว่า เมื่อนำไปแจกเช่นนี้แล้วคิดว่าสุ่มเสี่ยง หรือจะกระตุ้นได้จริงหรือไม่ น.ส.
ศิริกัญญากล่าวว่า หากเม็ดเงินที่ใส่ในระบบน้อยลง ผลของการกระตุ้นก็อาจจะน้อยลงตามไปด้วยและสำหรับกลุ่มเปราะบางจะมีผลใช้จ่ายมากกว่าคนที่มีรายได้มากอยู่แล้ว เพราะได้เท่าไหร่ใช้จนหมด ในขณะที่คนที่มีรายได้มากอาจจะใช้บางส่วนและเก็บบางส่วน ฉะนั้น ก็จะมีผลต่อการกระทบเศรษฐกิจ 1 บาทสูงกว่าในกรณีที่จ่ายทุกคน รวมถึงจ่ายคนรวยด้วย แต่วงเงินที่น้อยลงก็อาจจะทำให้ผลต่อเศรษฐกิจน้อยลงด้วย แต่ทั้งนี้ ก็ยังไม่ทราบว่าสุดท้ายแล้วเงินงบประมาณปี 68 จะถูกนำมาใช้สำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตในรูปแบบใด
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า หากวงเงินน้อยลงก็จะไม่ส่งผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจเท่าที่ควรใช้หรือไม่ น.ส.
ศิริกัญญากล่าวว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจยังต้องรอดูก่อน แต่สิ่งหนึ่งที่เราเห็นด้วยคือจำเป็นที่จะต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจ หากต้องรอดูจนถึงไตรมาส 4 หรือรอไปถึงไตรมาส 1 ของปีถัดไป ในกรณีที่ไม่สามารทำให้ระบบการชำระเงินแล้วเสร็จได้ก็อาจจะทำให้ช้าเกินควร ฉะนั้น การเลือกจ่ายเฉพาะกลุ่มเปราะบางก่อน จะทำให้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นได้ ณ วันนี้โดยที่ไม่ต้องรอ
เมื่อถามว่า หากกลับมาจ่ายเงินสดถือว่าฟุ่มเฟือยหรือไม่ เพราะมีการทำแอพพ์ทางรัฐแล้ว น.ส.
ศิริกัญญากล่าวว่า แอพพ์ที่ทำมาใหม่ ระบบการชำระเงินต่างๆ แน่นอนว่าทำเพื่อรองรับสำหรับ 50 ล้านคนที่มีสิทธิจะได้เงินตามเกณฑ์ดิจิทัลวอลเล็ต แต่หากเหตุผลและความจำเป็นของแหล่งที่มาของเงินไปทางนั้นไม่ได้ ก็ต้องยอมรับและหาทางออกเรื่องนี้ และแอพพ์ทางรัฐก็ยังใช้ได้หลายวาระจะไม่สูญเปล่า แต่เรื่องของการชำระเงินนั้นต้องรอให้ทาง ครม.ใหม่มายืนยันว่าจะยังคงใช้ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่ อย่างไร
“
ตอนนี้ความไม่แน่นอนมีอยู่สูงมากสำหรับโครงการนี้ ซึ่งไม่ได้มีเฉพาะเรื่องของการแจกเงินสดให้กับกลุ่มเปราะบางเท่านั้น แต่วันนี้คณะกรรมมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 กำลังจะมีการลงมติ เพื่อเปลี่ยนแปลงงบประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท เพื่อไปใส่ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต โดยการที่จะไปตัดลดงบประมาณที่ใช้ชำระหนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน เอ็กซิมแบงค์ และธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) หากยังจำกันได้เขาบอกว่าจะบริหารจัดการงบปี 68 อีก 1.32 แสนล้านบาท ก็จะมาจากตรงนี้ด้วย แม้จะยังไม่ครบตามจำนวน 1.32 แสนล้านบาท แต่เราก็ไม่เห็นด้วย ที่จะไปตัดลบงบชำระหนี้ของธนาคารรัฐ เพราะเงินจำนวนนี้เป็นเงินที่ต้องชำระหนี้วาระแรกตามมาตรา 28 ของ พ.ร.บ.วินัยการเงิน การคลัง และเราก็ติดหนี้ธนาคารรัฐมาอย่างยาวนาน บางโครงการก็ยังไม่มีการใช้หนี้ แต่มาวันนี้จะมีการปรับลดงบที่จะใช้ชำระหนี้” น.ส.
ศิริกัญญากล่าว
นาย
วรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวเสริมถึงกรณีการตัดลดงบสุ่มเสี่ยงจะผิดกฎหมายหรือไม่ว่า ตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังเมื่อรัฐบาลสั่งให้ธนาคารแห่งรัฐไปดำเนินนโยบายจนเสร็จสิ้นแล้ว จะต้องมีการตั้งชำระหนี้คืน ที่ผ่านมาทุกรัฐบาลก็ไม่ได้ดำเนินการอย่างเคร่งครัดตามเจตนารมณ์ แต่วันนี้อยู่ๆ จะมาเปลี่ยนแปลงจำนวน 30,000 กว่าล้านบาท เพื่อนำมาใส่ในงบกลาง ที่ยังไม่มีมติคณะรัฐมนตรีด้วยซ้ำ รวมถึงความชัดเจนและนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ จึงคิดว่ามีความเสี่ยงที่จะขัดต่อวินัยการเงินการคลัง และจะขอความเห็นใน กมธ.งบฯ วันนี้เพื่อความชัดเจน เพราะหากปล่อยไป อาจทำให้กฎหมายวินัยการเงินการคลังไม่มีความหมายอีกต่อไป
JJNY : 5in1 ‘โรม’ ชี้ไม่ใช่เรื่องตลก│‘วิโรจน์’แนะ‘อุดม’│ศิริกัญญาไม่แปลกใจ│เตือน“ทักษิณ”│อาร์เจนตินาสั่งกักตัวคนบนเรือ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4747654
’โรม’ บอกไม่ใช่เรื่องตลกปมยุบพรรคก้าวไกล สังคมที่เจริญแล้วไม่มีใครยอมรับได้ วอนหยุดใช้นิติสงครามเป็นเรื่องปกติ
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 21 สิงหาคม ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีที่นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวในการบรรยายสัมมนาทางวิชาการที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีต่อกรณียุบพรรคก้าวไกล ว่า การยุบพรรคการเมืองใน พ.ศ.นี้ไม่มีสังคมไหนยอมรับโดยเฉพาะสังคมที่เจริญแล้ว พวกเรานักการเมืองเวลาไปพูดคุยกับพรรคการเมืองในต่างประเทศ ทั้งประเทศที่เป็นต้นแบบประชาธิปไตยและประเทศที่อยู่ระหว่างการพัฒนาประชาธิปไตย ทุกคนล้วนแปลกใจกับการยุบพรรคก้าวไกล ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก แต่ก่อนหน้านี้มีพรรคการเมืองจำนวนมากถูกยุบ เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ ยืนยันว่านโยบายของพรรคก้าวไกล การเข้าชื่อเสนอกฎหมายของพรรคก้าวไกลเป็นเรื่องที่ทำได้
“เมื่อการยุบพรรคเกิดขึ้นแล้ว ประชาชนที่มีความเห็นใจได้ไปสมัครสมาชิกพรรคประชาชนจำนวนมาก หลายคนบริจาคเงิน ซึ่งเป็นดำเนินการโดยภาคประชาชนที่เขารู้สึกว่าพรรคการเมืองนี้เขาเป็นเจ้าของ อยากผลักดันให้พรรคการเมืองนี้สามารถกลับมาตั้งหลักทำหน้าที่ในสภาอย่างเต็มภาคภูมิ ในฐานะผู้แทนของประชาชนโดยเร็วที่สุด” นายรังสิมันต์กล่าว
นายรังสิมันต์กล่าวต่อว่า เมื่อเทียบกับความเสียหายของการยุบพรรคมันมีมากกว่าเยอะ แต่ประชาชนทำในสิ่งที่พอจะทำได้ในการสนับสนุนพรรค ไม่ใช่เรื่องตลกหรือเรื่องที่สามารถเอามาพูดเล่นได้ว่าการยุบพรรคประชาชนทำให้มีรายได้ 20 ล้านบาท ทำให้นักการเมืองที่มีคุณภาพที่น่าจะเป็นอนาคตของประเทศถูกตัดสิทธิทางการเมือง ส.ส.บัญชีรายชื่อถูกตัดสิทธิทำให้เราต้องแสวงหาสมาชิกใหม่ ไม่ใช่เพียงความเสียหายของพรรคก้าวไกลเท่านั้น แต่เป็นความเสียหายของประชาชนที่อยากเห็นการเมืองที่ต่อสู้ด้วยนโยบายและต่อสู้ทางความคิด การใช้กฎหมายยุบพรรคเป็นสิ่งที่ควรหมดไปได้แล้ว
นายรังสิมันต์กล่าวว่า ตนรู้สึกตกใจกับความคิดของคนสั่งการให้มีการยุบพรรค ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเลย ทีเล่นทีจริง ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้น เข้าใจว่าท่านจบนิติศาสตร์ มีความเข้าใจความรู้ทางกฎหมาย ปกติศาลควรจะตัดสินคดีที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ตนเองเป็นกลาง ไม่ใช่เอาตนเองไปเป็นส่วนหนึ่งของคดีที่ตัดสิน ซึ่งจะทำให้เกิดคำถามว่าการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญตั้งบนความเป็นกลางจริงหรือไม่ ตั้งอยู่บนพยานหลักฐานหรือไม่ ตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ทำให้พรรคก้าวไกลมีโอกาสในการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่หรือไม่ สุดท้ายการตัดสินคดีนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานการเป็นศัตรูกับพรรคก้าวไกลใช่หรือไม่ หากเป็นเช่นนั้น ระบบกฎหมายจะมีปัญหา ทำลายความศรัทธาของพี่น้องประชาชนมากยิ่งขึ้น
สำหรับผลกระทบ ประชาชนจะตั้งคำถามถึงการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ โดยสิ่งที่นักกฎหมายกลัวมากที่สุดคือ การตัดสินแล้วไม่จบ นำไปสู่ความไม่เชื่อมั่นทางการเมือง ทำให้การเมืองขาดเสถียรภาพเหมือนประเทศที่ไร้วิญญาณ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจการพัฒนาประเทศให้เติบโตแทบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะนักลงทุนไม่อยากมาลงทุน ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทำลายเสถียรภาพทางการเมืองของประเทศชาติ คือ ผู้ที่ต้องรับผิดชอบกับความเสียหายที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้
นายรังสิมันต์กล่าวอีกว่า ขณะที่ความเสียหายที่ลามไปตัวบุคคล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่เป็นอาจารย์ นิสิตพยายามกดดันเข้าชื่อขอถอดถอนจากการเป็นอาจารย์ สิ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินเกี่ยวพันกับการเมือง ไม่ใช่แค่เรื่องทางกฎหมาย ไม่เหมือนกับศาลยุติธรรมทั่วไปที่ตัดสินเป็นรายกรณี การตัดสินยุบพรรคก้าวไกลมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ประชาชนจำนวนมากมองว่าพรรคก้าวไกลไม่ควรถูกยุบ การเสนอประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เคยมีการแก้ไขมาก่อน และไม่มีกฎหมายใดที่ระบุว่าห้ามแก้ หากมีกฎหมายกำหนดไว้แล้วพรรคก้าวไกลไปฝ่าฝืนจะถือเป็นอีกกรณี
คนจำนวนมากมีคำถามว่า การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญเป็นการตัดสินที่ชอบด้วยกฎหมายจริงหรือไม่ ตั้งอยู่บนหลักพื้นฐานของประชาธิปไตยหรือไม่ ตั้งอยู่บนพื้นฐานที่เคารพเจตจำนงของประชาชนหรือไม่ โดยคำตัดสินของศาลธรรมนูญที่มีมติเสียงข้างมาก 9:0 หากเทียบเคียงกับกรณีอื่นยากที่จะหาฉันทามติเช่นนี้ เพราะกรณีนี้ไม่มีความเห็นเสียงข้างน้อยเลย สังคมคิดไม่เหมือนกัน มีประชาชนกลุ่มหนึ่งที่อยากจะทำอะไรในสิ่งที่ทำได้เป็นภาพสะท้อนของนิสิตนักศึกษาเข้าชื่อรณรงค์ถอดถอนอาจารย์
“อาจารย์อุดม ตัดสินใจออกจากการเป็นอาจารย์พิเศษด้วยตนเอง ผมก็เคยเรียนกับอาจารย์” นายรังสิมันต์กล่าว
ส่วนกรณีที่นายอุดมพูดว่าต้องขอบคุณตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในการยุบพรรคนั้น นายรังสิมันต์กล่าวว่า เราขอบคุณไม่ได้ ขอให้คุยกันแบบจริงจัง การพูดประโยคแบบเยาะเย้ยถากถาง ไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานการเคารพอำนาจประชาชน เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายในสังคมต้องให้ความสำคัญ องค์กรอะไรก็แล้วแต่ตามรัฐธรรมนูญจะต้องเคารพอำนาจของประชาชน เพราะอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน อย่างน้อยต้องมีความเคารพกันบ้าง
“ส่วนตัวเข้าใจเรื่องเกมการเมือง ความพยายามทำลายพรรคก้าวไกลจากฝ่ายต่างๆ จะชอบหรือไม่ชอบพรรคก้าวไกล แต่ช่วยเคารพอำนาจของประชาชนบ้าง อย่าให้การใช้นิติสงครามเป็นเรื่องปกติในสังคม” นายรังสิมันต์กล่าว.
‘วิโรจน์’ แนะ ‘อุดม’ อ่านจริยธรรมตุลาการ หลังพูดติดตลก พรรคประชาชน ควรขอบคุณศาลฯ
https://ch3plus.com/news/political/ch3onlinenews/413635
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิสร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีมีการแชร์คลิปของนายอุดม สิทธิวิรัชธรรม ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดติดตลก
ในการบรรยายในงานเสวนาที่จ.สุราษฎร์ธานี เกี่ยวกับการ ยุบพรรคก้าวไกล จนทำให้มีประชาชนจำนวนไม่น้อยวิพากษ์วิจารณ์ ถึงกาลเทศะ ตลอดจนพฤติกรรมที่ดูเหมือนจะขาดวุฒิภาวะของคุณอุดม
ตนคิดว่า นายอุดม อาจจะขาดความตระหนักว่า ไปร่วมงานเสวนาในฐานะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จึงพูดออกมาตามที่คิดอยู่ในใจ โดยไม่ระมัดระวัง จนทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัย ว่าการปฏิบัติหน้าที่ของคุณอุดมนั้นมีอคติหรือไม่ ขออนุญาตแนะนำให้ นายอุดมไปอ่านมาตรฐานจริยธรรมของตุลาการ เชื่อว่าหลังจากที่ได้อ่าน ด้วยอายุของนายอุดม น่าจะปรับปรุงตัวเองได้ไม่ยากนัก
ตนเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าหากคุณอุดม ตลอดจนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านอื่น ได้มาดูคลิปการพูดของคุณอุดม ผมเชื่อว่าหลานท่านก็น่าจะไม่เห็นด้วย กับสิ่งที่คุณอุดมพูดเช่นกันหวังเป็นอย่างยิ่งว่า คุณอุดมจะปรับปรุงการพูด และการให้ความคิดเห็นให้มีวุฒิภาวะที่เพิ่มขึ้นในครั้งถัดๆ ไป
ศิริกัญญา ไม่แปลกใจ รบ.เลือกแจกกลุ่มเปราะบาง ยันเห็นด้วย กระตุ้นศก.ระยะสั้น ดีกว่าต้องรอข้ามป
https://www.matichon.co.th/politics/news_4747537
‘ฝ่ายค้าน’ จี้ ‘แพทองธาร’ รีบแถลงนโยบาย หวัง ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ เกิดความชัดเจน บอก เห็นด้วยเลือกกลุ่มเปราะบาง กระตุ้น ศก.ระยะสั้นได้ ชวน จับตาวันนี้ กมธ.งบ 68 โหวตเปลี่ยนแปลงงบ 3.5 หมื่นล้าน เข้าโครงการเติมเงินหมื่น
เมื่อเวลา 14.05 น.วันที่ 21 สิงหาคม ที่รัฐสภา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าจะเปลี่ยนเกณฑ์การแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต เป็นการเติมเงินสดลงในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ว่า ต้องให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ใหม่คอนเฟิร์ม ผ่านการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา แต่ทางออกทางนี้ก็เป็นทางออกที่เราได้มีการพูดกันมาสักพักหนึ่งแล้ว ในการที่จะต้องใช้เงินจากงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2567 ซึ่งไม่สามารถใช้ข้ามปีได้ ภายใน 30 กันยายน ฉะนั้น ทางออกที่จะต้องแจกให้กับกลุ่มเปราะบางก่อน โดยใช้งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2567 คือการจ่ายเป็นเงินสดจะเป็นทางออกเดียวที่จะสามารถใช้งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมกับงบประมาณประจำปีบางส่วนได้ จึงเป็นเรื่องที่ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่รัฐบาลจะมีตัวเลือกนี้อยู่ในมือ ซึ่งเป็นเรื่องที่เราพอคาดเดาได้
เมื่อถามว่า เมื่อนำไปแจกเช่นนี้แล้วคิดว่าสุ่มเสี่ยง หรือจะกระตุ้นได้จริงหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า หากเม็ดเงินที่ใส่ในระบบน้อยลง ผลของการกระตุ้นก็อาจจะน้อยลงตามไปด้วยและสำหรับกลุ่มเปราะบางจะมีผลใช้จ่ายมากกว่าคนที่มีรายได้มากอยู่แล้ว เพราะได้เท่าไหร่ใช้จนหมด ในขณะที่คนที่มีรายได้มากอาจจะใช้บางส่วนและเก็บบางส่วน ฉะนั้น ก็จะมีผลต่อการกระทบเศรษฐกิจ 1 บาทสูงกว่าในกรณีที่จ่ายทุกคน รวมถึงจ่ายคนรวยด้วย แต่วงเงินที่น้อยลงก็อาจจะทำให้ผลต่อเศรษฐกิจน้อยลงด้วย แต่ทั้งนี้ ก็ยังไม่ทราบว่าสุดท้ายแล้วเงินงบประมาณปี 68 จะถูกนำมาใช้สำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตในรูปแบบใด
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า หากวงเงินน้อยลงก็จะไม่ส่งผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจเท่าที่ควรใช้หรือไม่ น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจยังต้องรอดูก่อน แต่สิ่งหนึ่งที่เราเห็นด้วยคือจำเป็นที่จะต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจ หากต้องรอดูจนถึงไตรมาส 4 หรือรอไปถึงไตรมาส 1 ของปีถัดไป ในกรณีที่ไม่สามารทำให้ระบบการชำระเงินแล้วเสร็จได้ก็อาจจะทำให้ช้าเกินควร ฉะนั้น การเลือกจ่ายเฉพาะกลุ่มเปราะบางก่อน จะทำให้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นได้ ณ วันนี้โดยที่ไม่ต้องรอ
เมื่อถามว่า หากกลับมาจ่ายเงินสดถือว่าฟุ่มเฟือยหรือไม่ เพราะมีการทำแอพพ์ทางรัฐแล้ว น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า แอพพ์ที่ทำมาใหม่ ระบบการชำระเงินต่างๆ แน่นอนว่าทำเพื่อรองรับสำหรับ 50 ล้านคนที่มีสิทธิจะได้เงินตามเกณฑ์ดิจิทัลวอลเล็ต แต่หากเหตุผลและความจำเป็นของแหล่งที่มาของเงินไปทางนั้นไม่ได้ ก็ต้องยอมรับและหาทางออกเรื่องนี้ และแอพพ์ทางรัฐก็ยังใช้ได้หลายวาระจะไม่สูญเปล่า แต่เรื่องของการชำระเงินนั้นต้องรอให้ทาง ครม.ใหม่มายืนยันว่าจะยังคงใช้ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่ อย่างไร
“ตอนนี้ความไม่แน่นอนมีอยู่สูงมากสำหรับโครงการนี้ ซึ่งไม่ได้มีเฉพาะเรื่องของการแจกเงินสดให้กับกลุ่มเปราะบางเท่านั้น แต่วันนี้คณะกรรมมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 กำลังจะมีการลงมติ เพื่อเปลี่ยนแปลงงบประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท เพื่อไปใส่ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต โดยการที่จะไปตัดลดงบประมาณที่ใช้ชำระหนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน เอ็กซิมแบงค์ และธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) หากยังจำกันได้เขาบอกว่าจะบริหารจัดการงบปี 68 อีก 1.32 แสนล้านบาท ก็จะมาจากตรงนี้ด้วย แม้จะยังไม่ครบตามจำนวน 1.32 แสนล้านบาท แต่เราก็ไม่เห็นด้วย ที่จะไปตัดลบงบชำระหนี้ของธนาคารรัฐ เพราะเงินจำนวนนี้เป็นเงินที่ต้องชำระหนี้วาระแรกตามมาตรา 28 ของ พ.ร.บ.วินัยการเงิน การคลัง และเราก็ติดหนี้ธนาคารรัฐมาอย่างยาวนาน บางโครงการก็ยังไม่มีการใช้หนี้ แต่มาวันนี้จะมีการปรับลดงบที่จะใช้ชำระหนี้” น.ส.ศิริกัญญากล่าว
นายวรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวเสริมถึงกรณีการตัดลดงบสุ่มเสี่ยงจะผิดกฎหมายหรือไม่ว่า ตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังเมื่อรัฐบาลสั่งให้ธนาคารแห่งรัฐไปดำเนินนโยบายจนเสร็จสิ้นแล้ว จะต้องมีการตั้งชำระหนี้คืน ที่ผ่านมาทุกรัฐบาลก็ไม่ได้ดำเนินการอย่างเคร่งครัดตามเจตนารมณ์ แต่วันนี้อยู่ๆ จะมาเปลี่ยนแปลงจำนวน 30,000 กว่าล้านบาท เพื่อนำมาใส่ในงบกลาง ที่ยังไม่มีมติคณะรัฐมนตรีด้วยซ้ำ รวมถึงความชัดเจนและนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ จึงคิดว่ามีความเสี่ยงที่จะขัดต่อวินัยการเงินการคลัง และจะขอความเห็นใน กมธ.งบฯ วันนี้เพื่อความชัดเจน เพราะหากปล่อยไป อาจทำให้กฎหมายวินัยการเงินการคลังไม่มีความหมายอีกต่อไป