“นักบุญ โทมัส ฤาษี” หรือเรียกว่า “นักบุญ โทมัส แห่งเชนชิฟ (Saint Thomas of Shenshif) / นักบุญ โทมัส ผู้สันโดษ (Saint Thomas the Anchorite) / อับบา โทมัส(Abba Thomas)”
นักบุญ โทมัส ฤาษี เกิดในหมู่บ้านแห่งหนึ่งชื่อว่า “เชนชิฟ - Shenshif” (ทางตอนเหนือของ Ekhmim - อียิปต์ตอนบน) โดยมีบิดา-มารดาที่เคร่งศาสนา 2 คนเลี้ยงดูท่านด้วยความยำเกรงพระเจ้า พวกท่านเลี้ยงดูท่านให้เติบโตขึ้น
สอนความเลื่อมใสในพระเจ้าอย่างดีทุกประการและเลี้ยงดูเขาตามธรรมประเพณีของคริสตชน ท่านใช้ชีวิตอย่างสันติสุข รวมถึงละทิ้งความไร้สาระทางโลกกับตัณหาตั้งแต่ยังเด็ก ท่านตระหนักว่า “และโลกพร้อมกับความมัวเมาในโลกีย์ของโลกนั้นกำลังผ่านพ้นไป แต่ผู้ที่ทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า จะดำรงอยู่ตลอดนิรันดรเงื่อนไขประการที่สี่ การระมัดระวังตนจากผู้เป็นปฏิปักษ์ต่อพระคริสตเจ้า” (1 ยอห์น2:17) ดังนั้น ท่านจึงปรารถนาที่จะใช้ชีวิตในอาราม และอุทิศชีวิตด้วยการสวดภาวนาและรำพึงอยู่เสมอ
ท่านออกจากบ้านและมุ่งหน้าสู่ถิ่นทุรกันดาร ซึ่งท่านอาศัยอยู่ในถ้ำบนภูเขาShenshif ท่านใช้ชีวิตในอารามตามแบบอย่างการถือสันโดษของนักบุญอันตน ผู้ยิ่งใหญ่ (Saint Anthony the Great - Ⲁⲃⲃⲁ Ⲁⲛⲧⲱⲛⲓ - القديس أنطونيوس الكبير)
🇪🇬 การต่อสู้ทางจิตวิญญาณของท่าน
ชีวิตของท่านเป็นแบบอย่างด้านปรีชาญาณและความระมัดระวังทางจิตวิญญาณพระพรแห่งน้ำตาและพระหรรษทานแห่งการสวดภาวนาอย่างไม่หยุดหย่อนนั้นได้รับผ่านทางพระจิต ท่านอดทนในการสรรเสริญและสวดภาวนาทั้งกลางวันและกลางคืนด้วยความรักในพระนามของพระเยซูคริสตเจ้า บรรดาทูตสวรรค์และบรรดานักบุญมักจะมาเยี่ยมเยียนและให้กำลังใจท่าน ดังนั้นภูเขา Shenshif ที่ท่านอาศัยอยู่จึงได้รับการชำระให้บริสุทธิ์
แม้ว่าท่านจะหลีกเลี่ยงความสนใจและรักความสันโดษ แต่ท่านก็ไม่เคยห้ามไม่ให้บรรดาคุณพ่อคนใดพบปะกับท่านเพื่อให้ได้รับประโยชน์จากการเข้าใจทางจิตวิญญาณของท่าน
ครั้งหนึ่งท่านได้สวดภาวนาและอ่านเพลงสดุดีที่ 6 :
“ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขออย่าได้ทรงดุด่าข้าพเจ้าในยามที่ทรงพระพิโรธ อย่าได้ทรงลงโทษข้าพเจ้าด้วยความกริ้ว“ เมื่อท่านทราบว่า มีฤาษี 3 คน จากอารามของอับบาเชนูดา อธิการอารามใหญ่ (Abba Shenouda the Archimandrite - Ⲁⲃⲃⲁ Ϣⲉⲛⲟⲩϯ ⲡⲓⲁⲣⲭⲓⲙⲁⲛ'ⲇⲣⲓⲧⲏⲥ หรือเรียกว่า Saint Shenoute the Archimandrite / Shenoute the Great / Shenoute of Atripe) กำลังติดตามท่าน พวกเขากำลังสวดเพลงสดุดีที่98 : “จงร้องเพลงบทใหม่ถวายพระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ทรงกระทำสิ่งมหัศจรรย์พระองค์ทรงชัยชนะด้วยพระหัตถ์ขวา และด้วยพระพาหาศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์” เสียงของพวกเขาไพเราะราวกับทูตสวรรค์ ทำให้ท่านเปี่ยมล้นด้วยความรักต่อพระเจ้า แล้วร่วมสรรเสริญและถวายเกียรติแด่พระเจ้าด้วยความยินดีตลอดทั้งคืน
+ ท่านดำเนินชีวิตแบบฤาษีซึ่งเต็มไปด้วยความขัดแย้งทางจิตวิญญาณและความเคร่งครัดทางกาย ท่านใช้เวลากลางคืนในการตื่นเฝ้าและสวดภาวนาด้วยใจบริสุทธิ์ที่เต็มไปด้วยความรักต่อพระเจ้าของเรา พระเยซูคริสตเจ้า ดังที่บรรดาประกาศกกล่าวไว้ว่า “เมื่อนอนบนเตียง ข้าพเจ้าระลึกถึงพระองค์ ข้าพเจ้าคำนึงถึงพระองค์ทุกโมงยามตลอดคืน เพราะพระองค์ทรงเป็นความช่วยเหลือของข้าพเจ้าเสมอมา ข้าพเจ้าจึงร้องเพลงด้วยความยินดีอยู่ใต้ร่มปีกของพระองค์” (เพลงสดุดี 63)
+ ท่านอดอาหารและไม่เสพกามตัณหา ท่านจึงรับประทานทานอาหารเพียงสัปดาห์ละครั้งเท่านั้น และจำกัดการรับประทานอาหารเฉพาะสมุนไพรและพืชตระกูลถั่วเท่านั้นโดยไม่รับประทานหรือดื่มน้ำมากจนเกินไป
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การอดอาหารและสวดภาวนาของท่าน ทำให้ท่านมีพลังที่จะเอาชนะสงครามของซาตาน และพระพรในการขับไล่ปีศาจตามที่มีเขียนไว้ว่า“พระองค์ตรัสตอบว่า ปีศาจชนิดนี้ขับไล่ออกไม่ได้เลย นอกจากด้วยการอธิษฐานภาวนาเท่านั้น” (มาระโก 9:29)
🇪🇬 คุณความดีของนักบุญโทมัส ฤๅษี
+ ตั้งแต่ยังเด็ก เจตนาและความคิดของท่านได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ผ่านการสวดภาวนาและการอดอาหาร จนทำให้ใจของท่านไม่รู้จักบาปหรือบาปเบา ท่านไม่รู้จักอะไรเลย นอกจากการรักต่อพระเจ้า พระเยซูคริสตเจ้า และการสถิตอยู่ในพระองค์ “ยังมีใครอีกสำหรับข้าพเจ้าในสวรรค์ เมื่ออยู่กับพระองค์ ข้าพเจ้าไม่ปรารถนาสิ่งใดบนแผ่นดิน” (สดุดี 73:25) ความรักนี้ครอบงำใจของท่านและครอบงำชีวิตฝ่ายวิญญาณทั้งหมดของท่าน ยิ่งกว่านั้น ท่านไม่เพียงแค่ห่วงใยความรอดของตนเองเท่านั้น แต่ยังห่วงใยความรอดผู้อื่นอีกด้วย
+ ความบริสุทธิ์ของหัวใจเป็นลักษณะเด่นที่ปิตาจารย์แห่งทะเลทรายยกย่อง ความบริสุทธิ์นี้เองที่บ่งบอกถึงอาดัมในสวนเอเดนก่อนที่เขาจะล้มลง ความดีความชอบนี้เองที่บ่งบอกถึงอัครสาวก เมื่อพระเยซูคริสต์ทรงเรียกพวกเขา พวกเขาก็ละทิ้งทุกสิ่งและติดตามพระองค์
+ ความบริสุทธิ์เป็นคุณธรรมที่ทำให้ชีวิตของนักบุญโทมัสกับพระเจ้าเข้าถึงง่ายขึ้น นักบุญโทมัสถูกเปรียบเทียบกับทูตสวรรค์ ดังที่สาวกคนหนึ่งของอับบา เชนูดา อธิการอารามใหญ่ กล่าวหลังจากไปเยี่ยมนักบุญโทมัสว่า “พ่อเพิ่งกลับมาจากกรุงเยรูซาเล็มบนสวรรค์พร้อมกับพระพรมากมาย”
+ ในทำนองเดียวกัน ท่านก็ได้เรียนรู้คุณธรรมแห่งความศักดิ์สิทธิ์ซึ่งทำให้ท่านคู่ควรที่จะได้พบพระเจ้าและสนทนากับพระองค์ นักบุญเปโตร อัครสาวก กล่าวไว้ว่า “แต่จงเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ในความประพฤติทุกประการตามแบบฉบับของพระผู้ศักดิ์สิทธิ์ผู้ทรงเรียกท่าน” (1 เปโตร 1:15) ความศักดิ์สิทธิ์นี้เองที่ทำให้บุคคลสามารถเห็นพระเจ้าได้เพราะถ้าไม่มีความศักดิ์สิทธิ์นี้แล้ว ไม่มีใครสามารถเห็นพระองค์ได้ เพราะ “การปฏิบัติศาสนกิจบริสุทธิ์และไร้มลทินเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าพระบิดา คือการเยี่ยมเด็กกำพร้าและหญิงม่ายที่มีความทุกข์ร้อน และการรักษาตนให้พ้นจากมลทินของโลก” (ยากอบ 1:27)
นักบุญโทมัสมีชื่อเสียงและมีจิตวิญญาณอันยิ่งใหญ่ทั่วถิ่นทุรกันดาร จนกระทั่งอับบาเชนูดา อธิการอารามใหญ่ กับ อับบา Wissa ลูกศิษย์ของท่าน ได้ยืนยันถึงความศักดิ์สิทธิ์ของตัวท่านในแบบฉบับอันเป็นที่รู้จักกันดี
+ ท่านดำเนินชีวิตอย่างครบครันและประพฤติตนปราศจากมลทิน ดังที่เขียนไว้ว่า“ฉะนั้น ท่านจงเป็นคนดีอย่างสมบูรณ์ ดังที่พระบิดาเจ้าสวรรค์ของท่าน ทรงความดีอย่างสมบูรณ์เถิด” (มัทธิว 5:48) ด้วยเหตุนี้ อับบา เชนูดา อธิการอารามใหญ่ จึงได้กล่าวกับบรรดาลูกศิษย์ของเขาเกี่ยวกับท่านว่า “จงไปแสวงหาแสงสว่างจากภูเขาShenshif และให้ตระหนักว่า นักบุญโทมัสได้บรรลุถึงคุณธรรมในระดับใดแล้ว”
“ในทำนองเดียวกัน แสงสว่างของท่านต้องส่องแสงต่อหน้ามนุษย์ เพื่อคนทั้งหลายจะได้เห็นกิจการดีของท่าน และสรรเสริญพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์“ (มัทธิว5:16)
🇪🇬 นักบุญโทมัสกับผลของพระจิตเจ้า
“ส่วนผลของพระจิตเจ้าก็คือความรัก ความชื่นชม ความสงบ ความอดทน ความเมตตา ความใจดี ความซื่อสัตย์ ความอ่อนโยน และการรู้จักควบคุมตนเอง เรื่องเหล่านี้ไม่มีธรรมบัญญัติใดห้ามไว้เลย” - กาลาเทีย 5:22-23
”พระพรพิเศษมีหลายประการ แต่มีพระจิตเจ้าพระองค์เดียว มีหน้าที่หลายอย่างต่างกัน แต่มีองค์พระผู้เป็นเจ้าเพียงพระองค์เดียว กิจการมีหลายอย่าง แต่มีพระเจ้าพระองค์เดียวผู้ทรงกระทำทุกอย่างในทุกคน พระจิตเจ้าทรงแสดงพระองค์ในแต่ละคนเพื่อประโยชน์ส่วนรวม พระจิตเจ้าประทานถ้อยคำที่ปรีชาแก่คนหนึ่ง พระจิตเจ้าพระองค์เดียวกันประทานถ้อยคำที่รอบรู้แก่อีกคนหนึ่ง พระจิตเจ้าพระองค์เดียวกันประทานความเชื่อแก่อีกคนหนึ่ง พระจิตเจ้าพระองค์เดียวกันประทานพระพรบำบัดรักษาโรค ประทานอำนาจทำอัศจรรย์ให้อีกคนหนึ่ง ประทานให้อีกคนหนึ่งประกาศพระวาจา ให้อีกคนหนึ่งรู้จักจำแนกจิตต่างๆ ให้อีกคนหนึ่งพูดภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจ และให้อีกคนหนึ่งตีความอธิบายความหมายของภาษานั้นได้ พระพรพิเศษทั้งมวลเป็นผลงานจากพระจิตเจ้าพระองค์เดียว ผู้ทรงแจกจ่ายพระพรต่างๆ ให้แต่ละคนตามที่พอพระทัย“ (1 โครินธ์ 12:4-11)
“ขณะที่พระเจ้าทรงแสดงเครื่องหมาย ปาฏิหาริย์ และการอัศจรรย์ต่างๆ เป็นพยานยืนยัน และประทานพระพรของพระจิตเจ้าจัดสรรให้ตามที่พอพระทัย“ (ฮีบรู 2:4)
+ นักบุญโทมัสได้รับพระพรแห่งการหยั่งรู้และทำนายเหตุการณ์บางอย่างที่จะเกิดขึ้นในอนาคต พระเจ้าทรงแจ้งให้ท่านทราบถึงเวลาที่ท่านจะต้องจากไป อย่างไรก็ตาม ตัวท่านไม่ประสงค์จะแจ้งให้อับบา เชนูดา ทราบ เพื่อไม่ให้รบกวนเขาเนื่องจากความเคารพรักที่มีต่อกัน อย่างไรก็ตาม เมื่ออับบา เชนูดา ขอสัญญาณเพื่อทราบถึงช่วงเวลานั้น นักบุญโทมัสจึงกล่าวกับเขาว่า เมื่อก้อนหินที่ท่านเคยพักอยู่หน้าห้องฤาษีแตกออกเป็น 2 ส่วน ท่านก็จะรู้ว่าเป็นเวลาที่ข้าพเจ้าจะจากไป จากนั้นนักบุญโทมัสก็กล่าวเสริมว่า ท่านจะติดตามข้าพเจ้าไปและหลับไปในวันที่ 7 ของเดือน Abib ของนิกายคอปติกและท่านจะได้รับการต้อนรับจากบรรดานักบุญ
+ ที่สำคัญกว่านั้น คำทำนายนั้นก็เกิดขึ้นจริง ตามที่นักบุญโทมัสได้ทำนายไว้ และนี่คือพยานถึงพระพรแห่งการหยั่งรู้ของท่าน
+ พระพรอีกมากมายที่ท่านมี นั้นก็คือ พระพรด้านการสอนและให้คำปรึกษา โดยอาศัยปรีชาญาณกับการทำงานผ่านทางพระจิต
ชีวประวัติ นักบุญ โทมัส ฤาษี (Saint Thomas the Hermit - ⲁⲃⲃⲁ Ⲑⲱⲙⲁⲥ - القِدِّيسِ تُوما النَاسِك)
“นักบุญ โทมัส ฤาษี” หรือเรียกว่า “นักบุญ โทมัส แห่งเชนชิฟ (Saint Thomas of Shenshif) / นักบุญ โทมัส ผู้สันโดษ (Saint Thomas the Anchorite) / อับบา โทมัส(Abba Thomas)”
นักบุญ โทมัส ฤาษี เกิดในหมู่บ้านแห่งหนึ่งชื่อว่า “เชนชิฟ - Shenshif” (ทางตอนเหนือของ Ekhmim - อียิปต์ตอนบน) โดยมีบิดา-มารดาที่เคร่งศาสนา 2 คนเลี้ยงดูท่านด้วยความยำเกรงพระเจ้า พวกท่านเลี้ยงดูท่านให้เติบโตขึ้น
สอนความเลื่อมใสในพระเจ้าอย่างดีทุกประการและเลี้ยงดูเขาตามธรรมประเพณีของคริสตชน ท่านใช้ชีวิตอย่างสันติสุข รวมถึงละทิ้งความไร้สาระทางโลกกับตัณหาตั้งแต่ยังเด็ก ท่านตระหนักว่า “และโลกพร้อมกับความมัวเมาในโลกีย์ของโลกนั้นกำลังผ่านพ้นไป แต่ผู้ที่ทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า จะดำรงอยู่ตลอดนิรันดรเงื่อนไขประการที่สี่ การระมัดระวังตนจากผู้เป็นปฏิปักษ์ต่อพระคริสตเจ้า” (1 ยอห์น2:17) ดังนั้น ท่านจึงปรารถนาที่จะใช้ชีวิตในอาราม และอุทิศชีวิตด้วยการสวดภาวนาและรำพึงอยู่เสมอ
ท่านออกจากบ้านและมุ่งหน้าสู่ถิ่นทุรกันดาร ซึ่งท่านอาศัยอยู่ในถ้ำบนภูเขาShenshif ท่านใช้ชีวิตในอารามตามแบบอย่างการถือสันโดษของนักบุญอันตน ผู้ยิ่งใหญ่ (Saint Anthony the Great - Ⲁⲃⲃⲁ Ⲁⲛⲧⲱⲛⲓ - القديس أنطونيوس الكبير)
🇪🇬 การต่อสู้ทางจิตวิญญาณของท่าน
ชีวิตของท่านเป็นแบบอย่างด้านปรีชาญาณและความระมัดระวังทางจิตวิญญาณพระพรแห่งน้ำตาและพระหรรษทานแห่งการสวดภาวนาอย่างไม่หยุดหย่อนนั้นได้รับผ่านทางพระจิต ท่านอดทนในการสรรเสริญและสวดภาวนาทั้งกลางวันและกลางคืนด้วยความรักในพระนามของพระเยซูคริสตเจ้า บรรดาทูตสวรรค์และบรรดานักบุญมักจะมาเยี่ยมเยียนและให้กำลังใจท่าน ดังนั้นภูเขา Shenshif ที่ท่านอาศัยอยู่จึงได้รับการชำระให้บริสุทธิ์
แม้ว่าท่านจะหลีกเลี่ยงความสนใจและรักความสันโดษ แต่ท่านก็ไม่เคยห้ามไม่ให้บรรดาคุณพ่อคนใดพบปะกับท่านเพื่อให้ได้รับประโยชน์จากการเข้าใจทางจิตวิญญาณของท่าน
ครั้งหนึ่งท่านได้สวดภาวนาและอ่านเพลงสดุดีที่ 6 :
“ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขออย่าได้ทรงดุด่าข้าพเจ้าในยามที่ทรงพระพิโรธ อย่าได้ทรงลงโทษข้าพเจ้าด้วยความกริ้ว“ เมื่อท่านทราบว่า มีฤาษี 3 คน จากอารามของอับบาเชนูดา อธิการอารามใหญ่ (Abba Shenouda the Archimandrite - Ⲁⲃⲃⲁ Ϣⲉⲛⲟⲩϯ ⲡⲓⲁⲣⲭⲓⲙⲁⲛ'ⲇⲣⲓⲧⲏⲥ หรือเรียกว่า Saint Shenoute the Archimandrite / Shenoute the Great / Shenoute of Atripe) กำลังติดตามท่าน พวกเขากำลังสวดเพลงสดุดีที่98 : “จงร้องเพลงบทใหม่ถวายพระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ทรงกระทำสิ่งมหัศจรรย์พระองค์ทรงชัยชนะด้วยพระหัตถ์ขวา และด้วยพระพาหาศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์” เสียงของพวกเขาไพเราะราวกับทูตสวรรค์ ทำให้ท่านเปี่ยมล้นด้วยความรักต่อพระเจ้า แล้วร่วมสรรเสริญและถวายเกียรติแด่พระเจ้าด้วยความยินดีตลอดทั้งคืน
+ ท่านดำเนินชีวิตแบบฤาษีซึ่งเต็มไปด้วยความขัดแย้งทางจิตวิญญาณและความเคร่งครัดทางกาย ท่านใช้เวลากลางคืนในการตื่นเฝ้าและสวดภาวนาด้วยใจบริสุทธิ์ที่เต็มไปด้วยความรักต่อพระเจ้าของเรา พระเยซูคริสตเจ้า ดังที่บรรดาประกาศกกล่าวไว้ว่า “เมื่อนอนบนเตียง ข้าพเจ้าระลึกถึงพระองค์ ข้าพเจ้าคำนึงถึงพระองค์ทุกโมงยามตลอดคืน เพราะพระองค์ทรงเป็นความช่วยเหลือของข้าพเจ้าเสมอมา ข้าพเจ้าจึงร้องเพลงด้วยความยินดีอยู่ใต้ร่มปีกของพระองค์” (เพลงสดุดี 63)
+ ท่านอดอาหารและไม่เสพกามตัณหา ท่านจึงรับประทานทานอาหารเพียงสัปดาห์ละครั้งเท่านั้น และจำกัดการรับประทานอาหารเฉพาะสมุนไพรและพืชตระกูลถั่วเท่านั้นโดยไม่รับประทานหรือดื่มน้ำมากจนเกินไป
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การอดอาหารและสวดภาวนาของท่าน ทำให้ท่านมีพลังที่จะเอาชนะสงครามของซาตาน และพระพรในการขับไล่ปีศาจตามที่มีเขียนไว้ว่า“พระองค์ตรัสตอบว่า ปีศาจชนิดนี้ขับไล่ออกไม่ได้เลย นอกจากด้วยการอธิษฐานภาวนาเท่านั้น” (มาระโก 9:29)
🇪🇬 คุณความดีของนักบุญโทมัส ฤๅษี
+ ตั้งแต่ยังเด็ก เจตนาและความคิดของท่านได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ผ่านการสวดภาวนาและการอดอาหาร จนทำให้ใจของท่านไม่รู้จักบาปหรือบาปเบา ท่านไม่รู้จักอะไรเลย นอกจากการรักต่อพระเจ้า พระเยซูคริสตเจ้า และการสถิตอยู่ในพระองค์ “ยังมีใครอีกสำหรับข้าพเจ้าในสวรรค์ เมื่ออยู่กับพระองค์ ข้าพเจ้าไม่ปรารถนาสิ่งใดบนแผ่นดิน” (สดุดี 73:25) ความรักนี้ครอบงำใจของท่านและครอบงำชีวิตฝ่ายวิญญาณทั้งหมดของท่าน ยิ่งกว่านั้น ท่านไม่เพียงแค่ห่วงใยความรอดของตนเองเท่านั้น แต่ยังห่วงใยความรอดผู้อื่นอีกด้วย
+ ความบริสุทธิ์ของหัวใจเป็นลักษณะเด่นที่ปิตาจารย์แห่งทะเลทรายยกย่อง ความบริสุทธิ์นี้เองที่บ่งบอกถึงอาดัมในสวนเอเดนก่อนที่เขาจะล้มลง ความดีความชอบนี้เองที่บ่งบอกถึงอัครสาวก เมื่อพระเยซูคริสต์ทรงเรียกพวกเขา พวกเขาก็ละทิ้งทุกสิ่งและติดตามพระองค์
+ ความบริสุทธิ์เป็นคุณธรรมที่ทำให้ชีวิตของนักบุญโทมัสกับพระเจ้าเข้าถึงง่ายขึ้น นักบุญโทมัสถูกเปรียบเทียบกับทูตสวรรค์ ดังที่สาวกคนหนึ่งของอับบา เชนูดา อธิการอารามใหญ่ กล่าวหลังจากไปเยี่ยมนักบุญโทมัสว่า “พ่อเพิ่งกลับมาจากกรุงเยรูซาเล็มบนสวรรค์พร้อมกับพระพรมากมาย”
+ ในทำนองเดียวกัน ท่านก็ได้เรียนรู้คุณธรรมแห่งความศักดิ์สิทธิ์ซึ่งทำให้ท่านคู่ควรที่จะได้พบพระเจ้าและสนทนากับพระองค์ นักบุญเปโตร อัครสาวก กล่าวไว้ว่า “แต่จงเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ในความประพฤติทุกประการตามแบบฉบับของพระผู้ศักดิ์สิทธิ์ผู้ทรงเรียกท่าน” (1 เปโตร 1:15) ความศักดิ์สิทธิ์นี้เองที่ทำให้บุคคลสามารถเห็นพระเจ้าได้เพราะถ้าไม่มีความศักดิ์สิทธิ์นี้แล้ว ไม่มีใครสามารถเห็นพระองค์ได้ เพราะ “การปฏิบัติศาสนกิจบริสุทธิ์และไร้มลทินเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าพระบิดา คือการเยี่ยมเด็กกำพร้าและหญิงม่ายที่มีความทุกข์ร้อน และการรักษาตนให้พ้นจากมลทินของโลก” (ยากอบ 1:27)
นักบุญโทมัสมีชื่อเสียงและมีจิตวิญญาณอันยิ่งใหญ่ทั่วถิ่นทุรกันดาร จนกระทั่งอับบาเชนูดา อธิการอารามใหญ่ กับ อับบา Wissa ลูกศิษย์ของท่าน ได้ยืนยันถึงความศักดิ์สิทธิ์ของตัวท่านในแบบฉบับอันเป็นที่รู้จักกันดี
+ ท่านดำเนินชีวิตอย่างครบครันและประพฤติตนปราศจากมลทิน ดังที่เขียนไว้ว่า“ฉะนั้น ท่านจงเป็นคนดีอย่างสมบูรณ์ ดังที่พระบิดาเจ้าสวรรค์ของท่าน ทรงความดีอย่างสมบูรณ์เถิด” (มัทธิว 5:48) ด้วยเหตุนี้ อับบา เชนูดา อธิการอารามใหญ่ จึงได้กล่าวกับบรรดาลูกศิษย์ของเขาเกี่ยวกับท่านว่า “จงไปแสวงหาแสงสว่างจากภูเขาShenshif และให้ตระหนักว่า นักบุญโทมัสได้บรรลุถึงคุณธรรมในระดับใดแล้ว”
“ในทำนองเดียวกัน แสงสว่างของท่านต้องส่องแสงต่อหน้ามนุษย์ เพื่อคนทั้งหลายจะได้เห็นกิจการดีของท่าน และสรรเสริญพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์“ (มัทธิว5:16)
🇪🇬 นักบุญโทมัสกับผลของพระจิตเจ้า
“ส่วนผลของพระจิตเจ้าก็คือความรัก ความชื่นชม ความสงบ ความอดทน ความเมตตา ความใจดี ความซื่อสัตย์ ความอ่อนโยน และการรู้จักควบคุมตนเอง เรื่องเหล่านี้ไม่มีธรรมบัญญัติใดห้ามไว้เลย” - กาลาเทีย 5:22-23
”พระพรพิเศษมีหลายประการ แต่มีพระจิตเจ้าพระองค์เดียว มีหน้าที่หลายอย่างต่างกัน แต่มีองค์พระผู้เป็นเจ้าเพียงพระองค์เดียว กิจการมีหลายอย่าง แต่มีพระเจ้าพระองค์เดียวผู้ทรงกระทำทุกอย่างในทุกคน พระจิตเจ้าทรงแสดงพระองค์ในแต่ละคนเพื่อประโยชน์ส่วนรวม พระจิตเจ้าประทานถ้อยคำที่ปรีชาแก่คนหนึ่ง พระจิตเจ้าพระองค์เดียวกันประทานถ้อยคำที่รอบรู้แก่อีกคนหนึ่ง พระจิตเจ้าพระองค์เดียวกันประทานความเชื่อแก่อีกคนหนึ่ง พระจิตเจ้าพระองค์เดียวกันประทานพระพรบำบัดรักษาโรค ประทานอำนาจทำอัศจรรย์ให้อีกคนหนึ่ง ประทานให้อีกคนหนึ่งประกาศพระวาจา ให้อีกคนหนึ่งรู้จักจำแนกจิตต่างๆ ให้อีกคนหนึ่งพูดภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจ และให้อีกคนหนึ่งตีความอธิบายความหมายของภาษานั้นได้ พระพรพิเศษทั้งมวลเป็นผลงานจากพระจิตเจ้าพระองค์เดียว ผู้ทรงแจกจ่ายพระพรต่างๆ ให้แต่ละคนตามที่พอพระทัย“ (1 โครินธ์ 12:4-11)
“ขณะที่พระเจ้าทรงแสดงเครื่องหมาย ปาฏิหาริย์ และการอัศจรรย์ต่างๆ เป็นพยานยืนยัน และประทานพระพรของพระจิตเจ้าจัดสรรให้ตามที่พอพระทัย“ (ฮีบรู 2:4)
+ นักบุญโทมัสได้รับพระพรแห่งการหยั่งรู้และทำนายเหตุการณ์บางอย่างที่จะเกิดขึ้นในอนาคต พระเจ้าทรงแจ้งให้ท่านทราบถึงเวลาที่ท่านจะต้องจากไป อย่างไรก็ตาม ตัวท่านไม่ประสงค์จะแจ้งให้อับบา เชนูดา ทราบ เพื่อไม่ให้รบกวนเขาเนื่องจากความเคารพรักที่มีต่อกัน อย่างไรก็ตาม เมื่ออับบา เชนูดา ขอสัญญาณเพื่อทราบถึงช่วงเวลานั้น นักบุญโทมัสจึงกล่าวกับเขาว่า เมื่อก้อนหินที่ท่านเคยพักอยู่หน้าห้องฤาษีแตกออกเป็น 2 ส่วน ท่านก็จะรู้ว่าเป็นเวลาที่ข้าพเจ้าจะจากไป จากนั้นนักบุญโทมัสก็กล่าวเสริมว่า ท่านจะติดตามข้าพเจ้าไปและหลับไปในวันที่ 7 ของเดือน Abib ของนิกายคอปติกและท่านจะได้รับการต้อนรับจากบรรดานักบุญ
+ ที่สำคัญกว่านั้น คำทำนายนั้นก็เกิดขึ้นจริง ตามที่นักบุญโทมัสได้ทำนายไว้ และนี่คือพยานถึงพระพรแห่งการหยั่งรู้ของท่าน
+ พระพรอีกมากมายที่ท่านมี นั้นก็คือ พระพรด้านการสอนและให้คำปรึกษา โดยอาศัยปรีชาญาณกับการทำงานผ่านทางพระจิต