เมื่อมีคนถามอาสามว่า "ทำอะไรดีครับ?" คำตอบที่ให้ คือ "ทำสิ่งที่คุณถนัด"
และเมื่อถามว่า "ทำอะไรเพิ่มดีครับ?" คำตอบที่ให้ คือ "ต่อยอดสิ่งที่คุณถนัด เพิ่มมูลค่าสิ่งที่คุณมีอยู่แล้ว"
เมื่อครั้งที่แนะนำร้าน "ฝู สะเต๊ะสะท้านเตา" สิ่งที่ขายดีขึ้นกลับไม่ใช่สะเต๊ะ แต่กลับเป็นอาหารตามสั่ง
ถึงขนาดที่เจ๊พัชบอกว่า "ยืนผัดจนไม่ได้นั่งทั้งวัน" ในเมื่อวัตถุดิบมีอยู่แล้ว คือ น้ำสะเต๊ะ ที่มีรสชาติเข้มข้น
จึงแนะนำให้ทำ "ลงสรง" แต่แตกต่างจากลงสรงทั่วไป ที่ราดด้วยน้ำสะเต๊ะรสอ่อนกว่าน้ำสะเต๊ะปกติ
แต่เป็น "ลงสรง" ที่มีรสชาติเข้มข้นจัดจ้านกว่า "ลงสรง" ทั่วไป ไม่ใช่แค่ข้าวพระรามลงสรง และพระลักษณ์ลงสรง
แต่เพิ่มเต้าหู้ทอดลงสรง ซึ่งแปลงมาจาก "Tofu koreng" และเนื่องจากนางสีดามีผิวกายนวลจันทร์
คือ ขาวอมเหลือง เหมือนสีเต้าหู้ก่อนทอด จึงได้เป็น "สีดาลงสรง" ที่เป็นอาหารมังสวิรัตได้ด้วย



วันพฤหัสฯ ที่ 11-7-24 ได้เวลาตัดผม 
14.10 น.นั่งรถไปลงที่แม็คโคร รังสิต



อีกหลายชั่วโมงกว่าจะกลับบ้าน ไม่อย่างนั้นยกตัวแน่ ๆ



แต่ซื้อซี่โครงหมู
ซื้อทั้งซี่โครงหมูชิ้นยาว (Spare ribs) และกระดูกหมู







เพื่อไปต้มบ๊ะกุ๊ดเต๋







ข้ามถนนพหลโยธินไปเช้าซอยพหลโยธิน 94



เดินผ่านวัดแก้วนิมิตร หรือวัดคลองหนึ่ง



ผ่านวัดธรรมสุขใจ หรือวัดซอยสามัคคี



เลี้ยวซ้ายเข้าซอยรังสิต-นครนายก 18



เพื่อมาที่ร้านตัดผมประจำ 60 บาททุกหัวทุกทรง ปรากฏว่าปิด



จึงต้องออกมาที่ร้านปากซอย 100 บาท 10 นาทีเรียบร้อย





แวะตลาดวัดธรรมสุขใจ



ซิ้อกับข้าวที่ร้านเจ๊นกแกงกาละมังถุงละ 25 บาท 8 ถุง





16.18 น.ถึงตลาดสิริทรัพย์





ไปที่ร้านฝู สะเต๊ะสะท้านเตา



ก๋วยเตี๋ยวหมูป้านิตขายหมดแล้ว



อากาศร้อน ดับร้อนด้วยน้ำดำไร้น้ำตาลหนึ่งชุด 17 บาท



สั่งไปสามอย่าง





ข้าวพระรามลงสรงเนื้อ 70 บาท



บอกแค่ว่าต้องมีอะไรบ้างเท่านั้น เจ๊พัชจัดจานมาอย่างสวยงามน่ากิน



เนื้อหมักมานุ่มพอเหมาะ









เกือบลืม



ชอบไข่ดาวไข่เป็ดลาวาฝีมือการทอดของเจ๊พัช เพิ่มไข่ดาวอีกใบ 10 บาท เป็น 80 บาท



ลงสรงทั่วไปน้ำไม่ข้นมากและรสอ่อนต้องเพิ่มพริกเผา
แม้ว่าน้ำสะเต๊ะของร้านฝู จะเข้มข้นและมีรสเผ็ดอยู่แล้ว
แต่การมีน้ำพริกเผา ยิ่งช่วยเพิ่มความหอมของน้ำสะเต๊ะ 
แบบเผ็ดหอมพริกแกงและผงกะหรี่ และเผ็ดหอมพริกเผาแบบสองประสานจัดจ้านอร่อยยิ่งขึ้น
ทั้งน้ำพริกเผาและพริกชี้ฟ้าแดง ต่างเป็นของที่มีอยู่แล้ว เพราะตามสั่งมีข้าวผัดพริกและต้มยำกุ้ง



เจ๊พัชซื้อเต้าหู้มาผิดเพราะบอกกระทันหัน ได้เต้าหู้แข็งไปหน่อย
ทอดพอกรอบนอก หั่นเก้าชิ้นเลขมงคล



ราดด้านบนด้วยน้ำสะเต๊ะชุ่ม ๆ







ผักบุ้งหั่นพอดีคำลวกสุกน็อกน้ำเย็น คงความเขียวและคงความกรอบ



คิดแค่ 50 บาท แต่จานนี้งานเยอะ ต้องทอดเต้าหู้ให้คิด 60 บาท



หมูสะเต๊ะ 10 ไม้ เต้าหู้มีเหลือ ทอดมากินกับน้ำสะเต๊ะตามที่ชอบแทนขนมปังปิ้ง 100 บาท





จะกินหมดไหมนี่?



เต้าหู้ของสีดาลงสรง แม้ว่าจะไม่ใช่เต้าหู้นิ่ม
แต่ทอดแล้วด้านนอกกรอบเหนียวเคี้ยวสนุก



แต่เนื้อในยังพอมีความนุ่ม 
ต้องระวังความร้อนจากการทอดเต้าหู้ ที่ยังระอุอยู่ด้านในจะลวกปาก





เต้าหู้ทอดในหมูสะเต๊ะ จิ้มกินกับน้ำสะเต๊ะ
เป็นการลดแป้งจากขนมปัง ไปเพิ่มโปรตีนจากถั่วเหลือง





หมูสะเต๊ะกินไม่หมด ต้องห่อใบตองกลับบ้าน 



มื้อนี้อิ่มจุก ๆ 240 บาท



เรียกรถไปบีทีเอส สถานีคูคต เมฆฝนดำทะมึนไล่ตามหลัง ก่อนเทลงมาอย่างหนักหลังขึ้นรถ







เจ๊พัชฝากหมูกรอบไปให้แฟนหนึ่งกล่อง พร้อมน้ำจิ้มซีอิ๊วดำหวานและน้ำจิ้มซีฟู้ด



มื้อเย็นวันรุ่งขึ้นแฟนเอาไปคั่วพริกเกลือ



กินกับหมูสะเต๊ะที่ห่อใบตองกลับมา





แกงฮังเลใส่เม็ดขนุน จากร้านข้าวซอยล้านนาบ้านคุณย่า ซึ่งก็แนะนำให้ต่อยอดข้าวซอยเป็นก๋วยเตี๋ยวแกง
คห.1 "เที่ยวไปกินไป by laser @ ข้าวซอยล้านนา บ้านคุณย่า : 2 ข้าวซอยเห็ดถอบ ข้าวซอยแกงฮังเล"
https://ppantip.com/topic/40042963



และถั่วแขกผัดเนื้อหมึก