บ้านเราเมื่อก่อนอยู่กันพ่อ แม่ ลูก จนตอนหลังปู่เสีย แล้วมารู้ทีหลังว่าพี่น้องของพ่อขายบ้านและ ที่ดินของปู่ไปหมดแล้วโดยไม่ได้แบ่งให้พ่อเลย แล้วก็ไม่มีใครรับย่าไปอยู่เลย บ้านเราเลยรับย่ามาอยู่ด้วย่าเป็นโรคหัวใจอายุเกือบ70แล้ว พ่อมีน้อง4คน จนมาวันนึงก็มีเรื่องน้องของพ่อที่เป็นทหารมีลูกเมียอยู่แล้ว แต่น้าหนีไปอยู่กับเมียน้อยเลยต้องออกจากทหาร ไม่นานก็พบว่าน้าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย แล้วเมียน้อยก็ทิ้งไปส่วนเมียหลวงก็ไม่เอา บ้านเเราเลยรับน้ามาอยู่ด้วย อยู่สักเกือบๆปีน้าก็เสีย ซึ่งตลอดมาพี่น้องคนอื่นของพ่อไม่เคยร่วมส่งเสียค่าอะไรมาเลย และบ้านเราก็ไม่ใช่คนมีฐานะอะไร หาเช้ากินค่ำ ใช้เงินเดือนชนเดือน แต่ญาติๆพ่อก็ชอบมีปัญหาเรื่องเงินใช้ช่วยตลอด แล้วพ่อกับแม่เราเขาแยกห้องกันนานแล้ว คือเลิกกันแล้วแต่ยังอยู่บ้านหลังเดียวกัน เพราะแม่ทนพ่อไม่ไหวที่พ่อออกไปเที่ยวทุกคืน จนเมื่อไม่กี่วันนี้ทางลูกของน้าที่เสียไปเขาโทรมาขอเงินจากพ่อ และก่อนหน้านั้นย่าได้ให้เงินไปแล้ว (เงินที่แกเก็บสะสมไว้จากเบี้ยผู้สูงอายุ) แต่ไม่พอเลยโทรมาขอพ่อเราอีก ซึ่งเมื่อปีที่แล้วเขาเพิ่งซื้อรถกะบะป้ายแดงไปในขณะที่บ้านเรามีแต่รถมอเตอร์ไซค์ขี่ แล้วก่อนหน้านั้นตอนที่หลานพ่อคนนี้บวช พ่อก็ได้ช่วยงานไปเป็นหมื่นแล้ว ตอนที่หลานคนอื่นของพ่อรับปริญญาพ่อก็ให้เงินไปจำนวนนึง แต่พอทีลูกตัวเองรับปริญญาบ้างพ่อกับญาติเขากลับไม่มีอะไรให้เลย ที่เราไม่พอใจคือตัวเองมีเงินซื้อรถกะบะป้ายแดงแล้วทำไมยังต้องมาขอเงินจากบ้านเราที่มีขับแต่มอเตอร์ไซค์ด้วย แล้วพ่อก็บ่นว่าไม่มีเงินจะโทรไปขอจากน้องสาวเราที่ทำงานอยู่กรุงเทพ เราเลยว่าไม่ต้องโทร น้องเราก็มีภาระค่าใช้จ่ายเยอะอยู่แล้ว พ่อก็ว่าจะหายืมคนอื่นให้เขา ซึ่งเราไม่พอใจมากๆ แล้วเราก็ไม่อยากจะเอาเงินเราให้เขาด้วย เราเองก็แต่งงานมีลูกวัยประถมอีก2คนที่ต้องดูแล และก็ตั้งแต่เรียนจบจนมีครอบครัว เรากับน้องก็ไม่เคยขอเงินพ่อแม่อีกเลย เราพยายามประหยัดเก็บเงินทุกทาง เราเคยคิดว่าจะพูดกับญาติๆพ่อตรงๆเลยว่าอย่ามาขอตังจากบ้านเราอีกได้ไหม บ้านเราก็ไม่ใช่ว่าจะมีเงิน เงินเก็บก็ไม่มี เราผิดไหมคะ เราควรจัดการปัญหาแบบนี้ยังไงดี
คิดยังไงกับญาติๆที่ชอบโยนภาระมาให้บ้านเรา