ขออนุญาตไม่ให้แสดงความคิดเห็นที่เป็นเชิงหยาบคายหรือด่าทอนะคะ
หนูมาขอคำแนะนำค่ะ เพราะตอนนี้เป็นกังวลและร้อนใจมากๆ นอนหลับได้ไม่เต็มตามาหลายเดือนแล้วค่ะ
อยากข้อความเห็นจากผู้มีความรู้ทางด้านกฎหมาย หรือจากมุมมองคนภายนอกค่ะ
" เตือนภัย อย่าให้บุคคลนี้ยืมเงินเด็ดขาด ไม่คืนให้ไปฟ้องศาล "
พร้อมแนบรูปถ่ายที่ไม่ได้รับอนุญาต รวมทั้งแขวน ชื่อจริง นามสกุลจริง และแชทสลิปเงิน
ขออนุญาตไม่ลงรูปหลักฐานนะคะ เพราะว่าตอนนี้เรื่องกำลังเป็นคดีความค่ะ และข้อความเบื้องต้น คือสิ่งที่คนที่เป็นเจ้าหนี้ของหนูโพสต์
ทิ้งเอาไว้เป็นระยะเวลานานกว่า 7 เดือนค่ะ แชร์โพสต์ไปประมาณ 25 ครั้ง ในกลุ่มหางานในสายงานของหนู กลุ่มหางานเฉพาะพื้นที่ กลุ่มจังหวัดบ้านของหนู
ทุกกลุ่มมีคนเฉลี่ยในนั้นไม่ต่ำกว่า 1 แสนคนค่ะ ทุกๆกลุ่ม ระยะเวลาคดีความตอนนี้ 10 เดือนแล้วค่ะ
หนูเห็นข่าวหลายๆครั้ง กรณีลูกหนี้ไม่ยอมใช้หนี้
จนเจ้าหนี้ทนไม่ไหว และเกิดการโพสต์ประจาน สุดท้ายกลายเป็นลูกหนี้ฟ้องเจ้าหนี้
และคอมเม้นต์สังคมต่างก็พูดไปในทิศทางเดียวกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ว่าต้นสายปลายเหตุจะเป็นอะไร
เป็นหนี้ต้องใช้หนี้ค่ะ เป็นสิ่งที่หนูเองก็เข้าใจดี
แต่กรณีที่เจ้าหนี้ผิดสัญญา เพราะไม่พอใจที่หนูลาออกจากงานที่ทำกับเขา
(เรื่องหุ้นส่วนเพจที่เคยตั้งกระทู้ไว้รอบที่แล้วค่ะ เดี๋ยวย่อสั้นๆไว้ด้านล่างสุดนะคะ)
แถมบอกว่า ถ้าเลยวันจะมาเก็บดอกเบี้ยแบบนั้นแบบนี้
พอหนูพูดถึงสัญญาเริ่มแรก ก็เอาเรื่องเท็จ เรื่องที่ไม่เป็นความจริงมาข่มขู่ว่าจะแจ้งความและสั่งฟ้อง
เอาหนูไปพูดแทะพูดให้เสียหายให้ใครก็ไม่รู้ไม่เกี่ยวข้องฟัง
บอกคนอื่นว่าจะทำลายชีวิตหนู จะเอาพวกมารุมกระทืบน้องหนู จะเอาให้นามสกุลนี้อยู่ไม่ได้ ให้ไม่มีที่ยืน
พร้อมหัวเราะชอบใจกับคนหลายคนที่ไม่เกี่ยวข้องในกลุ่มคอลสนทนาดิสคอร์ด
โพสต์ประจานหนี้ทั้งที่ยังไม่ถึงวันกำหนดคืน โพสต์ใส่สีตีไข่ทุกแพลตฟอร์มของเขา ให้เขาเป็นคนเดียวที่เป็นเหยื่อ
และบอกว่าความเดือดร้อนของหนู คือเรื่องสนุกของเขา
ไปเจราจาขอให้เขาลบโพสต์ เขาก็บล็อกหนีบอกว่าหนูคุกคาม ทิ้งไว้สักระยะ ก็ปลดบล็อกแล้วโพสต์อีกว่า
"ให้หาเงินมาคืนภายใน 7 วัน ถ้าไม่คืนจะเอาชื่อไปใส่ Blacklist"
พร้อมกับแปะชื่อจริงพร้อมนามสกุลอีกรอบด้วยค่ะ
(ก่อนกำหนดคืนเงินหลายวัน)
และโพสต์สุดท้ายของเขา
ประเด็นสำคัญและคำถามของเรื่องนี้
ประเด็นที่ 1 ปัญหาความสัมพันธ์ของเจ้าของเรื่องและคู่กรณี
➤ หนูอายุ 21 ปีค่ะ ก่อนเกิดเรื่องเป็นนักศึกษา แต่เพราะตอนนี้หลายๆเรื่องรวมถึงความเครียดผลกระทบจากเรื่องนี้ ทำให้ไม่ได้เรียนต่อค่ะ
คู่กรณี ก่อนเกิดเรื่อง อายุ 17 ปีค่ะ ถึงตอนนี้จะอายุ 18 ปีแล้ว แต่ตำรวจบอกว่า เพราะตอนเกิดเรื่องเขาอายุ 17 ปีเลยถือว่าเป็นเยาวชนอยู่ ฐานะดีค่ะ
เรียนโรงเรียนเอกชน ขาย Item เกมออนไลน์ได้เดือนละหลายหมื่นบวกกับเล่นหุ้นด้วย
เราสองคนเป็นพี่น้องที่รู้จักกันผ่านเกมออนไลน์ค่ะ และเขาไม่ใช่คนที่ทำตัวน่ารักมากนัก เป็นคนที่พูดจาหยาบคาย ชอบข่มขู่และไม่ให้เกียรติคนอื่นอยู่ทุกครั้ง แต่ก็เป็นเด็กที่เก่งค่ะ (ขอสาบานว่าที่กล่าวไปเบื้องต้น ไม่ใช่การใส่ร้ายค่ะ มีหลักฐาน และพยานคนรอบข้าง รวมทั้งเป็นประสบการณ์ตรงค่ะ)
เขาเป็นฝ่ายที่เขาหาหนูก่อนตลอด เพราะหนูเป็นคนเดียวที่ไม่หนีเขาตอนที่เจอ และเป็นคนที่ช่วยเขาเวลาที่เขามีเรื่องเดือดร้อนไม่สบายใจ
เขาชวนหนูไปเป็นหุ้นส่วนเพจขาย Item เกมค่ะ เพราะหนูทำกราฟฟิคได้ ขอให้ทำแค่รูปโลโก้และแบนเนอร์ค่ะ จะให้ส่วนแบ่ง 10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตอนนั้นหนูปฏิเสธไป เพราะหนูบอกเขาว่าหนูไม่มีความรู้อย่างอื่นเกี่ยวกับเกมนั้นค่ะ ซึ่งเขาบอกว่าจะรับผิดชอบทำทุกอย่างเอง ให้หนูทำแค่โลโก้และแบนเนอร์ให้เขาก็พอ มีคนที่ได้รับคำเชิญชวนคล้ายกันนี้อีก 2 คนค่ะ ปัจจุบันลาออกกันหมดแล้ว
คู่กรณีไม่รักษาสัญญาค่ะ หน้าที่และเนื้องานไม่เป็นไปตามข้อตกลง ส่วนแบ่งได้แค่เดือนละ 1000 บาทเท่าๆกันทุกเดือน ตกวันละแค่ 33 บาท ทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด และหนูขอยืนยันว่า หนูตั้งใจทำงานให้เขาจนถึงวินาทีสุดท้ายค่ะ ผลงานหน้าเพจเป็นของหนูเกือบทั้งหมด หาลูกค้า ตอบแชทลูกค้า แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ดูแลกราฟฟิค ทำรูปขายของของ ทำตั้งแต่ร้านเปิด จนร้านปิด เลิกงานแล้ว ตี 1 ตี 2 ก็ยังต้องนั่งทำรูปขายของต่อ เวลาที่เพจมีปัญหาเจ้าตัวก็จะบอกว่า เขามีหน้าที่แค่บริหารเงินค่ะ ใช้คำว่าเขาคือ CEO และพวกหนูเป็นพนักงาน หุ้นส่วนคนอื่นๆลาออกไปตั้งแต่เดือนแรกๆแล้วค่ะ
แต่หนูยอมทำงานให้เขาต่อ เพราะรู้สึกอยากตอบแทนและเห็นแก่ที่เขาให้ความช่วยเหลือค่ะ แต่เพราะหลายๆอย่าง ตั้งแต่หนูเป็นหนี้เขา เขาก็ไม่เคยทำตัวให้เกียรติหนูอีกเลยค่ะ วันไหนที่หนูมีปัญหา เพราะความลำบากของหนู เช่น หนูไม่มีเงินเติมเน็ตเลยทำงานให้เขาช่วงกลางวันไม่ได้ ต้องรอแม่กลับมาจากทำงาน หนูแจ้งเขาทุกครั้งค่ะ และเขาก็โอเคทุกรอบ รับทราบแล้ว แต่ก็ยังรัวแชทไปหาแม่และน้องสาวของหนูที่กำลังทำงานช่วงพักกลางวันว่า ออกมาคุยกันหน่อยว่าหนูหายไปไหน ไม่ทำงาน
ทั้งๆที่ตัวเขาก็รู้ถึงความลำบากของหนู เพราะก่อนรับเงิน หนูก็ตอบคำถามทุกเรื่องที่เขาอยากรู้ เพื่อบอกให้เขารู้ว่า ถ้าไม่ลำบาก หนูคงไม่มีทางรับเงินจากเขา เพราะหนูไม่สามารถหาเงินมาใช้เขาได้หมดภายในเร็ววันนี้ ทั้งที่ขอร้องว่าให้เก็บเป็นความลับ เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัว ที่มีผลกระทบกับจิตใจ แต่เขาก็ยังแพร่งพรายไปทั่ว ให้เหตุผลว่า เรื่องที่ตนพูดก็เป็นเรื่องจริงทุกอย่างทำไมถึงจะพูดไม่ได้
เอาหนูไปพูดว่า ทำงานให้เขาได้ไม่เต็มที่ กับเพื่อนๆของเขาที่หนูไม่รู้จัก ดึงคนใกล้ตัวหนู เพื่อน พี่ แฟนเก่าเข้าไปรับรู้เรื่องราวด้วยอย่างสนุกสนาน เอาไปแขวะไปแซะ หลายครั้งที่เขาพูดกับหนูอย่างไม่รักษาน้ำใจ ไม่ไว้หน้า ไม่ให้เกียรติ เอาหนูไปเปรียบเทียบกับคนที่ไม่ได้ทำงานสายเดียวกัน เพราะแค่อยากทำให้อับอาย หนูเลยปรึกษากับแม่ค่ะ ว่าจะลาออกแล้วไปหางานที่อื่นทำ หากว่าการที่หนูอยู่ เขาบอกว่ามันทำให้เขาเกิดปัญหามากมาย อย่างน้อยทำงานที่อื่น 1 เดือน หนูก็อาจจะหาเงินมาใช้หนี้เขาจนหมดเลยก็ได้ค่ะ แต่นั่นแหละค่ะ พอหนูบอกเขาว่าจะขอลาออก แต่จะยังใช้หนี้ให้อยู่ ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงจะเป็นปัญหา ในเมื่อหนูก็แสดงเจตนาว่าจะใช้หนี้ให้เขาแน่ๆ
ทำงานให้ได้ไม่ดี ลาออก เจ้านายก็ควรจะดีใจไม่ใช่หรอคะ กลับกลายเป็นว่าเขาบอกว่าการที่หนูลาออก มันเป็นการทิ้งภาระและปัญหาให้เขา
อาจเป็นเพราะที่ผ่านมาหนูทำมาหลายอย่างมากๆค่ะ
(ทุกงานมีเครดิตชื่อค่ะ ภายหลังเขาลบชื่อหนูออก แต่แปะทับชื่อตัวเองลงไปแทนเอง ซึ่งแจ้งความเรื่องลิขสิทธิ์ไปด้วยค่ะ เพราะโลโก้และภาพ เป็นการออกแบบจากหนูทั้งหมดค่ะ ไม่ใช่การว่าจ้าง ถือว่าเป็นส่วนที่หนูลงทุนในหุ้นร่วมกับเขาค่ะ ส่วนเดือนละ 1000 บาทคือค่าจ้างทำงานในแต่ละเดือน ปัจจุบันเจ้าตัวก็ยังใช้รูปเหล่านั้นทำมาหากินต่อหน้าตาเฉยค่ะ)
- - - - - - - - - - - - - - - - - -
ประเด็นที่ 2 สัญญาหนี้ในเรื่องนี้คืออะไร
➤ เรียกว่าเหมือนเงินช่วยเหลือค่ะ ยอด 15,000 บาท เพราะมันเป็นเงินที่หนูไม่ได้ร้องขอจากเขาตั้งแต่แรก แต่เพราะเจอเหตุการณ์ที่ทำให้หนูไม่มีทางเลือก
ภัยคุกคามอันตรายค่ะ ต้องย้ายหอกระทันหัน เพราะว่าเจ้าของห้องเก่าปัดความรับผิดชอบปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับห้องที่เช่าหลังจากเริ่มเช่าไม่นาน แม่ของหนูเลยจะขอย้ายออกก่อนสัญญาและไม่ขอเช่าต่อ พร้อมกับไม่จ่ายเงินส่วนที่เหลือค่ะ เพราะจ่ายไปแล้วครึ่งนึง แล้วพึ่งย้ายมาอยู่แค่ช่วงกลางเดือน สุดท้ายเคลียร์กันไม่ลงตัว เขาเลยให้คนมาพังห้องตอนที่หนูอยู่คนเดียว และบอกว่าให้ย้ายออกภายในวันนั้นเลย แต่แม่ของหนูก็ต่อรองขอเป็นช่วงเช้าของอีกวันค่ะ คือมีเวลาแค่วันเดียวในการย้ายห้อง ในจังหวัดที่รายล้อมไปด้วยมหาวิทยาลัย ใกล้ๆม.ดัง จะย้ายห้องแต่ละที ต้องมีค่ามัดจำหลายต่อ ซึ่งตอนนั้น หนู แม่ และน้องสาว ไม่มีเงินติดตัวกันเลยค่ะ เงินแม่กว่าจะออกก็สิ้นเดือนด้วย
หนูเลยบอกเล่าเรื่องนี้ให้คู่กรณีรับรู้ค่ะ ว่าหนูเจอเหตุการณ์อะไรมา แค่กลัวว่าถ้าวันนึงเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น เพื่อนร่วมงานอย่างเขาก็ควรจะต้องรับรู้เรื่องด้วย ไม่ได้พูดถึงเรื่องขอยืมเงินหรือขอความช่วยเหลือนะคะ
แต่เขาเสนอว่าจะให้เงินหนู 1 แสนค่ะ ซึ่งหนูไม่ได้ตอบรับไว้ ด้วยมันเป็นเงินจำนวนที่เยอะมากๆ เขาบอกว่าให้เฉยๆ ไม่ต้องคืน เพราะเห็นแก่ที่หนูเคยช่วยเหลือเขา เงินแค่นี้มันเทียบไม่ได้ และเขาไม่ได้ลำบากอะไรค่ะ เขาก็ตื๊อจะยัดให้อยู่แบบนั้น ลำบากใจค่ะ หนูไม่เคยอยากได้เงินจากคนอื่น
เลยขอเวลาเขาไปปรึกษากับแม่ดู ซึ่งสุดท้าย หนูก็ต้องตอบรับความช่วยเหลือนั้นค่ะ แต่ขอแค่หมื่นห้า และจะขอใช้คืนค่ะ ไม่รับเอาไว้เปล่าๆ ซึ่งเจ้าตัวก็ยินดีรับข้อเสนอ พร้อมบอกว่าจะไม่เก็บดอกเบี้ยสักบาท
- - - - - - - - - - - - - - - - - -
ประเด็นที่ 3 เรื่องเท็จที่เจ้าหนี้เอามาข่มขู่จะฟ้องร้อง
➤ เขาบอกว่าหนูไปด่าน้องเขาค่ะ ทำให้น้องเขาจิตตก พ่อแม่ของเขาฟ้องได้แค่ไม่ทำและหนูไม่ใช่เยาวชนสามารถเอาเข้าคุกได้ แต่ไม่ทำเพราะสงสาร
เรื่องจริงคือหนูไปเตือนน้องเขาค่ะ เพราะน้องของเขาไปพูดจาบูลลี่น้ำเสียงเด็กในกลุ่ม จนเด็กคนนั้นไม่มีความมั่นใจที่จะพูดต่อค่ะ หนูยืนยันว่าไม่มีการด่าทอและพูดจาหยาบคายตอนที่พูดคุยนะคะ หนูถามความจริงและถามถึงเหตุผลค่ะ ด้วยถ้อยคำที่พูดอยู่ตลอด เจ้าหนี้บอกว่าเรื่องนี้ตัวเองไม่เกี่ยว น้องของเจ้าหนี้ก็บอกว่าไม่ได้บูลลี่ ก็พูดความจริง หนูเลยบอกเขาว่า ถ้าไม่ได้บูลลี่ก็ดีแล้ว แต่ระวังคำพูดหน่อย เพราะบางคำพูดเราไม่รู้สึกหรอก แต่มันอาจจะเป็นปมด้อยที่ทำให้คนอื่นรู้สึกแย่แบบไม่รู้ตัวก็ได้ แต่เพราะหนูน้ำเสียงจริงจังค่ะ เขาเลยบอกว่ากลัว สุดท้ายเรื่องจบด้วยการที่หนูบอกให้น้องของเขาไปขอโทษเด็กในกลุ่ม และหนูขอโทษน้องเขาที่ทำให้กลัว มันก็จบดีแล้วนะคะ
แต่วันต่อมาเจ้าหนี้เรียกเด็กในกลุ่มที่เสียความมั่นใจคนนั้นไปปรับทัศนคติว่า ถ้าไม่ปรับตัวกับเรื่องแค่นี้ ใช้ชีวิตต่อไปในโลกนี้ไม่ได้หรอก เพราะคำพูดนั้นเราเลยตั้งคำถามออกไปค่ะ ทำไมเรื่องแบบนี้เราถึงต้องปรับตัวคะ ควรจะเป็นเขาไม่ใช่หรอที่ต้องปรับปรุงตัวที่ทำให้คนอื่นรู้สึกแย่ ไปๆมาๆเขาโวยวายค่ะ และบอกว่าเราเหมือนคนที่ไม่รู้จักโต ด้วยคำหยาบคายแบบที่เขาพูดอยู่ตลอด เพราะรู้สึกว่าเขาคือน้อง เราเลยเสียใจค่ะที่ได้ยิน วันนั้นเลยแทนตัวว่ากูไป แต่แค่นั้นค่ะ ก็เคลียร์จบเข้าใจด้วยดี
เจ้าหนี้ผิดสัญญา เพราะไม่พอใจที่เราลาออกจากงาน โพสต์ประจานหนี้ทั้งที่ยังไม่ถึงวันกำหนดคืน ไปเจราจาเขาก็บล็อกหนีค่ะ
➤ เรียกว่าเหมือนเงินช่วยเหลือค่ะ ยอด 15,000 บาท เพราะมันเป็นเงินที่หนูไม่ได้ร้องขอจากเขาตั้งแต่แรก แต่เพราะเจอเหตุการณ์ที่ทำให้หนูไม่มีทางเลือก
ภัยคุกคามอันตรายค่ะ ต้องย้ายหอกระทันหัน เพราะว่าเจ้าของห้องเก่าปัดความรับผิดชอบปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับห้องที่เช่าหลังจากเริ่มเช่าไม่นาน แม่ของหนูเลยจะขอย้ายออกก่อนสัญญาและไม่ขอเช่าต่อ พร้อมกับไม่จ่ายเงินส่วนที่เหลือค่ะ เพราะจ่ายไปแล้วครึ่งนึง แล้วพึ่งย้ายมาอยู่แค่ช่วงกลางเดือน สุดท้ายเคลียร์กันไม่ลงตัว เขาเลยให้คนมาพังห้องตอนที่หนูอยู่คนเดียว และบอกว่าให้ย้ายออกภายในวันนั้นเลย แต่แม่ของหนูก็ต่อรองขอเป็นช่วงเช้าของอีกวันค่ะ คือมีเวลาแค่วันเดียวในการย้ายห้อง ในจังหวัดที่รายล้อมไปด้วยมหาวิทยาลัย ใกล้ๆม.ดัง จะย้ายห้องแต่ละที ต้องมีค่ามัดจำหลายต่อ ซึ่งตอนนั้น หนู แม่ และน้องสาว ไม่มีเงินติดตัวกันเลยค่ะ เงินแม่กว่าจะออกก็สิ้นเดือนด้วย
หนูเลยบอกเล่าเรื่องนี้ให้คู่กรณีรับรู้ค่ะ ว่าหนูเจอเหตุการณ์อะไรมา แค่กลัวว่าถ้าวันนึงเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น เพื่อนร่วมงานอย่างเขาก็ควรจะต้องรับรู้เรื่องด้วย ไม่ได้พูดถึงเรื่องขอยืมเงินหรือขอความช่วยเหลือนะคะ
แต่เขาเสนอว่าจะให้เงินหนู 1 แสนค่ะ ซึ่งหนูไม่ได้ตอบรับไว้ ด้วยมันเป็นเงินจำนวนที่เยอะมากๆ เขาบอกว่าให้เฉยๆ ไม่ต้องคืน เพราะเห็นแก่ที่หนูเคยช่วยเหลือเขา เงินแค่นี้มันเทียบไม่ได้ และเขาไม่ได้ลำบากอะไรค่ะ เขาก็ตื๊อจะยัดให้อยู่แบบนั้น ลำบากใจค่ะ หนูไม่เคยอยากได้เงินจากคนอื่น
เลยขอเวลาเขาไปปรึกษากับแม่ดู ซึ่งสุดท้าย หนูก็ต้องตอบรับความช่วยเหลือนั้นค่ะ แต่ขอแค่หมื่นห้า และจะขอใช้คืนค่ะ ไม่รับเอาไว้เปล่าๆ ซึ่งเจ้าตัวก็ยินดีรับข้อเสนอ พร้อมบอกว่าจะไม่เก็บดอกเบี้ยสักบาท
- - - - - - - - - - - - - - - - - -