*** ส่วนเพิ่มเติมนะครับ ไม่ได้ edit ข้อความข้างล่างแต่อย่างใด ***
ผมจะอธิบายให้ฟัง คือผมอคติกับบ้านเขาด้วย ตอนที่พี่ชายเขายังทำงานอยู่เขาก็ไม่ช่วยภรรยาผมผ่อนบ้านเก่านะ เขามีภาระต้องผ่อนรถเขา
เขามองว่าธุรกิจร้านสะดวกซื้อคือธุรกิจของที่บ้าน ทั้งที่เมียผมเป็นคนดูแล รายได้ต้องเข้าบ้านเขา ครอบครัวเขาไม่ลำบากครับออกจะฟุ่มเฟือยด้วย
เรื่องกินไม่ต้องพูดถึง และไม่ว่าจะมีหรือไม่มี จะหาเรื่องซื้อของฟุ่มเฟือยต่างๆมาใช้ เช่น หุ่นยนต์กวาดบ้าน อะไรทำนองนี้ ไม่ว่าอยากได้อะไรก็ซื้อ แต่งบ้านเอยอะไรเอย ซึ่งบางอย่างเมียผมก็ไม่เห็นด้วย แต่ก็จำใจต้องจ่ายร่วมกัน ซึ่งผมมองว่าทำไมผมต้องแบกภาระของบ้านผม แล้วภรรยาไปซัพพอตที่บ้าน ผมก็อยากสบายเหมือนกัน อยากได้นู่นอยากได้นี่ ไม่อยากทำโอที เอาแค่พออยู่ได้ก็พอแล้ว อยากให้มองเห็นในมุมนี้บ้างครับ ดีเทลต่างๆคงเล่าไม่หมดใน คห.เดียวหรอกครับ หวังว่าคนที่สงสัยว่าผมทำไมคิดแบบนี้ผ่านมาเห็นนะครับ ***
เกริ่นก่อนนะครับ
ผมอายุ 36 ปี ภรรยา อายุ 33 ปี มีลูกสาวด้วยกัน 1 คน อายุ 4 ปี
ผมทำงานประจำรายได้ประมาณ 45000 บาท ภรรยาทำธุรกิจของที่บ้านรายได้ ??? ไม่ตายตัว
ปัจจุบันมีหนี้ กู้ซื้อบ้าน 1 หลัง 3.4m ผ่อนมาได้ 3 ปีกว่า รถ 1 คัน 1.2 m ดาวไป 50% เหลือ 24งวด
ค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนประมาณนี้ครับ
ผ่อนบ้าน 18,000 <<<< ผ่อนมา 3 ปี ไม่ได้โปะ
ผ่อนรถ 14,000 <<<< ผ่อน 5 ปี เหลือยอดประมาณ 3 แสนต้นๆ
ค่าไฟ 1,500 - 2,000
ค่าน้ำ 200-300
ค่าอินเตอร์เนต 600
เราตกลงกันว่าจะช่วยกันตามสัดส่วนที่เธอไหว
คือ ผมผ่อนบ้าน 18,000 + ค่าเลี้ยงดูลูก 3,000(ให้ภรรยา) internet 600
เธอผ่อนรถ 14,000 + ค่าน้ำ,ค่าไฟ
ค่าของใช้ในบ้านก็ผลัดกันซื้อ ค่าเทอมหาร 2 ส่วนของลูกส่วนใหญ่เธอเป็นคนซื้อ ขนม+ของเล่น shopee ผมจะซื้อให้บ้างซักเดือนละครั้ง
ค่ากินผลัดกันจ่าย (ซึ่งตรงนี้มีประเด็นอยู่ เดี๋ยวผมเล่าไว้ข้างล่าง)
ซึ่งผมจะเป็นคนจัดการเรื่องโอนยอดทั้งหมด แล้วมาเคลียในส่วนของเธอทีหลัง และเธอก็ให้เงินไม่ค่อยตรงนัดซักเท่าไหร่ เลทไป เดือนนึงบ้าง 2 สัปดาห์บ้าง ตรงนี้ผมไม่ติดอะไร
#### เรื่องมีอยู่ว่าเธอทำงานธุรกิจในครอบครัวเป็นร้านสะดวกซื้อ ซึ่งยอดที่หักออกมาแต่ละเดือนไม่แน่นอนว่าเท่าไหร่ แต่เธอต้องผ่อนบ้านหลังเก่าที่เธอกู้ร่วมกับพี่ชายที่ซื้อเอาไว้อยู่กับพ่อและแม่ของเธอ (ก่อนที่จะแต่งงานแยกมาอยู่กับผม) และตอนนี้บ้านหลังนั้นปล่อยเช่าไปแล้วเพราะพี่ชายเธอแต่งงานและไปซื้อบ้านหลังใหม่กับภรรยาของพี่ชายโดยเอาพ่อกับแม่ไปอยู่ด้วย ยอดผ่อนบ้านหลังเก่าประมาณ 16,000 บาท ซึ่งเมื่อก่อนเธอจะแบ่งกันจ่ายกับพี่ชายคนละครึ่ง แต่ปัจจุบันพี่ชายเธอไม่ได้ทำงานเพราะออกมาช่วยดูแลพ่อที่ป่วยติดเตียง ซึ่งภรรยาผมก็เข้าไปดูแลทุกวัน เพราะบ้านอยู่ห่างกันประมาณ 3 กิโล
เธอจึงต้องจ่ายค่าบ้านเก่าคนเดียวโดยหักจากเงินที่เธอหาได้จากที่ร้านซึ่งเธอบริหารเองคนเดียว ซึ่งพักหลังมานี้ประมาณ 5 เดือนเงินเธอไม่พอมาช่วยผมผ่อนบ้าน ผมก็ต้องผ่อนบ้านเองทั้งหมดโดยเธอไม่เหลือเงินเลย เธออ้างว่าในแต่ละเดือนที่ช่วยผมจ่ายนั้นเธอต้องไปยืมพี่ชายบ้างหละ ดึงเงินจากร้านมาก่อนบ้างหละ
ซึ่งผมเคยคุยกับเธอหลายครั้งว่าทำไมเธอออกไปทำงาน ทำไมไม่หักเงินเดือนตัวเองแล้วเอามาช่วยผมจ่ายค่าบ้านของครอบครัวเราก่อน
ส่วนบ้านเก่าของเธอนั้น ควรแบ่งกันจ่ายกับพี่ชายของเธอ ปัญหานี้ควรโยนไปแก้กันที่บ้านของเธอ ไม่ใช่ว่าไม่มีมาจ่ายให้ผมแล้วโยนความเครียดมาให้ผมในแต่ละเดือน ##ก่อนแต่งงานเคยคุยกันไว้ว่าเธอจะค่อยๆเฟดออกมาจากภาระทางบ้าน แต่ตอนนี้เธอกลับรับภาระทั้งหมด##
เราทะเลาะกันบ่อยครั้ง ทุกครั้งเธอจะบอกเสมอว่า ถ้าให้เลือก เธอจะเลือกครอบครัวเธอ (พี่ชาย พ่อและแม่) ซึ่งผมอยากรักษาครอบครัวเอาไว้
ก็เลยยอมทุกครั้งไป ข้อดีเธอดูแลลูกดีมาก เธอเป็นคนขับรถไปรับ-ส่งลูกไปโรงเรียน เดินทางประมาณ 10 กิโล ส่วนงานของเธอคือมีหน้าที่ไปเก็บตังค์ที่แคชเชียร์และนำไปเข้าธนาคารประมาณนี้ เรื่องงานบ้านเธอไม่ขาดตกบกพร่อง สัมพันธ์ระหว่างเราก็ดีถ้าไม่มีปัญหาเรื่องเงินก็แทบจะไม่ทะเลาะอะไรกันเลย
ตัวผมไม่มีปัญหาเรื่องผู้หญิง ไม่เล่นพนัน ไม่ติดเหล้า แต่ข้อเสียของผมคืออยู่กับลูกไม่ได้นาน ทะเลาะกัน ลูกจะติดเธอมากไม่ค่อยเอาผมเท่าไหร่
งานในบ้านผมก็ช่วยบ้าง แต่ส่วนใหญ่เป็นเธอทำ งานนอกบ้านเป็นผมทำเช่น ปลูกต้นไม้ รดน้ำ ตัดหญ้า ล้างรถ งานที่ต้องใช้แรงกาย
จนมาประมาณ 4-5 เดือนนี้เธอไม่ช่วยผมออกค่าใช้จ่ายเลย เงินเดือนผมออกมาพอดีกับภาระหนี้สิน ส่วนค่ากินต้องเอาเงินเก็บออกมาใช้ไปในแต่ละเดือน ผมจะมีเงินเก้บประมาณนึงได้จากโบนัสที่หักไว้เก็บสะสมมา 4 ปีแล้ว ซึ่งตรงนี้เธอรู้ว่าผมมีเงินเก็บ และผมไม่อดตายแน่นอนเธอบอกแบบนั้น
แต่ในความรู้สึกผมเหมือนโดนเอาเปรียบมากๆ เธอทำงานไปใช้จ่ายที่บ้านของเธอ ส่วนผมทำงานหาเงินมาใช้ในครอบครัว โชคดีที่พ่อแม่ผมเขาดูแลตัวเองได้โดยการปล่อยห้องเช่า โบนัสออกผมจะแบ่งให้แม่ประมาณ 5-10% ในแต่ละปี ผมก็ได้แต่คิดว่าเราก็อยากให้แม่เราสบายนะทำไมครอบครัวเธอสบายอยู่ผ่ายเดียวหละ อยากกินอะไรกิน อยากซื้ออะไรซื้อ ตัวผมต้องประหยัดมากๆ กินข้าวมื้อละ 50-60 ซึ่งในช่วงวันหยุดเราจะออกไปหาอะไรกินข้างนอก (เธอไม่ค่อยชอบทำกับข้าว) โดยส่วนใหญ่มื้อกลางวันจะเป็นก๋วยเตี๋ยวเธอเป็นคนออก ส่วนมื้อเย็นนั้นจะเป็นผมออกจะกินเป็นพวก ชาบู ปิ้งย่าง ส้มตำ บุฟเฟต่างๆ
ซึ่งเธอชอบบ่นว่า ทำไมไม่เคยได้กินของแพงๆเลย อย่างบุพเฟ่ก็กินตัวถูก ไม่กินตัวแพงไปเลย อะไรแบบนี้ ผมก็เลยถามกลับว่าอยากกินแพงๆอะ มีตังค์จ่ายเหลือ แค่แบบธรรมดาก็มื้อละ 600-700 แล้ว ผมจ่ายแบบนี้ทุกเสาร์อาทิต ตั้งแต่แต่งงานกับเธอมา เธอจะเลี้ยงผมนับครั้งได้ ( ไม่ถึง 10 ) พอผมพูดแรงก็ทะเลาะกันอีก ความสัมพันธ์เริ่มไม่ดี ซึ่งจริงๆแล้วก็มีไปกินหรูๆบ้างนานๆที เช่นวันแต่งงาน วันเกิด โบนัสออก ประมาณนี้ (แพงของผมคือ บุฟเฟ่ หัวละ 1000 หรือร้านอาหารทะเล มื้อละ 2000 กว่าคือแพงแล้วสำหรับค่ากิน 1 มื้อ)
หลังๆมาคือทะเลาะกันบ่อย แล้วที่ผมไม่ชอบเลยคือเมื่อทะเลาะกันเธอเป็นต้องเก็บเสื้อผ้าหอบลูกไปอยู่ที่บ้านพ่อแม่เธอ
จนมีอยู่วันนึง ผมมีงาน (โอที) ต้องไปทำวันเสาร์ ออกไปทำงานตั้งแต่ ตี5 ก่อนกลับบ้านผมได้บอกภรรยาว่าให้เธอเตรียมข้าวไว้ที
จะได้กลับไปกินพร้อมหน้าพร้อมตากัน ซึ่งเธอบอกเธอไม่อยากออกไปซื้อ ผมก็โอเคงั้นต้มมาม่าใส่ผักให้กินก็ได้ ตกลงกันไว้ว่าจะไปเจอกันที่บ้าน
ประมาณ 6 โมงเย็น ซึ่งผมมาถึงเธอยังไม่กลับ ทั้งที่บ้านห่างกัน 3 กิโล ผมนอนพักรอด้วยความหิว ประมาณ 6.45 ผมเลยลุกไปต้มมาม่ากิน
เธอกลับมาถึงตอนที่ผมกำลังกินพอยู่พอดี ผมเลยถามด้วยน้ำเสียงและท่าทางโมโหว่า ทำไมเธอเพิ่งมา เธอไม่ตอบ ผมถามไปกี่คำถามเธอก็ไม่ตอบ
ผมก็ตะคอกเธอซ้ำๆ เธอเดินไปเก็บเสื้อผ้าและของใช้ลูกจะไปอยู่บ้านพ่อแม่ และไม่พูดอะไร ผมโมโหเลยไปล็อคคอเธอจากด้านหลัง เธอผลักผมไปโดน TV
ที่ยังผ่อนอยู่แตก ผมเห็นจึงโมโหมาก ผมทำร้ายร่างกายเธอ ผมต่อยเธอ 1 ที และเตะไปที่หน้าเธอ 1 ที เป็นจังหวะที่ลูกขึ้นมาเห็นผมจึงหยุด
เธอโทรเรียก ที่บ้านของเธอมารับ แม่เธอตะโกนด่าผมหน้าบ้าน และพยายามจะเอาของมาทุบตีผมซึ่งผมไม่ได้ตอบโต้อะไร ไม่ได้พูดอะไร (ก่อนเธอไปผมขอโทษลูกไป 1 ครั้ง) เธอบล็อคทุกการติดต่อของผมไปประมาณ 2 สัปดาห์ จากนั้นมีเหตุจำเป้นต้องเจอกัน ผมก็พยายามง้อ ง้ออยู่ประมาณ 1 เดือนก็กลับมาคืนดีกัน แต่ตอนนี้เธอไปๆมาๆ ระหว่างที่บ้านกับบ้านแม่ของเธอ และเธอยังไม่ได้ช่วยผมเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งเท่าที่คุยๆ ประมาณว่าเธอไม่อยากกลับมาช่วยจ่ายแล้ว ถ้าให้เธอจ่ายเธออยากเลิก ประมาณนี้ ผมควรทำอย่างไรดีครับ
ปล.ผมเล่าอาจจะออกทะเลไปบ้าง เพราะไม่ได้เรียบเรียงก่อน เล่าไปตามลำดับเหตุการณ์จริง ขออภัยด้วยครับ
รู้สึกว่าโดนภรรยาเอาเปรียบ "เรื่องค่าใช้จ่าย" (ภรรยามีภาระทางบ้าน)
ผมจะอธิบายให้ฟัง คือผมอคติกับบ้านเขาด้วย ตอนที่พี่ชายเขายังทำงานอยู่เขาก็ไม่ช่วยภรรยาผมผ่อนบ้านเก่านะ เขามีภาระต้องผ่อนรถเขา
เขามองว่าธุรกิจร้านสะดวกซื้อคือธุรกิจของที่บ้าน ทั้งที่เมียผมเป็นคนดูแล รายได้ต้องเข้าบ้านเขา ครอบครัวเขาไม่ลำบากครับออกจะฟุ่มเฟือยด้วย
เรื่องกินไม่ต้องพูดถึง และไม่ว่าจะมีหรือไม่มี จะหาเรื่องซื้อของฟุ่มเฟือยต่างๆมาใช้ เช่น หุ่นยนต์กวาดบ้าน อะไรทำนองนี้ ไม่ว่าอยากได้อะไรก็ซื้อ แต่งบ้านเอยอะไรเอย ซึ่งบางอย่างเมียผมก็ไม่เห็นด้วย แต่ก็จำใจต้องจ่ายร่วมกัน ซึ่งผมมองว่าทำไมผมต้องแบกภาระของบ้านผม แล้วภรรยาไปซัพพอตที่บ้าน ผมก็อยากสบายเหมือนกัน อยากได้นู่นอยากได้นี่ ไม่อยากทำโอที เอาแค่พออยู่ได้ก็พอแล้ว อยากให้มองเห็นในมุมนี้บ้างครับ ดีเทลต่างๆคงเล่าไม่หมดใน คห.เดียวหรอกครับ หวังว่าคนที่สงสัยว่าผมทำไมคิดแบบนี้ผ่านมาเห็นนะครับ ***
เกริ่นก่อนนะครับ
ผมอายุ 36 ปี ภรรยา อายุ 33 ปี มีลูกสาวด้วยกัน 1 คน อายุ 4 ปี
ผมทำงานประจำรายได้ประมาณ 45000 บาท ภรรยาทำธุรกิจของที่บ้านรายได้ ??? ไม่ตายตัว
ปัจจุบันมีหนี้ กู้ซื้อบ้าน 1 หลัง 3.4m ผ่อนมาได้ 3 ปีกว่า รถ 1 คัน 1.2 m ดาวไป 50% เหลือ 24งวด
ค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนประมาณนี้ครับ
ผ่อนบ้าน 18,000 <<<< ผ่อนมา 3 ปี ไม่ได้โปะ
ผ่อนรถ 14,000 <<<< ผ่อน 5 ปี เหลือยอดประมาณ 3 แสนต้นๆ
ค่าไฟ 1,500 - 2,000
ค่าน้ำ 200-300
ค่าอินเตอร์เนต 600
เราตกลงกันว่าจะช่วยกันตามสัดส่วนที่เธอไหว
คือ ผมผ่อนบ้าน 18,000 + ค่าเลี้ยงดูลูก 3,000(ให้ภรรยา) internet 600
เธอผ่อนรถ 14,000 + ค่าน้ำ,ค่าไฟ
ค่าของใช้ในบ้านก็ผลัดกันซื้อ ค่าเทอมหาร 2 ส่วนของลูกส่วนใหญ่เธอเป็นคนซื้อ ขนม+ของเล่น shopee ผมจะซื้อให้บ้างซักเดือนละครั้ง
ค่ากินผลัดกันจ่าย (ซึ่งตรงนี้มีประเด็นอยู่ เดี๋ยวผมเล่าไว้ข้างล่าง)
ซึ่งผมจะเป็นคนจัดการเรื่องโอนยอดทั้งหมด แล้วมาเคลียในส่วนของเธอทีหลัง และเธอก็ให้เงินไม่ค่อยตรงนัดซักเท่าไหร่ เลทไป เดือนนึงบ้าง 2 สัปดาห์บ้าง ตรงนี้ผมไม่ติดอะไร
#### เรื่องมีอยู่ว่าเธอทำงานธุรกิจในครอบครัวเป็นร้านสะดวกซื้อ ซึ่งยอดที่หักออกมาแต่ละเดือนไม่แน่นอนว่าเท่าไหร่ แต่เธอต้องผ่อนบ้านหลังเก่าที่เธอกู้ร่วมกับพี่ชายที่ซื้อเอาไว้อยู่กับพ่อและแม่ของเธอ (ก่อนที่จะแต่งงานแยกมาอยู่กับผม) และตอนนี้บ้านหลังนั้นปล่อยเช่าไปแล้วเพราะพี่ชายเธอแต่งงานและไปซื้อบ้านหลังใหม่กับภรรยาของพี่ชายโดยเอาพ่อกับแม่ไปอยู่ด้วย ยอดผ่อนบ้านหลังเก่าประมาณ 16,000 บาท ซึ่งเมื่อก่อนเธอจะแบ่งกันจ่ายกับพี่ชายคนละครึ่ง แต่ปัจจุบันพี่ชายเธอไม่ได้ทำงานเพราะออกมาช่วยดูแลพ่อที่ป่วยติดเตียง ซึ่งภรรยาผมก็เข้าไปดูแลทุกวัน เพราะบ้านอยู่ห่างกันประมาณ 3 กิโล
เธอจึงต้องจ่ายค่าบ้านเก่าคนเดียวโดยหักจากเงินที่เธอหาได้จากที่ร้านซึ่งเธอบริหารเองคนเดียว ซึ่งพักหลังมานี้ประมาณ 5 เดือนเงินเธอไม่พอมาช่วยผมผ่อนบ้าน ผมก็ต้องผ่อนบ้านเองทั้งหมดโดยเธอไม่เหลือเงินเลย เธออ้างว่าในแต่ละเดือนที่ช่วยผมจ่ายนั้นเธอต้องไปยืมพี่ชายบ้างหละ ดึงเงินจากร้านมาก่อนบ้างหละ
ซึ่งผมเคยคุยกับเธอหลายครั้งว่าทำไมเธอออกไปทำงาน ทำไมไม่หักเงินเดือนตัวเองแล้วเอามาช่วยผมจ่ายค่าบ้านของครอบครัวเราก่อน
ส่วนบ้านเก่าของเธอนั้น ควรแบ่งกันจ่ายกับพี่ชายของเธอ ปัญหานี้ควรโยนไปแก้กันที่บ้านของเธอ ไม่ใช่ว่าไม่มีมาจ่ายให้ผมแล้วโยนความเครียดมาให้ผมในแต่ละเดือน ##ก่อนแต่งงานเคยคุยกันไว้ว่าเธอจะค่อยๆเฟดออกมาจากภาระทางบ้าน แต่ตอนนี้เธอกลับรับภาระทั้งหมด##
เราทะเลาะกันบ่อยครั้ง ทุกครั้งเธอจะบอกเสมอว่า ถ้าให้เลือก เธอจะเลือกครอบครัวเธอ (พี่ชาย พ่อและแม่) ซึ่งผมอยากรักษาครอบครัวเอาไว้
ก็เลยยอมทุกครั้งไป ข้อดีเธอดูแลลูกดีมาก เธอเป็นคนขับรถไปรับ-ส่งลูกไปโรงเรียน เดินทางประมาณ 10 กิโล ส่วนงานของเธอคือมีหน้าที่ไปเก็บตังค์ที่แคชเชียร์และนำไปเข้าธนาคารประมาณนี้ เรื่องงานบ้านเธอไม่ขาดตกบกพร่อง สัมพันธ์ระหว่างเราก็ดีถ้าไม่มีปัญหาเรื่องเงินก็แทบจะไม่ทะเลาะอะไรกันเลย
ตัวผมไม่มีปัญหาเรื่องผู้หญิง ไม่เล่นพนัน ไม่ติดเหล้า แต่ข้อเสียของผมคืออยู่กับลูกไม่ได้นาน ทะเลาะกัน ลูกจะติดเธอมากไม่ค่อยเอาผมเท่าไหร่
งานในบ้านผมก็ช่วยบ้าง แต่ส่วนใหญ่เป็นเธอทำ งานนอกบ้านเป็นผมทำเช่น ปลูกต้นไม้ รดน้ำ ตัดหญ้า ล้างรถ งานที่ต้องใช้แรงกาย
จนมาประมาณ 4-5 เดือนนี้เธอไม่ช่วยผมออกค่าใช้จ่ายเลย เงินเดือนผมออกมาพอดีกับภาระหนี้สิน ส่วนค่ากินต้องเอาเงินเก็บออกมาใช้ไปในแต่ละเดือน ผมจะมีเงินเก้บประมาณนึงได้จากโบนัสที่หักไว้เก็บสะสมมา 4 ปีแล้ว ซึ่งตรงนี้เธอรู้ว่าผมมีเงินเก็บ และผมไม่อดตายแน่นอนเธอบอกแบบนั้น
แต่ในความรู้สึกผมเหมือนโดนเอาเปรียบมากๆ เธอทำงานไปใช้จ่ายที่บ้านของเธอ ส่วนผมทำงานหาเงินมาใช้ในครอบครัว โชคดีที่พ่อแม่ผมเขาดูแลตัวเองได้โดยการปล่อยห้องเช่า โบนัสออกผมจะแบ่งให้แม่ประมาณ 5-10% ในแต่ละปี ผมก็ได้แต่คิดว่าเราก็อยากให้แม่เราสบายนะทำไมครอบครัวเธอสบายอยู่ผ่ายเดียวหละ อยากกินอะไรกิน อยากซื้ออะไรซื้อ ตัวผมต้องประหยัดมากๆ กินข้าวมื้อละ 50-60 ซึ่งในช่วงวันหยุดเราจะออกไปหาอะไรกินข้างนอก (เธอไม่ค่อยชอบทำกับข้าว) โดยส่วนใหญ่มื้อกลางวันจะเป็นก๋วยเตี๋ยวเธอเป็นคนออก ส่วนมื้อเย็นนั้นจะเป็นผมออกจะกินเป็นพวก ชาบู ปิ้งย่าง ส้มตำ บุฟเฟต่างๆ
ซึ่งเธอชอบบ่นว่า ทำไมไม่เคยได้กินของแพงๆเลย อย่างบุพเฟ่ก็กินตัวถูก ไม่กินตัวแพงไปเลย อะไรแบบนี้ ผมก็เลยถามกลับว่าอยากกินแพงๆอะ มีตังค์จ่ายเหลือ แค่แบบธรรมดาก็มื้อละ 600-700 แล้ว ผมจ่ายแบบนี้ทุกเสาร์อาทิต ตั้งแต่แต่งงานกับเธอมา เธอจะเลี้ยงผมนับครั้งได้ ( ไม่ถึง 10 ) พอผมพูดแรงก็ทะเลาะกันอีก ความสัมพันธ์เริ่มไม่ดี ซึ่งจริงๆแล้วก็มีไปกินหรูๆบ้างนานๆที เช่นวันแต่งงาน วันเกิด โบนัสออก ประมาณนี้ (แพงของผมคือ บุฟเฟ่ หัวละ 1000 หรือร้านอาหารทะเล มื้อละ 2000 กว่าคือแพงแล้วสำหรับค่ากิน 1 มื้อ)
หลังๆมาคือทะเลาะกันบ่อย แล้วที่ผมไม่ชอบเลยคือเมื่อทะเลาะกันเธอเป็นต้องเก็บเสื้อผ้าหอบลูกไปอยู่ที่บ้านพ่อแม่เธอ
จนมีอยู่วันนึง ผมมีงาน (โอที) ต้องไปทำวันเสาร์ ออกไปทำงานตั้งแต่ ตี5 ก่อนกลับบ้านผมได้บอกภรรยาว่าให้เธอเตรียมข้าวไว้ที
จะได้กลับไปกินพร้อมหน้าพร้อมตากัน ซึ่งเธอบอกเธอไม่อยากออกไปซื้อ ผมก็โอเคงั้นต้มมาม่าใส่ผักให้กินก็ได้ ตกลงกันไว้ว่าจะไปเจอกันที่บ้าน
ประมาณ 6 โมงเย็น ซึ่งผมมาถึงเธอยังไม่กลับ ทั้งที่บ้านห่างกัน 3 กิโล ผมนอนพักรอด้วยความหิว ประมาณ 6.45 ผมเลยลุกไปต้มมาม่ากิน
เธอกลับมาถึงตอนที่ผมกำลังกินพอยู่พอดี ผมเลยถามด้วยน้ำเสียงและท่าทางโมโหว่า ทำไมเธอเพิ่งมา เธอไม่ตอบ ผมถามไปกี่คำถามเธอก็ไม่ตอบ
ผมก็ตะคอกเธอซ้ำๆ เธอเดินไปเก็บเสื้อผ้าและของใช้ลูกจะไปอยู่บ้านพ่อแม่ และไม่พูดอะไร ผมโมโหเลยไปล็อคคอเธอจากด้านหลัง เธอผลักผมไปโดน TV
ที่ยังผ่อนอยู่แตก ผมเห็นจึงโมโหมาก ผมทำร้ายร่างกายเธอ ผมต่อยเธอ 1 ที และเตะไปที่หน้าเธอ 1 ที เป็นจังหวะที่ลูกขึ้นมาเห็นผมจึงหยุด
เธอโทรเรียก ที่บ้านของเธอมารับ แม่เธอตะโกนด่าผมหน้าบ้าน และพยายามจะเอาของมาทุบตีผมซึ่งผมไม่ได้ตอบโต้อะไร ไม่ได้พูดอะไร (ก่อนเธอไปผมขอโทษลูกไป 1 ครั้ง) เธอบล็อคทุกการติดต่อของผมไปประมาณ 2 สัปดาห์ จากนั้นมีเหตุจำเป้นต้องเจอกัน ผมก็พยายามง้อ ง้ออยู่ประมาณ 1 เดือนก็กลับมาคืนดีกัน แต่ตอนนี้เธอไปๆมาๆ ระหว่างที่บ้านกับบ้านแม่ของเธอ และเธอยังไม่ได้ช่วยผมเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งเท่าที่คุยๆ ประมาณว่าเธอไม่อยากกลับมาช่วยจ่ายแล้ว ถ้าให้เธอจ่ายเธออยากเลิก ประมาณนี้ ผมควรทำอย่างไรดีครับ
ปล.ผมเล่าอาจจะออกทะเลไปบ้าง เพราะไม่ได้เรียบเรียงก่อน เล่าไปตามลำดับเหตุการณ์จริง ขออภัยด้วยครับ