สวัสดี ที่เรามาตั้งกระทู้เป็นเพราะเราอยากระบายความรู้สึกต่างๆในใจตัวเองและระบายอารมณ์ที่ขุ่นมัวในจิตใจไม่ได้มีเจตนาใดๆนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น
เราคบกับแฟนคนปัจจุบันซึ่งที่ผ่านมาเรามีแฟนมาทั้งหมด 3 คน คนปัจจุบันคือคนที่ 3 เราได้ตั้งท้องลูกคนแรกเราดีใจมากและก็ใจหายเช่นกันเพราะไม่ได้ตั้งใจมี เราเลยไปฝากครรภ์ที่รพ.แห่งหนึ่ง ตอนนั้นเราทำงานเป็นผู้ช่วยอยู่ในรพ.ที่ฝากครรภ์เลยทำให้ง่ายต่อการติดต่อระหว่างแผนก ในการฝากครรภ์จะมีการเจาะเลือดเพื่อตรวจ วันหนึ่งมีหัวหน้าพยาบาลจากวอร์ดที่ไปฝากครรภ์โทรมายังวอร์ดเราเพื่อตามเราไปหา ตอนแรกเราก็คิดว่าอาจจะขอตรวจอะไรเพิ่มเลยรีบลงไปทั้งๆที่ภาระงานยังมีอยู่แค่ก็สละเวลาให้เพราะเห็นว่าหัวหน้าแผนกโทรมาตาม พอลงไปถึงเขาก็ให้เราเดินตามไปห้องหนึ่งเป็นคล้ายๆห้องประชุมในห้องนั้นมีเราและเขาอยู่ 2 คน เขาก็เริ่มพูดกับเราว่าเราติดเชื้อhiv ตอนนั้นเราช็อคมากแต่เราไม่แสดงอาการอะไรเพราะทุกอย่างมันดับไปหมด และเขาก็พูดว่าทำไมเราไม่รักตัวเอง แล้วรู้มั้ยว่าถ้าสมมติว่าติดจากคนที่1 คนที่2 ก็ต้องมารับผลกรรม แล้วถ้าติดจากคนที่2 คนที่3 ก็ต้องมารับผลกรรมโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ซึ่งเราพูดได้เลยว่าคนที่1 ไม่มีทางเพราะเราใส่ถุงตลอด ส่วนคนที่สองด้วยความที่คบกัน 3 ปี มันก็ทำให้ไว้ใจไปแล้วเขาเองก็ไม่ได้บอกว่าเป็นอะไร คนที่3 ตรวจแล้วผลเป็นลบ ซึ่งแน่นอนว่าต้องมาจากคนที่2 แล้วเขาก็พูดต่อว่าเราต้องมีจรรยาบรรณในวิชาชีพอย่าเอาไปติดใคร ในตอนนั้นทุกอย่างในหัวเรามันมืดกว่าเดิม ตอนนั้นในหัวเราคิดว่าการที่เราติดโรคทำให้ทุกคนมองว่าคนที่ติดโรคนี้เป็นตัวร้ายในสังคมไปเลยตราหน้าไปแล้วว่าเขาเป็นยังไง การที่เขาพูดมันก็ถูกแต่การใช้คำพูดของเขานั้นมันเหมือนโจมตีเราในใจว่าเราดูเหมือนคนที่จะไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ส่วนลูกหมอบอกให้เก็บไว้และกินยารักษาเพราะมันรักษาได้ป้องกันได้ หลังจากวันนั้นเราได้ลาออกจากที่ทำงานเพราะสภาพจิตใจเราไม่ไหวบวกกับแพ้ท้องด้วยเลยไม่สู้อะไรเลย พอล่วงเลยมาจนถึงวันคลอดเราก็ได้กลับไปคลอดที่รพ.นั้น ในระหว่างที่เรากำลังเดินตามเขาไปในห้องเขาก็เดินไปถึงก่อนส่วนเราก็ค่อยๆเดินพยุงท้องตัวเองตามไปทันใดนั้นเขาก็ตะคอกออกมาจากห้องว่า เดินมาเร็วๆ ตะคอกด้วยน้ำเสียงไม่พอใจอย่างมากเหมือนคนโดนเกลียดหรือทำอะไรให้ไม่พอใจ ซึ่งไม่รู้ได้เพราะตอนเราถามแฟนว่าเขาคุยด้วยดีมั้ย แฟนเราก็บอกว่าคุยดีนะ แต่เราไม่เข้าใจว่าพอมาถึงเราแล้วเขาเป็นอะไร เขาก็ให้เราชั่งน้ำหนักแล้วขึ้นเตียงวัดการเต้นหัวใจของลูก พอวัดเสร็จเขาก็ให้เราเปลี่ยนเป็นผ้าถุง ระหว่างที่เขาให้เราเดินเข้าห้องน้ำยังไม่ทันก้าวพ้นประตู เขาก็พูดกันว่าทำไมไม่รู้จักจับมือกันไปตรวจ พยาบาลคนนึงก็พูดว่าสงสัยกำลังเคลิ้มไง ตอนที่เราได้ยินก็รู้สึกไม่อยากคลอดแล้วไม่อยากมีลูกแล้ว ตอนนั้นเราอยากหายไปในห้องน้ำมากๆ เรื่องนี้ก็ทำให้เรารู้ว่าแม้กระทั่งบุคลากรทางการแพทย์เองก็ยังไม่เข้าใจและไม่เปิดรับโรคนี้อยู่ดีในปัจจุบัน ส่วนท้ายนี้ลูกเราแข็งแรงดีและไม่ติดเชื้อจากเราเนื่องจากเราดูแลตัวเองและทานยาตรงเวลาจนไวรัลโหลดน้อยกว่า 20 แล้ว และที่สำคัญแฟนคนปัจจุบันก็รู้ว่าเราเป็นขอบคุณโรคนี้อยู่ พาไปรับยาและคอยดูแลเหมือนเดิม ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและขอโทษถ้าหากทำให้เคืองใจด้วยประการใดๆก็ตาม
ประสบการณ์อันเลวร้ายกับHIVครั้งแรก
เราคบกับแฟนคนปัจจุบันซึ่งที่ผ่านมาเรามีแฟนมาทั้งหมด 3 คน คนปัจจุบันคือคนที่ 3 เราได้ตั้งท้องลูกคนแรกเราดีใจมากและก็ใจหายเช่นกันเพราะไม่ได้ตั้งใจมี เราเลยไปฝากครรภ์ที่รพ.แห่งหนึ่ง ตอนนั้นเราทำงานเป็นผู้ช่วยอยู่ในรพ.ที่ฝากครรภ์เลยทำให้ง่ายต่อการติดต่อระหว่างแผนก ในการฝากครรภ์จะมีการเจาะเลือดเพื่อตรวจ วันหนึ่งมีหัวหน้าพยาบาลจากวอร์ดที่ไปฝากครรภ์โทรมายังวอร์ดเราเพื่อตามเราไปหา ตอนแรกเราก็คิดว่าอาจจะขอตรวจอะไรเพิ่มเลยรีบลงไปทั้งๆที่ภาระงานยังมีอยู่แค่ก็สละเวลาให้เพราะเห็นว่าหัวหน้าแผนกโทรมาตาม พอลงไปถึงเขาก็ให้เราเดินตามไปห้องหนึ่งเป็นคล้ายๆห้องประชุมในห้องนั้นมีเราและเขาอยู่ 2 คน เขาก็เริ่มพูดกับเราว่าเราติดเชื้อhiv ตอนนั้นเราช็อคมากแต่เราไม่แสดงอาการอะไรเพราะทุกอย่างมันดับไปหมด และเขาก็พูดว่าทำไมเราไม่รักตัวเอง แล้วรู้มั้ยว่าถ้าสมมติว่าติดจากคนที่1 คนที่2 ก็ต้องมารับผลกรรม แล้วถ้าติดจากคนที่2 คนที่3 ก็ต้องมารับผลกรรมโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ซึ่งเราพูดได้เลยว่าคนที่1 ไม่มีทางเพราะเราใส่ถุงตลอด ส่วนคนที่สองด้วยความที่คบกัน 3 ปี มันก็ทำให้ไว้ใจไปแล้วเขาเองก็ไม่ได้บอกว่าเป็นอะไร คนที่3 ตรวจแล้วผลเป็นลบ ซึ่งแน่นอนว่าต้องมาจากคนที่2 แล้วเขาก็พูดต่อว่าเราต้องมีจรรยาบรรณในวิชาชีพอย่าเอาไปติดใคร ในตอนนั้นทุกอย่างในหัวเรามันมืดกว่าเดิม ตอนนั้นในหัวเราคิดว่าการที่เราติดโรคทำให้ทุกคนมองว่าคนที่ติดโรคนี้เป็นตัวร้ายในสังคมไปเลยตราหน้าไปแล้วว่าเขาเป็นยังไง การที่เขาพูดมันก็ถูกแต่การใช้คำพูดของเขานั้นมันเหมือนโจมตีเราในใจว่าเราดูเหมือนคนที่จะไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ส่วนลูกหมอบอกให้เก็บไว้และกินยารักษาเพราะมันรักษาได้ป้องกันได้ หลังจากวันนั้นเราได้ลาออกจากที่ทำงานเพราะสภาพจิตใจเราไม่ไหวบวกกับแพ้ท้องด้วยเลยไม่สู้อะไรเลย พอล่วงเลยมาจนถึงวันคลอดเราก็ได้กลับไปคลอดที่รพ.นั้น ในระหว่างที่เรากำลังเดินตามเขาไปในห้องเขาก็เดินไปถึงก่อนส่วนเราก็ค่อยๆเดินพยุงท้องตัวเองตามไปทันใดนั้นเขาก็ตะคอกออกมาจากห้องว่า เดินมาเร็วๆ ตะคอกด้วยน้ำเสียงไม่พอใจอย่างมากเหมือนคนโดนเกลียดหรือทำอะไรให้ไม่พอใจ ซึ่งไม่รู้ได้เพราะตอนเราถามแฟนว่าเขาคุยด้วยดีมั้ย แฟนเราก็บอกว่าคุยดีนะ แต่เราไม่เข้าใจว่าพอมาถึงเราแล้วเขาเป็นอะไร เขาก็ให้เราชั่งน้ำหนักแล้วขึ้นเตียงวัดการเต้นหัวใจของลูก พอวัดเสร็จเขาก็ให้เราเปลี่ยนเป็นผ้าถุง ระหว่างที่เขาให้เราเดินเข้าห้องน้ำยังไม่ทันก้าวพ้นประตู เขาก็พูดกันว่าทำไมไม่รู้จักจับมือกันไปตรวจ พยาบาลคนนึงก็พูดว่าสงสัยกำลังเคลิ้มไง ตอนที่เราได้ยินก็รู้สึกไม่อยากคลอดแล้วไม่อยากมีลูกแล้ว ตอนนั้นเราอยากหายไปในห้องน้ำมากๆ เรื่องนี้ก็ทำให้เรารู้ว่าแม้กระทั่งบุคลากรทางการแพทย์เองก็ยังไม่เข้าใจและไม่เปิดรับโรคนี้อยู่ดีในปัจจุบัน ส่วนท้ายนี้ลูกเราแข็งแรงดีและไม่ติดเชื้อจากเราเนื่องจากเราดูแลตัวเองและทานยาตรงเวลาจนไวรัลโหลดน้อยกว่า 20 แล้ว และที่สำคัญแฟนคนปัจจุบันก็รู้ว่าเราเป็นขอบคุณโรคนี้อยู่ พาไปรับยาและคอยดูแลเหมือนเดิม ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและขอโทษถ้าหากทำให้เคืองใจด้วยประการใดๆก็ตาม