ปากบวม
เริ่มจากสองปีที่แล้ว อยู่ๆก็มีเม็ดเล็กๆเป็นตุ่มใสๆ สองสามเม็ดขึ้นที่ขอบปาก คันๆเจ็บนิดๆ แล้วขอบปากด้านบนเป็นรอยแดง ไปหาหมอ หมอก็ให้ครีมทามา ก็หายไป พอปีที่แล้วเป็นขึ้นมาใหม่ ก็ไม่ได้ไปหาหมอ จะเป็นๆหายๆ นานๆเป็นครั้งนึงพอสักอาทิตย์ก็หาย สองสามเดือนเป็นใหม่
จนมาถึงต้นปีนี้เป็นถี่ขึ้น แต่รอยแดงไม่เยอะ และยังไม่ค่อยเจ็บมาก ตอนนั้นคิดว่าคงเป็นเพราะแพ้อาหารอะไรสักอย่าง พอปากเริ่มหายเห่อ ก็ลองสังเกตจากอาหารที่กิน (ที่ไม่ได้กินทุกวัน) เริ่มจากขนมปัง พอกินเสร็จสักพักเหมือนมีอาการคันปาก แล้วปากก็เห่อแดง (คิดว่าแน่ล่ะ แพ้พวกยีสต์ จากขนมปังแน่เลย) ก็เลี่ยงไม่กินไปหลายวัน มีหายบ้าง เห่อบ้าง ตอนมีนัดหมอตรวจโรคทั่วไป ก็ให้หมอช่วยดูว่าเป็นอะไร หมอให้ยาแก้แพ้ แต่ก็ช่วยได้ไม่เยอะ
จากที่เป็นๆ หายๆ ปลายเดือนที่แล้วไม่หาย กลายเป็นเ ปากแดงเห่อบ้าง เป็นตุ่มเล็กใสบ้าง(เล็กมองไม่เห็นต้องมือไปโดน จะรู้สึกเจ็บ) ทุกวัน
จนเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วไปหาหมอผิวหนัง ถามหมอว่าเป็นเพราะแพ้อาหารตัวไหนไหม บอกบอกว่าไม่น่าจะใช่ (เพราะเด็กๆไม่เคยแพ้)หมอก็สักประวัติการใช้เครื่องสำอาง ลิปสติก ซึ่งเราไม่ได้ใช้ (ใช้แค่วาสลีน) พวกยาสีฟัน อะไรต่างๆ หมอก็ถามเรื่องการดื่มน้ำ ว่าดื่มจากขวดไหม (
) พอหมอพูดปุ๊ป เราก็ใช่ค่ะ
(ก่อนหน้าจะไปหาหมอสองวัน เราเพิ่งรู้สึกเจ็บเวลาขวดโดนปาก คิดไว้อยู่ว่าจะเปลี่ยนเป็นใช้แก้ว หรือหลอดพอดี แต่คิดช้าไปมาก
) หมอบอกดูจากรอยแดงแล้วเป็นรูปปากขวด
เราเป็นคนคอแห้งง่าย จะพกขวดน้ำเล็กๆไว้ในกระเป๋า ในรถและวางไว้บนโต๊ะ หัวนอน ทุกครั้งที่เวลาหิวน้ำจะได้ใกล้มือ (กรอกปากง่าย) พอน้ำหมดขวดเล็ก ก็เทเติม ล้างขวดทุกครั้ง(โดยเขย่าขวดเอามือลูบๆปากขวดบ้าง ถูสก๊อตไบรท์บ้าง) ดื่มน้ำแบบนี้มาหลายปี
หมอว่าอาจจะเป็นเพราะขวดสกปรก มีเชื้อโรค (แต่เราล้างขวดนะ ถึงไม่บ่อยแต่ก็บ่อย
) ให้เปลี่ยนวิธีดื่มน้ำโดยใช้หลอดแทน และให้ยามาทา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อันนี้รูปหลายๆ ครั้ง บวมบ้าง แดงบ้าง หายบ้าง
ใส่ข้อความ
(หมอบอกว่ารับรองสองอาทิตย์หายแน่นอน)
เลิกดื่มน้ำจากขวด ทายาก่อนนอนทุกคืน อาทิตย์เดียวหายเลยค่ะ
ครบสองอาทิตย์ไปพบหมอตามนัด ถอดหน้ากากให้หมอดู หมอ
บอกหายแล้วนะคะ เราก็ค่ะ หน้าระรื่น กลับบ้าน
เอ็นไหล่อักเสบ
เริ่มจาก สองปีที่แล้วอยู่ๆ เจ็บจิ๊ดๆที่กลางแขน เป็นๆหายๆ (อีกล่ะ) แรกๆก็เดือนสองเดือนเจ็บแบบจิ๊ดสะดุ้งเลยเป็นแป๊ปเดียว เป็นแบบนี้มาเกือบปี (ไปหาหมอที่กทม บอกก็บอกว่ามันไม่หาย เราเข้าใจที่หมอพูดนะคะกับคำว่าไม่หาย คือมันเป็นเหมือนกล้ามเนื้ออักเสบ เป็นๆหายๆ ถ้ายิ่งไม่ออกกำลังกาย ก็เป็นบ่อย)
พอปีที่แล้ว ปวดและเจ็บหัวไหล่ เจ็บจิ๊ดกลางแขนบ่อยขึ้น แบบจากสองสามเดือนเป็นที มาเป็นเดือนละครั้ง แล้วก็ถี่ขึ้น จนปวดทุกวันช่วงนั้นไม่ค่อยได้อยู่ กทม เลยไปหาหมอที่ศูนย์ผู้สูงอายุ (ที่นี่จ่ายเงินเอง ไม่มีสิทธิ์อะไรให้ใช้)ทำกายภาพบำบัด ทั้งฝังเข็ม ช็อตเวฟ กระตุ้นไฟฟ้า อาการก็เหมือนเดิมค่ะ เจ็บบ้าง หายบ้าง หมอถามว่ามีประกันสังคมของ รพ.สมเด็จไหม ถ้ามีก็ไปรักษาที่โน่นจะได้เข้าเครื่อง MRI ดูว่าเป็นที่เส้นเอ็นหรือไม่
หลังจากนั้นเราก็ไปทำเรื่องย้าย รพ.ประกันสังคมมาที่สมเด็จ หมอก็ทำใบนัดให้เราไปหาที่ รพ. เริ่มพบหมอใหม่ ทำกายภาพต่อ อีกเดือน (อาทิตย์ละครั้ง) พอไม่หายแน่แล้วหมอก็จองคิวเข้าเครื่อง MRI ผลออกมาว่าเอ็นไหล่มีรอยฉีกเล็ก เล็ก สองที่(อันนี้จากที่หมอบอกนะคะ) หมอก็บอกว่าต้องไปรักษาที่แผนกกระดูก หมอก็ทำนัดย้ายแผนกให้
เจอหมอกระดูกครั้งแรก (ไปช่วงสายเลยได้พบหมอน้อง) หมอก็ให้แค่ยาแก้ปวด แล้วนัดใหม่อีกสองอาทิตย์ พอผ่านไปยังไม่ครบอาทิตย์เราปวดแขนมาก ยกแขนไม่ขึ้น ขยับแขนไม่ได้ (ใช้งานแขนเยอะ พอปวดก็ไม่ค่อยขยับแขนเลยทำให้กล้ามเนื้อยึด) เช้าวันอังคารเลยไปหาหมอก่อนเวลา 1อาทิตย์ เจอหมอน้องเหมือนเดิม ถามหมอว่าผ่าตัดได้ไหม หมอก็ดูประวัติไป แล้วสักพักหมอน้องเลยไปเรียกอาจารย์มาให้ พอหมอมาก็จับแขนยก น้ำตาเล็ดเลยค่ะ คุยกับหมอค่ะว่าผ่าได้ไหม ณ ตอนนั้นเรียกว่าเจ็บมาก ขยับแขนแทบไม่ได้ รู้สึกเหมือนแขนพิการ
หมอบอกว่าทำกายภาพบำบัดก่อน ตามขั้นตอนรักษา ถ้าไม่หายหรือไม่ดีขึ้นค่อยผ่า ก่อนหน้านี้ทำกายภาพมาแล้วแต่น่าจะคนละส่วนกายภาพแบบกล้ามเนื้ออักเสบ ไม่ใช่เอ็นไหล่ฉีก (อันนี้คิดเอาเองนะคะ เพราะหมอให้เริ่มทำกายภาพใหม่ ให้ทำทุกวัน)
วันนั้นเลยขอหมอว่าฉีดยาให้ได้ไหม (สเตียรอยด์) เคยฉีดก่อนหน้านี้ตอนรักษาที่ศูนย์ผู้สูงอายุ ระยะเกินหกเดือนแล้ว หมอก็ฉีดให้ค่ะ การปวดก็น้อยลง ขยับแขนได้ พออีกวันก็ไปทำกายภาพ (เรื่องนี้ขอข้ามนะคะ จำไม่ได้แล้ว ว่าไปทำอะไรบ้าง แต่ถึงเวลาทำกายภาพจริงๆ ก็ทำแค่อาทิตย์ละวัน แถมความดันเกิน ต้องไปหาหมอความดันอีก) ทำได้ประมาณหนึ่งเดือนนักหมอทางกายภาพก็บอกว่าไม่ต้องมาแล้ว
หลังจากวันที่ฉีดยา นัดครั้งต่อมาคือเดือน ถัดไป แขนก็เจ็บน้อยลงมาก แต่ก็ไม่หายเจ็บ (ฤทธิ์ยาจะอยู่ได้ประมาณ 3-4เดือนค่ะ แล้วแต่คนนะคะ) หมอถามเอายาอะไรเพิ่มไหม เราก็ไม่เอาได้ยาฉีดแล้วช่วงนั้นสบายค่ะ ยาแก้ปวดไม่กิน เจ็บแบบทนได้ บอกหมอด้วยว่าทางกายภาพเขาบอกไม่ต้องไปแล้ว
หมอนัดครั้งต่อไปอีกสามเดือน พอครบสามเดือนหมอถามเป็นยังไงบ้าง ( ตอนนั้นเท่ากับสี่เดือนหลังฉีดยาแล้ว) เราก็บอกอาการเหมือนเดิม เจ็บแขน บางทีก็แปล๊บๆ จี๊ดๆ บางทีก็เจ็บเยอะ หมอบอกว่าครั้งหน้านัดผ่าเลยก็แล้วกัน
ตกใจค่ะ จากที่ขอหมอผ่า อยากผ่า กลับถามหมอว่าไม่ผ่าได้ไหม ตอนนั้นต้นปี มีทริปเที่ยวตอน เมษา ก็บอกหมอขอกลับมาจากเที่ยวก่อน (มีแบกเป้ด้วย กลัวผ่าแล้วต้องรักษาตัวนาน) หมอถามกลับมาเมื่อไร (ดูปฏิทิน เพื่อนัดวันค่ะ) เราก็13มิถุนาค่ะ หมอบอกงั้นเจอหมอก่อน 1 ครั้ง แล้วค่อยนัดผ่า (พบหมอทุกวันอังคาร)
พอวันนัด 18 มิถุนา พบหมอปุ๊ป เราก็ถามหมออีกครั้งว่าต้องผ่าหรือคะ หมอบอกว่า เจ็บก็ผ่าไปเถอะ เราก็ค่ะ
หมอนัดให้ไปนอนรพ. คืนวันอาทิตย์ ผ่าเช้าวันจันทร์ 24/6 แบบส่องกล้อง ตื่นมาก็เจ็บแผลนิดหน่อย (หรือเปล่า
) ไม่แพ้ยาสลบ ลุกเดินได้เลย มีผ้าห้อยแขนไว้ จำได้ว่าหมอเข้ามาแล้วก็บอกว่าเอ็นไหล่ไม่ฉีกนะครับ เส้นเอ็นสวยอยู่ บางที MRI ก็ให้ผลที่ไม่ชัด แต่ที่เจ็บเพราะเอ็นลูกหนูอักเส และมีกระดูกทิ่ม หมอแก้ไขให้แล้ว
พอเช้าวันอังคารหลังหมอตรวจ ถามหมอว่ากลับบ้านได้หรือยังหมอบอกกลับได้หรือจะนอนอีกคืนก็ได้ เราก็กลับค่ะ
แต่พอบอกหมอไปสักสิบห้านาที เรารู้สึกว่าอย่าเพิ่งกลับดีกว่า ขอนอนอีกคืนเพิ่งผ่ามาได้คืนเดียวเอง
เลยเดินไปบอกพยาบาล แต่ไม่ทันล่ะ หมอเซ็นชื่อปล่อยตัวกลับบ้านได้แล้ว เช้าวันพุธตื่นมาเจ็บแผล (บ่นกับตัวเอง ไม่น่ารีบออกมาเลย แต่ก็ไม่ได้เจ็บมากนะคะ) มียาแก้ปวด แก้อับเสบ และก็ให้ประคบเย็นที่แผล ห้ามโดนน้ำสองอาทิตย์ ให้ออกกำลังแขนท่าไต่เขา อย่ายกของหนัก ให้ใช้ผ้าห้อยแขนตอนออกไปข้างนอก (อันนี้เราลืม ตอนไปหาหมอ สองอาทิตย์หลังผ่า หมอถามผ้าห้อยแขนไปไหน) ถ้าเป็นเอ็นไหล่ฉีกน่าจะต้องใช้ผ้าห้อยแขนไว้ ตลอด พอดีของเราเอ็นไหล่อักเสบ
หลังตัดไหม หมอบอกว่าออกกำลังกายได้ตามปกติ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ขอให้น้องพยาบาลถ่ายรูปให้ ตอนเปลี่ยนผ้าพันแผลก่อนกลับบ้าน
แล้วก็สองอาทิตย์หลังตัดไหม ให้น้องพยาบาลถ่ายรูปให้ แปะแผลไว้ต่ออีกห้าวัน
สุดท้ายหลังจากเอาผ้าปิดแผลออก
ณ ตอนนี้อาการที่เจ็บตรงหัวไหล่หายแล้ว ตรงกลางแขน ยังเจ็บอยู่บ้าง (นัดหมอครั้งหน้า ) เจ็บแผลที่ผ่าประมาณ2-3อาทิตย์ ต้องยืดแขน (ท่าไต่เขา)บ่อยๆ มีบางวันขี้เกียจทำแล้วจะปวดไหล่
ปิดท้ายกระทู้นี้ที่สกายวอล์กเขาตะแบก
คนพวกน้าๆมาจาก กรุงเทพกัน เลยพาไปเที่ยวคนน้อยมาก นั่งกันกลางทางเดินถ่ายรูปสนุกไปเลย ค่าข้ามสะพานกระจก คนละ 40 บาท อายุเกิน 80 ไม่ต้องจ่าย (นี่ถ้าแค่อายุเกิน 60ไม่ต้องจ่ายค่าข้าม ก็จะเป็นเราคนเดียวที่ต้องเสียตังค์ค่าข้าม
) แต่ละคนเดินขึ้นเขาได้แบบสบายๆ ไม่เหนื่อย
เอากระเป๋าน้ามาคนละใบตั้งซ้อนกันเป็นขาตั้งกล้อง หลังจากถ่ายรูปหมู่เสร็จ มีนักท่องเที่ยวมาเป็นคู่ เลยถามน้องเขาว่าถ่ายรูปให้ไหม หลังจากถ่ายใหแล้ว น้องเขาถามกลับมาว่าถ่ายรูปหมู่ไหมครับ พวกเราก็บอกถ่ายเรียบร้อยแล้วค่ะ เพิ่งมาดูรูปที่ตั้ง มุมใกล้เกิน เห็นสะพานกระจกน้อยไปนิด
เดินขึ้นและลง รวมเดินไปเดินมาบนสะพานกระจก สามกิโลกว่า
สวัสดีค่ะ
แชร์ประสบการณ์ รอบปากแดง เป็นผื่น สาเหตุจากการดื่มน้ำจากขวดพลาสติกโดยตรง และผ่าส่องกล้องเอ็นหัวไหล่อักเสบ
เริ่มจากสองปีที่แล้ว อยู่ๆก็มีเม็ดเล็กๆเป็นตุ่มใสๆ สองสามเม็ดขึ้นที่ขอบปาก คันๆเจ็บนิดๆ แล้วขอบปากด้านบนเป็นรอยแดง ไปหาหมอ หมอก็ให้ครีมทามา ก็หายไป พอปีที่แล้วเป็นขึ้นมาใหม่ ก็ไม่ได้ไปหาหมอ จะเป็นๆหายๆ นานๆเป็นครั้งนึงพอสักอาทิตย์ก็หาย สองสามเดือนเป็นใหม่
จนมาถึงต้นปีนี้เป็นถี่ขึ้น แต่รอยแดงไม่เยอะ และยังไม่ค่อยเจ็บมาก ตอนนั้นคิดว่าคงเป็นเพราะแพ้อาหารอะไรสักอย่าง พอปากเริ่มหายเห่อ ก็ลองสังเกตจากอาหารที่กิน (ที่ไม่ได้กินทุกวัน) เริ่มจากขนมปัง พอกินเสร็จสักพักเหมือนมีอาการคันปาก แล้วปากก็เห่อแดง (คิดว่าแน่ล่ะ แพ้พวกยีสต์ จากขนมปังแน่เลย) ก็เลี่ยงไม่กินไปหลายวัน มีหายบ้าง เห่อบ้าง ตอนมีนัดหมอตรวจโรคทั่วไป ก็ให้หมอช่วยดูว่าเป็นอะไร หมอให้ยาแก้แพ้ แต่ก็ช่วยได้ไม่เยอะ
จากที่เป็นๆ หายๆ ปลายเดือนที่แล้วไม่หาย กลายเป็นเ ปากแดงเห่อบ้าง เป็นตุ่มเล็กใสบ้าง(เล็กมองไม่เห็นต้องมือไปโดน จะรู้สึกเจ็บ) ทุกวัน
จนเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วไปหาหมอผิวหนัง ถามหมอว่าเป็นเพราะแพ้อาหารตัวไหนไหม บอกบอกว่าไม่น่าจะใช่ (เพราะเด็กๆไม่เคยแพ้)หมอก็สักประวัติการใช้เครื่องสำอาง ลิปสติก ซึ่งเราไม่ได้ใช้ (ใช้แค่วาสลีน) พวกยาสีฟัน อะไรต่างๆ หมอก็ถามเรื่องการดื่มน้ำ ว่าดื่มจากขวดไหม () พอหมอพูดปุ๊ป เราก็ใช่ค่ะ
(ก่อนหน้าจะไปหาหมอสองวัน เราเพิ่งรู้สึกเจ็บเวลาขวดโดนปาก คิดไว้อยู่ว่าจะเปลี่ยนเป็นใช้แก้ว หรือหลอดพอดี แต่คิดช้าไปมาก ) หมอบอกดูจากรอยแดงแล้วเป็นรูปปากขวด
เราเป็นคนคอแห้งง่าย จะพกขวดน้ำเล็กๆไว้ในกระเป๋า ในรถและวางไว้บนโต๊ะ หัวนอน ทุกครั้งที่เวลาหิวน้ำจะได้ใกล้มือ (กรอกปากง่าย) พอน้ำหมดขวดเล็ก ก็เทเติม ล้างขวดทุกครั้ง(โดยเขย่าขวดเอามือลูบๆปากขวดบ้าง ถูสก๊อตไบรท์บ้าง) ดื่มน้ำแบบนี้มาหลายปี
หมอว่าอาจจะเป็นเพราะขวดสกปรก มีเชื้อโรค (แต่เราล้างขวดนะ ถึงไม่บ่อยแต่ก็บ่อย) ให้เปลี่ยนวิธีดื่มน้ำโดยใช้หลอดแทน และให้ยามาทา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
(หมอบอกว่ารับรองสองอาทิตย์หายแน่นอน)
เลิกดื่มน้ำจากขวด ทายาก่อนนอนทุกคืน อาทิตย์เดียวหายเลยค่ะ ครบสองอาทิตย์ไปพบหมอตามนัด ถอดหน้ากากให้หมอดู หมอ
บอกหายแล้วนะคะ เราก็ค่ะ หน้าระรื่น กลับบ้าน
เอ็นไหล่อักเสบ
เริ่มจาก สองปีที่แล้วอยู่ๆ เจ็บจิ๊ดๆที่กลางแขน เป็นๆหายๆ (อีกล่ะ) แรกๆก็เดือนสองเดือนเจ็บแบบจิ๊ดสะดุ้งเลยเป็นแป๊ปเดียว เป็นแบบนี้มาเกือบปี (ไปหาหมอที่กทม บอกก็บอกว่ามันไม่หาย เราเข้าใจที่หมอพูดนะคะกับคำว่าไม่หาย คือมันเป็นเหมือนกล้ามเนื้ออักเสบ เป็นๆหายๆ ถ้ายิ่งไม่ออกกำลังกาย ก็เป็นบ่อย)
พอปีที่แล้ว ปวดและเจ็บหัวไหล่ เจ็บจิ๊ดกลางแขนบ่อยขึ้น แบบจากสองสามเดือนเป็นที มาเป็นเดือนละครั้ง แล้วก็ถี่ขึ้น จนปวดทุกวันช่วงนั้นไม่ค่อยได้อยู่ กทม เลยไปหาหมอที่ศูนย์ผู้สูงอายุ (ที่นี่จ่ายเงินเอง ไม่มีสิทธิ์อะไรให้ใช้)ทำกายภาพบำบัด ทั้งฝังเข็ม ช็อตเวฟ กระตุ้นไฟฟ้า อาการก็เหมือนเดิมค่ะ เจ็บบ้าง หายบ้าง หมอถามว่ามีประกันสังคมของ รพ.สมเด็จไหม ถ้ามีก็ไปรักษาที่โน่นจะได้เข้าเครื่อง MRI ดูว่าเป็นที่เส้นเอ็นหรือไม่
หลังจากนั้นเราก็ไปทำเรื่องย้าย รพ.ประกันสังคมมาที่สมเด็จ หมอก็ทำใบนัดให้เราไปหาที่ รพ. เริ่มพบหมอใหม่ ทำกายภาพต่อ อีกเดือน (อาทิตย์ละครั้ง) พอไม่หายแน่แล้วหมอก็จองคิวเข้าเครื่อง MRI ผลออกมาว่าเอ็นไหล่มีรอยฉีกเล็ก เล็ก สองที่(อันนี้จากที่หมอบอกนะคะ) หมอก็บอกว่าต้องไปรักษาที่แผนกกระดูก หมอก็ทำนัดย้ายแผนกให้
เจอหมอกระดูกครั้งแรก (ไปช่วงสายเลยได้พบหมอน้อง) หมอก็ให้แค่ยาแก้ปวด แล้วนัดใหม่อีกสองอาทิตย์ พอผ่านไปยังไม่ครบอาทิตย์เราปวดแขนมาก ยกแขนไม่ขึ้น ขยับแขนไม่ได้ (ใช้งานแขนเยอะ พอปวดก็ไม่ค่อยขยับแขนเลยทำให้กล้ามเนื้อยึด) เช้าวันอังคารเลยไปหาหมอก่อนเวลา 1อาทิตย์ เจอหมอน้องเหมือนเดิม ถามหมอว่าผ่าตัดได้ไหม หมอก็ดูประวัติไป แล้วสักพักหมอน้องเลยไปเรียกอาจารย์มาให้ พอหมอมาก็จับแขนยก น้ำตาเล็ดเลยค่ะ คุยกับหมอค่ะว่าผ่าได้ไหม ณ ตอนนั้นเรียกว่าเจ็บมาก ขยับแขนแทบไม่ได้ รู้สึกเหมือนแขนพิการ หมอบอกว่าทำกายภาพบำบัดก่อน ตามขั้นตอนรักษา ถ้าไม่หายหรือไม่ดีขึ้นค่อยผ่า ก่อนหน้านี้ทำกายภาพมาแล้วแต่น่าจะคนละส่วนกายภาพแบบกล้ามเนื้ออักเสบ ไม่ใช่เอ็นไหล่ฉีก (อันนี้คิดเอาเองนะคะ เพราะหมอให้เริ่มทำกายภาพใหม่ ให้ทำทุกวัน)
วันนั้นเลยขอหมอว่าฉีดยาให้ได้ไหม (สเตียรอยด์) เคยฉีดก่อนหน้านี้ตอนรักษาที่ศูนย์ผู้สูงอายุ ระยะเกินหกเดือนแล้ว หมอก็ฉีดให้ค่ะ การปวดก็น้อยลง ขยับแขนได้ พออีกวันก็ไปทำกายภาพ (เรื่องนี้ขอข้ามนะคะ จำไม่ได้แล้ว ว่าไปทำอะไรบ้าง แต่ถึงเวลาทำกายภาพจริงๆ ก็ทำแค่อาทิตย์ละวัน แถมความดันเกิน ต้องไปหาหมอความดันอีก) ทำได้ประมาณหนึ่งเดือนนักหมอทางกายภาพก็บอกว่าไม่ต้องมาแล้ว
หลังจากวันที่ฉีดยา นัดครั้งต่อมาคือเดือน ถัดไป แขนก็เจ็บน้อยลงมาก แต่ก็ไม่หายเจ็บ (ฤทธิ์ยาจะอยู่ได้ประมาณ 3-4เดือนค่ะ แล้วแต่คนนะคะ) หมอถามเอายาอะไรเพิ่มไหม เราก็ไม่เอาได้ยาฉีดแล้วช่วงนั้นสบายค่ะ ยาแก้ปวดไม่กิน เจ็บแบบทนได้ บอกหมอด้วยว่าทางกายภาพเขาบอกไม่ต้องไปแล้ว
หมอนัดครั้งต่อไปอีกสามเดือน พอครบสามเดือนหมอถามเป็นยังไงบ้าง ( ตอนนั้นเท่ากับสี่เดือนหลังฉีดยาแล้ว) เราก็บอกอาการเหมือนเดิม เจ็บแขน บางทีก็แปล๊บๆ จี๊ดๆ บางทีก็เจ็บเยอะ หมอบอกว่าครั้งหน้านัดผ่าเลยก็แล้วกัน ตกใจค่ะ จากที่ขอหมอผ่า อยากผ่า กลับถามหมอว่าไม่ผ่าได้ไหม ตอนนั้นต้นปี มีทริปเที่ยวตอน เมษา ก็บอกหมอขอกลับมาจากเที่ยวก่อน (มีแบกเป้ด้วย กลัวผ่าแล้วต้องรักษาตัวนาน) หมอถามกลับมาเมื่อไร (ดูปฏิทิน เพื่อนัดวันค่ะ) เราก็13มิถุนาค่ะ หมอบอกงั้นเจอหมอก่อน 1 ครั้ง แล้วค่อยนัดผ่า (พบหมอทุกวันอังคาร)
พอวันนัด 18 มิถุนา พบหมอปุ๊ป เราก็ถามหมออีกครั้งว่าต้องผ่าหรือคะ หมอบอกว่า เจ็บก็ผ่าไปเถอะ เราก็ค่ะ
หมอนัดให้ไปนอนรพ. คืนวันอาทิตย์ ผ่าเช้าวันจันทร์ 24/6 แบบส่องกล้อง ตื่นมาก็เจ็บแผลนิดหน่อย (หรือเปล่า ) ไม่แพ้ยาสลบ ลุกเดินได้เลย มีผ้าห้อยแขนไว้ จำได้ว่าหมอเข้ามาแล้วก็บอกว่าเอ็นไหล่ไม่ฉีกนะครับ เส้นเอ็นสวยอยู่ บางที MRI ก็ให้ผลที่ไม่ชัด แต่ที่เจ็บเพราะเอ็นลูกหนูอักเส และมีกระดูกทิ่ม หมอแก้ไขให้แล้ว
พอเช้าวันอังคารหลังหมอตรวจ ถามหมอว่ากลับบ้านได้หรือยังหมอบอกกลับได้หรือจะนอนอีกคืนก็ได้ เราก็กลับค่ะ
แต่พอบอกหมอไปสักสิบห้านาที เรารู้สึกว่าอย่าเพิ่งกลับดีกว่า ขอนอนอีกคืนเพิ่งผ่ามาได้คืนเดียวเอง เลยเดินไปบอกพยาบาล แต่ไม่ทันล่ะ หมอเซ็นชื่อปล่อยตัวกลับบ้านได้แล้ว เช้าวันพุธตื่นมาเจ็บแผล (บ่นกับตัวเอง ไม่น่ารีบออกมาเลย แต่ก็ไม่ได้เจ็บมากนะคะ) มียาแก้ปวด แก้อับเสบ และก็ให้ประคบเย็นที่แผล ห้ามโดนน้ำสองอาทิตย์ ให้ออกกำลังแขนท่าไต่เขา อย่ายกของหนัก ให้ใช้ผ้าห้อยแขนตอนออกไปข้างนอก (อันนี้เราลืม ตอนไปหาหมอ สองอาทิตย์หลังผ่า หมอถามผ้าห้อยแขนไปไหน) ถ้าเป็นเอ็นไหล่ฉีกน่าจะต้องใช้ผ้าห้อยแขนไว้ ตลอด พอดีของเราเอ็นไหล่อักเสบ
หลังตัดไหม หมอบอกว่าออกกำลังกายได้ตามปกติ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ณ ตอนนี้อาการที่เจ็บตรงหัวไหล่หายแล้ว ตรงกลางแขน ยังเจ็บอยู่บ้าง (นัดหมอครั้งหน้า ) เจ็บแผลที่ผ่าประมาณ2-3อาทิตย์ ต้องยืดแขน (ท่าไต่เขา)บ่อยๆ มีบางวันขี้เกียจทำแล้วจะปวดไหล่
ปิดท้ายกระทู้นี้ที่สกายวอล์กเขาตะแบก
คนพวกน้าๆมาจาก กรุงเทพกัน เลยพาไปเที่ยวคนน้อยมาก นั่งกันกลางทางเดินถ่ายรูปสนุกไปเลย ค่าข้ามสะพานกระจก คนละ 40 บาท อายุเกิน 80 ไม่ต้องจ่าย (นี่ถ้าแค่อายุเกิน 60ไม่ต้องจ่ายค่าข้าม ก็จะเป็นเราคนเดียวที่ต้องเสียตังค์ค่าข้าม ) แต่ละคนเดินขึ้นเขาได้แบบสบายๆ ไม่เหนื่อย
เอากระเป๋าน้ามาคนละใบตั้งซ้อนกันเป็นขาตั้งกล้อง หลังจากถ่ายรูปหมู่เสร็จ มีนักท่องเที่ยวมาเป็นคู่ เลยถามน้องเขาว่าถ่ายรูปให้ไหม หลังจากถ่ายใหแล้ว น้องเขาถามกลับมาว่าถ่ายรูปหมู่ไหมครับ พวกเราก็บอกถ่ายเรียบร้อยแล้วค่ะ เพิ่งมาดูรูปที่ตั้ง มุมใกล้เกิน เห็นสะพานกระจกน้อยไปนิด
เดินขึ้นและลง รวมเดินไปเดินมาบนสะพานกระจก สามกิโลกว่า
สวัสดีค่ะ