JJNY : ร้านอาหารเมินร่วม'ดิจิทัลวอลเล็ต'│"ชัชชาติ"ของบ│พายุถล่มจันทบุรี ทุเรียนล้ม โรงเรียนเละ│‘บลิงเกน’จวกจีน ทำผิดกม.

ร้านอาหารเมินร่วม 'ดิจิทัลวอลเล็ต' โอดยอดขายวูบ ขอเร่งแก้ให้ตรงจุด หวั่นเป็นโดมิโน
https://ch3plus.com/news/political/morning/410348

 
ร้านอาหารเมินร่วม 'ดิจิทัลวอลเล็ต' โอดยอดขายวูบ ขอเร่งแก้ให้ตรงจุด หวั่นเป็นโดมิโน
  
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/AMnhhARz42I

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


"ชัชชาติ" ของบ 9 หมื่นล้าน ปี 68 สภากทม.เตรียมพิจารณา 30 ก.ค.นี้
https://siamrath.co.th/n/554348

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า คณะผู้บริหาร เตรียมเสนอร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 วงเงิน 9 หมื่นล้านบาท ต่อที่ประชุมสภากรุงเทพมหานคร ในวันที่ 30 ก.ค. นี้ ซึ่งการตั้งงบประมาณ 90,000 ล้านบาท เพื่อให้หน่วยรับงบประมาณและหน่วยงานในกำกับมีงบประมาณรายจ่ายเพียงพอในการดำเนินการกิจตามอำนาจหน้าที่และขับเคลื่อนนโยบายตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนการปฏิรูปประเทศ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 แผนพัฒนา กรุงเทพมหานคร ระยะ 20 ปี ระยะที่3 (พ.ศ.2566 - 2570 ) แผนปฏิบัติราชการกรุงเทพมหานคร ประจำปี พ.ศ. 2568 แผนปฏิบัติราชการประจำปี พ.ศ. 2568 ของหน่วยรับงบประมาณสอดคล้องกับสภาวะการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน
 
ทั้งนี้ กทม. ได้กำหนดนโยบายและแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ดังนี้ 
1. ดำเนินนโยบาย งบประมาณแบบสมดุลภายใต้กรอบประมาณการรายรับ เพื่อความยั่งยืนทางการคลัง และความจำเป็นของการใช้จ่ายในการจัดบริการประชาชน 

2. ให้หน่วยรับงบประมาณจัดลำดับความสำคัญของภารกิจ โดยพิจารณาถึงความจำเป็นเร่งด่วน ความคุ้มค่าตามศักยภาพของหน่วยงาน ความพร้อมในการดำเนินงาน และขีดความสามารถในการใช้จ่ายงประมาณ เพื่อให้สามารถจัดสรรงบประมาณได้อย่างสมเหตุสมผล มีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุด
 
3. สัดส่วนงบลงทุนกำหนดให้ต้องมีงบประมาณเพื่อการลงทุนจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของงบประมาณ รายจ่ายประจำปี และกำหนดสัดส่วนงบกลางรายการสำรองจ่ายทั่วไปไม่น้อยกว่าร้อยละ 1.5 ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 

4. กำหนดจำนวนปีและสัดส่วนวงเงินงบประมาณการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายข้ามปี สำหรับงบประมาณโครงการใหม่ควรกำหนดจำนวนปีให้ผูกพันไม่เกิน 5 ปี และในปีแรกพิจารณาตั้งงบประมาณตามความเหมาะสม

โดยงบประมาณปี 68 วงเงิน 9 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วย 
1. งบบุคลากร 21,411.134 ล้านบาท 
2. งบดำเนินงาน 18,481.444 ล้านบาท 
3. งบกลาง 16,796,525.490 ล้านบาท แบ่งเป็น 13 รายการ ดังนี้ 
1.เงินสำรองจ่ายทั่วไป กรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 500 ล้านบาท 
2. เงินสำรองจ่ายทั่วไป กรณีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เกี่ยวกับน้ำท่วม 150 ล้านบาท 
3. เงินสำรองจ่ายทั่วไป กรณีค่าใช้จ่ายเพื่อการพัฒนากรุงเทพมหานคร 700 ล้านบาท 
4. เงินช่วยเหลือข้าราชการและลูกจ้าง 3,543 ล้านบาท 
5. เงินบำเหน็จลูกจ้าง 1,603,600,000 บาท 
6. ค่าติดตั้งไฟฟ้าสาธารณะ 100 ล้านบาท 
7. เงินสำรองสำหรับค่างานส่วนที่เพิ่มตามสัญญาแบบปรับราคาได้ 30 ล้านบาท 
8. เงินสำรองสำหรับค่าใช้จ่ายบุคลากร 550 ล้านบาท 
9. ค่าใช้จ่ายและหรือนโยบายที่ได้รับมอบจากรัฐบาล 3,850 ล้านบาท 
10. เงินรางวัลและเงินช่วยเหลือสำหรับผลการปฏิบัติราชการประจำปี 500 ล้านบาท 
11. เงินสำรองสำหรับภาระผูกพันที่ค้างจ่ายตามกฎหมาย 1,864,318,500 บาท 
12. เงินช่วยค่าครองชีพผู้ได้รับบำนาญของ กทม. 200 ล้านบาท 
และ 13. เงินสำรองสำหรับจ่ายเป็นเงินบำเหน็จบำนาญข้าราชการกรุงเทพมหานคร 3,205,606,990 บาท
 
4.รายการ/โครงการผูกพันงบประมาณ 15,663.978 ล้านบาท แบ่งเป็น รายการ/โครงการผูกพันงบประมาณ เดิม 15,060.927 ล้านบาท รายการ/โครงการผูกพันงบประมาณใหม่ 603.051 ล้านบาท 5. งบลงทุน 10,083.134 ล้านบาท 6. รายจ่ายอื่น 4,061.063 ล้านบาท และ 7. งบเงินอุดหนุน 3,504.145 ล้านบาท



หนักสุดรอบหลายสิบปี พายุถล่มจันทบุรี ทุเรียนล้มกว่า 80 ต้น โรงเรียนเละ โชคดีเป็นวันหยุด
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_777777860002

หนักสุดรอบหลายสิบปี พายุถล่มจันทบุรี ทุเรียนล้มกว่า 80 ต้น โรงเรียนเละ โชคดีเป็นวันหยุด ป้ายโฆษณา หลังคาอาคารปลิวว่อน
 
วันที่ 28 ก.ค. 2567 นายจักรพงษ์ พันธุ์โชติ นายอำเภอขลุง จ.จันทบุรี รับแจ้งเกิดภัยพิบัติ มีพายุลมพัดแรงในพื้นที่ จึงมอบหมายให้ทุกตำบลในพื้นที่เร่งสำรวจความเสียหาย เบื้องต้นได้รับรายงานว่า มีโรงเรียน วัด และสวนทุเรียนของชาวบ้าน ถูกพายุพัดได้รับผลกระทบ ซึ่งเป็นภัยพิบัติที่หนักสุดในรอบหลายสิบปี โดยเฉพาะโรงเรียนขลุงรัชดาถิเษก และสวนผลไม้พื้นที่ หมู่ 2 และหมู่ 4 ต.วันยาว อ.ขลุง

ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่โรงเรียนขลุงรัชดาภิเษก พบต้นไม้หลายสิบต้นทั่วบริเวณโรงเรียน ล้มระเนระนาด ทับเสาไฟฟ้า, อาคารเรียน, บ้านพักครู ตลอดจนประตูรั้วและโรงจอดรถ กระเบื้องหลังคาโบสถ์ ปลิวว่อน กระจายเกลื่อนทั่วบริเวณ และยังพบป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ถูกแรงลมพัดโค่นล้มลงมา โชคดีขณะเกิดเหตุเป็นช่วงเย็น ไม่มีคนอยู่ ทำให้ไม่มีใครได้รับอันตราย

จากการดูภาพกล้องวงจรปิดภายในโรงเรียน เผยคลิปวินาทีเหตุการณ์ขณะเกิดพายุงวงช้างพัดกระหน่ำเข้าใส่ ส่งผลทำให้ต้นไม้อายุกว่า 30 ปี นับสิบต้น โค่นล้มระเนระนาด ทับอาคารเรียน เสาไฟฟ้าแรงสูง จนเกิดประกายและเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว นอกจากนี้ยังพัดกระเบื้องหลังคาวัดที่อยู่ใกล้ปลิวว่อนหลุดหายไปทั้งแถบ

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังสวนผลไม้ พื้นที่หมู่ 2 และหมู่ 4 ต.วันยาว อ.ขลุง ซึ่งเป็นสวนทุเรียนของ นายสมชาย ยิ้มสกุล อายุ 56 ปี หลังได้รับรายงานว่า มีต้นทุเรียนถูกพายุหักโค่นล้ม ได้รับความเสียหายเกือบ 80 ต้น

สอบถามนายสมชาย เจ้าของทุเรียน เปิดเผยา ตนทำสวนทุเรียนบนเนื้อที่ 7 ไร่ ปลูกทุเรียนอายุตั้งแต่ 10-15 ปี ไว้จำนวนกว่า 100 ต้น โดยช่วงเย็นวันที่ 27 ก.ค. ที่ผ่านมา มีฝนตกต่อเนื่องตลอดทั้งวัน กระทั่งเวลา 18.30 น. มีพายุลมแรงพัดเข้ามาในสวนไม่ถึง 10 นาที ตอนนั้นทั้งตกใจทั้งกลัว แต่ทำอะไรไม่ได้
 
นายสมชาย กล่าวต่อว่า หลังพายุฝนสงบได้รีบเข้าไปตรวจสอบ พบต้นทุเรียนพันธุ์กระดุม และหมอนทอง ถูกพายุพัดโค่นล้มได้รับความเสียหาย ทั้งหมด 71 ต้น และยังมีต้นทุเรียนในสวนฝั่งตรงข้ามของเพื่อนบ้านถูกแรงลมหักโค่นอีกจำนวน 8 ต้น

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังได้เดินทางไปในพื้นที่หมู่ 4 ต.วันยาว อ.ขลุง หลังรับแจ้งว่า มีต้นกระบกขนาดใหญ่ อายุกว่า 200 ปี ถูกพายุพัดหักโค่นอีก 1 ต้น จากการตรวจสอบ พบต้นกระบกดังกล่าว มีขนาดลำต้นไม่ต่ำกว่า 6-7 คนโอบ มีการตั้งศาลไว้ 4 หลัง
 
เจ้าของบอกว่า ต้นกระบกดังกล่าวถูกพบตั้งแต่สมัยรุ่นทวด ขณะเกิดเหตุมีแม่อยู่ที่บ้าน บอกว่าเกิดพายุลมพัดแรงอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน จนสามารถพัดต้นกระบกที่สูงใหญ่และแข็งแรงโค่นล้มลงได้ โชคดีที่ไม่มีใครในบ้านได้รับบาดเจ็บ.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่