สวัสดีค่ะ เราคิดมาหลายวันแล้วว่าจะมาโพสต์แบบนี้ดีมั้ยเพราะบางทีเราก็คิดว่าคงไม่มีใครมาสนใจมาใส่ใจในตัวเราอะไรขนาดนั้น แต่เราเก็บมานานมากๆจนเราคิดมากแทบทุกวันอย่างน้อยถ้าเราได้ระบายบ้างก็คงจะดีขึ้นเลยตัดสินใจมาโพสต์ค่ะ
เริ่มเรื่องคือเราอายุจะเข้า20ปีแล้วแต่เราไม่เหลือเพื่อนเลยค่ะ5555 ไม่เหลือที่หมายถึงไม่มีจริงๆทั้งหมดเป็นเพราะเราเลือกทางเดินผิดเอง เรามีเพื่อนสนิทสองคนค่ะสนิทกันมาตั้งแต่ป.3 (นานมากก) สนิทมากๆขึ้นมัธยมมาก็อยู่ห้องเดียวกันมาตลอด สนิทชนิดที่ว่าเราไปนอนบ้านเพื่อนบ่อยมากแล้วแม่ก็ไม่ว่าอะไรทั้งๆที่ตอนนั้นยังเป็นเด็กอายุ13-14 นับได้ว่าช่วงเวลาในวัยเด็กของเรามีแต่ความทรงจำกับพวกมันเต็มไปหมด ถึงช่วงสอบม.ปลายก็เลือกสอบเข้าโรงเรียนเดียวกัน เพื่อนเราสอบเข้าวิทคณิตแต่เราอยากเข้าศิลภาษา แต่เพราะว่าเราติดเพื่อนมากๆแล้วก็กลัวไม่มีเพื่อนถ้าต้องแยกไปเรียนคนเดียวก็เลยเลือกสอบเข้าวิทคณิตด้วย แต่พอผลออกคือผิดคาดมากๆเพราะอยู่กันคนละห้องหมดเลย เราอยู่ห้อง1ส่วนอีกสองคนอยู่ห้อง2และ3 แรกๆเราก็โอเคเพราะพักเที่ยงยังไปกินข้าวด้วยกันทำอะไรด้วยกัน แต่พอเรียนไปสักเดือนเราเริ่มรับแรงกดดันไม่ไหวด้วยความที่เราอยู่ห้อง1ของวิทคณิตครูก็จะพยายามพูดเสมอว่าเราอยู่ห้อง1ต้องแข่งนู่นแข่งนี่ แล้วมันก็เรียนหนัก+กับเราไม่เปิดใจรับเพื่อนคนใหม่ๆเข้ามา เวลาเรียนเราเลยไม่ค่อยมีใครให้ปรึกษาด้วยเพราะเราไม่เอาใครใหม่จริงๆ เราพยายามเรียนทั้งๆที่มันเป็นสิ่งที่เราไม่ชอบ เราไม่ชอบคณิต ไม่ชอบชีวะ ไม่ชอบดาราศาสตร์หรือแม้แต่ฟิสิก แต่เพราะตอนนั้นเราติดเพื่อนมากๆแล้วมันก็ออกมาเป็นแบบนี้ เราทนไม่ไหวเราเลยขอแม่ลาออก สิ่งที่เราเลือกมันไม่ดีกับอนาคตตัวเองตั้งแต่เลือกเรียนตามเพื่อนแต่ตอนนั้นเราติดเพื่อนมากจริงๆ ระหว่างที่เราไม่ได้เรียนเราก็ออกมาหางานที่เราพอจะทำได้ทำ
เรื่องมันเริ่มเกิดจากตรงนี้เพราะเราไม่ได้คุยกับเพื่อนเลยตั้งแต่ออกจากโรงเรียน มีบ้างที่คุยกันในแชทแต่มันห่างเหินมากๆเราเริ่มน้อยใจ เริ่มรู้สึกเสียใจที่เราเลือกลาออกเพราะมันทำให้เรากับเพื่อนห่างกัน ทั้งๆที่บ้านอยู่ไม่ไกลจากกันแต่ก็ไม่ได้นัดออกมาเจอกันเลย ระหว่างนั้นเราก็ได้เพื่อนใหม่มาหนึ่งคนเป็นผู้ชาย รู้จักกันในเกมแล้วตอนนั้นเราก็มีแฟนอยู่แล้ว ซึ่งเราเว้นระยะห่างดีมากๆซะด้วยซํ้าแต่ก็ไม่วายทะเลาะกับแฟนเพราะเพื่อนใหม่คนนี้แต่เขาก็เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างตามประสาผู้ชาย จริงๆเรามีเพื่อนอีกหนึ่งคนเป็นผู้ชาย(อีกแล้ว) เป็นเพื่อนเก่าตั้งแต่ป.6 มีคุยกันบ้างประปรายแต่พอเราลาออกมาเราเล่นเกมก็มีเพื่อนคนนี้คอยเล่นเกมเป็นเพื่อน แน่นอนแฟนเราไม่พอใจแต่เราก็ยอมทะเลาะกับแฟนเพราะ ณ ตอนนั้นเรามีเพื่อนคนเดียวที่เราคุยกับมันได้ทุกเรื่องเพราะเราไม่ได้คุยกับเพื่อนสนิทสองคนในตอนแรกเลย เราทะเลาะกับแฟนบ่อยมากเพราะเพื่อนผช.สองคนของเรา เรายอมทะเลาะกับแฟนเพราะเราไม่อยากเสียเพื่อนสองคนสุดท้ายในชีวิตเรา หลังๆมาเขาก็เหมือนจะยอมเราเรื่องนี้ เพราะเราเว้นระยาห่างไม่คุยไม่เล่นเกมกับเพื่อนบ่อยเท่าแรกๆ
หลังจากนั้นผ่านมาประมาณปีนิดๆเราขอแม่กลับไปเรียนใหม่ แล้วแม่ก็ยอมเพราะเราเป็นความหวังของบ้าน แม่คาดหวังให้เราเรียนจบสูงๆเพราะบ้านเราเขาก็จบกันแค่ป.6 รอบนี้เราเลือกเรียนสายวิชาที่เราอยากเรียน พอเราเข้าไปเรียนเราได้เจอเพื่อนสนิททั้งสองพอได้เจอหน้ากันความสนิทมันก็ยังคงอยู่ ทุกอย่างเหมือนเดิมเรากลับมาสนิทกันเหมือนเดิม คุยกันเหมือนเดิมนัดเจอกันเหมือนเดิม เรามีความสุขจริงๆเพราะระหว่างที่เราลาออกเราเหงามากๆ มีเรื่องอะไรก็คุยกับใครไม่ได้เพราะเพื่อนที่มีตอนนั้นคือผช.ถ้าคุยไปก็ต้องทะเลาะกับแฟน เราดีใจที่ตอนนั้นเรากับเพื่อนยังคงสนิทกัน แต่พอเพื่อนเราอยู่ม.6 เราอยู่ม.5เพราะเราลาออกไปหนึ่งปี ปีแรกตอนม.4ต้องเรียนออนไลน์เพราะช่วงนั้นโควิดหนักมาก พอมาเรียนที่โรงเรียนเราก็มีปัญหาการหาเพื่อนใหม่อีกแล้ว เราไม่เอาใครอีกแล้ว พักเที่ยงเรารอเพื่อนสนิททั้งสอง เลิกเรียนเรารอเพื่อน บางวันเพื่อนชวนโดดเรียนเพราะของห้องมันว่างเราก็โดด เพื่อนในห้องคือรุ่นน้องซึ่งเราไม่ชอบมากๆเพราะเด็กผญ.ในห้องในความคิดของเราคืออ้อร้อมากๆ มีเพื่อนคนนึงถอดเสื้อนร.ใส่แค่เสื้อกล้ามเดินในห้องทั้งๆที่ตอนนั้นผช.ในห้องก็มี เรารับไม่ได้เราคิดว่าตัวเองไม่เข้ากับเด็กพวกนี้ เราไม่เอาใครใหม่แต่เราก็ตั้งใจเรียนของเราเองเพราะมันคือสายวิชาที่ชอบ
แต่พอเพื่อนเราจะจบม.6เราก็กลัวขึ้นมา เรากลัวว่าถ้าเพื่อนเราจบไปเราจะไม่มีใคร เรากลัวว่าจะไม่มีใครมาคอยเล่นด้วยตอนพักเที่ยงกลัวไม่มีเพื่อนกินข้าว เรากลัวจริงๆเราติดเพื่อนมากๆๆๆๆเรายอมรับ แล้วพอถึงเวลามันก็เป็นอีกครั้งที่เราลาออก เราลาออกได้4-5เดือนเพื่อนเราก็จบม.6 เรายินดีด้วยจริงๆ แต่อนาคตของเรามันยับเยินแค่เพราะเราเป็นเด็กขี้ขลาดคนนึงที่ไม่กล้าเข้าสังคมใหม่ๆ ไม่เปิดรับเพื่อนใหม่ๆเข้ามาในชีวิตทำให้เราพลาดทุกๆอย่างในชีวิตไป เพื่อนสนิททั้งสองเข้ามหาลัยเราทักไปสอบถามชีวิตบลาๆๆ แต่ทุกคนรู้มั้ยคะ555555ทุกวันนี้เพื่อนเรายังไม่ตอบมาเลย จนมันจะจบปีสองกันอยู่แล้วมั้ง5555555 เราน้อยใจซะยิ่งกว่าอะไรดี แต่พอเริ่มโตเราก็เริ่มเข้าใจ ทุกคนมีสังคมใหม่ที่ต้องออกไปเจอ มีแค่เราที่กลัวทุกอย่าง เราอยากคุยอยากพูดกับเพื่อนเรามากๆแต่มันเป็นไปไม่ได้แล้วเพราะเราทำตัวเอง เราพาตัวเองออกมาจากจุดๆนั้น ถ้าเราทนเรียนต่อไม่เป็นเด็กขี้ขลาดเราก็คงเรียนจบเข้ามหาลัยแล้วก็ยังคงมีเพื่อนอยู่ในชีวิต แต่เราทำตัวเองนี่5555เรื่องนี้จะไปโทษใครได้
แล้วก็เพื่อนผช.สองคนของเราสองคนนี้ก็มีบทบาทในชีวิตของเราเยอะเหมือนกัน คนนึงเราขอใช้ชื่อว่าcนะคะ cก็คือเพื่อนที่เราเจอในเกม นานๆทีเราถึงจะคุยกับcเพราะเราให้เกียรติแฟนเรา แต่มีช่วงนึงที่เราเลิกกับแฟน แล้วcมันก็คอยอยู่ข้างๆเรา คอยชวนเราเล่นเกมรับฟังเราระบายเรื่องต่างๆ แต่ตอนนั้นเรารักแฟนเรามากๆ หลายๆคนคงคิดว่าเราอาจจะหวั่นไหวกับcแต่ไม่ค่ะ เรารักแฟนเราที่สุดในใจเลยตอนนั้น แล้วcเหมือนจะชอบเรา เรารับรู้ แต่เรารับรักไม่ได้เราไม่อยากเอามันมาแทนที่แฟนเรา เราเล่นเกมปรึกษาเรื่องต่างๆให้กันและกันฟังบ่อย จนเราคืนดีกับแฟนเราก็ไม่ได้ห่างกับมันเพราะเราเริ่มสนิทกับมันแล้ว เราทะเลาะกับแฟนหลายครั้งแต่เราก็บอกแฟนตลอดว่าไม่มีอะไร เราอยากให้เขาเข้าใจตรงนี้ว่ามันคือเพื่อนที่เหลือในชีวิตเรา เรายอมทะเลาะกับแฟนบ่อยๆเพราะเราไม่อยากเลิกคบกับเพื่อนคนนี้ แต่พอผ่านมาสักปีกว่าๆตอนนั้นเราก็ยังคบกับแฟน ส่วนcมันก็มีหวานใจของมันแล้วและเขาไม่ชอบเรา ไม่โอเคที่cมันมาคอยรับฟังเรื่องต่างๆในชีวิตเรา เราก็เข้าใจเราเว้นระยะห่างให้เพราะเราก็ไม่อยากให้แฟนcคิดมาก แต่พอนานๆเข้าเราก็เริ่มกลัวการที่จะทักไปปรึกษามัน เรากลัวว่าเราจะรบกวน เราจะทำให้เขาทะเลาะกัน
cก็ดูเหมือนจะเลี่ยงๆเรา เราเข้าใจนะ แต่เราก็น้อยใจทั้งๆที่เรายอมทะเลาะกับแฟนมาก็หลายครั้งเพราะเราพยายามคีพเพื่อนของเราไว้แต่มันเหมือนจะเลิกคบกับเราได้ทุกเมื่อ พอถึงจุดๆนึงเราก็ปลงเพราะเราเริ่มโตขึ้น
เพื่อนผช.อีกคนก็ด้วย เรายอมทะเลาะกับแฟนหลายต่อหลายครั้งเพราะเราแค่อยากมีเพื่อนไว้ให้ปรึกษา เพราะบางเรื่องเราเอามาคุยกับแฟนไม่ได้เพราะตัวต้นเหตุมันคือเขา มีช่วงที่เราเลิกกับแฟนเราร้องไห้เสียใจหนักมากๆก็มีเพื่อนสองคนนี้ที่รับฟัง แต่พอทุกคนมีแฟนเราก็เริ่มกลายเป็นคนไร้ตัวตนในสายตาพวกมัน เราเข้าใจนะเว้ยที่ทุกคนต้องการรักษาระยะไม่ให้แฟนของตัวเองคิดมาก แต่แค่ตอบแขทเพื่อนเรายังเลือกแค่อ่านไม่ตอบเลย เราน้อยใจชิบ ทั้งสองคนเลยทั้งๆที่ที่ผ่านมาเราพยายามคีพพสกมันตลอดแต่พอพวกมันมีแฟนทุกคนกลับลืมเรา
ตอนนี้เราพูดตรงๆเลยว่ายังน้อยใจยังเสียใจอยู่เรื่องเพื่อนทั้งสี่คนของเรา เราฝันถึงความทรงจำตอนม.ต้นบ่อยมากๆ บ่อยมากจริงๆ เราโทษตัวเองมาตลอดว่าที่ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ก็เพราะเรา เพราะเรามันเป็นเด็กโง่ขี้ขลาดคนนึง เด็กโง่ที่ยอมทิ้งอนาคตตัวเองเพราะเรื่องโง่ๆ พอโตขึ้นแล้วมองย้อนกลับไปเราเสียใจมากๆที่ปัจจุบันมันกลายเป็นแบบนี้เพราะการตัดสินใจโง่ๆ เรากลายเป็นคนเก็บตัว ไม่ออกกจากบ้าน แม่ชวนไปไหนเราก็ไม่ไปทั้งๆที่เมื่อก่อนเราไปกับแม่ทุกที่ หนึ่งเดือนเราไปแค่หาหมอเพราะต้องเปลี่ยนสียาง งานการเราก็ไม่ทำ เราปิดรับทุกอย่างในชีวิตเลยตอนนี้ เราไม่มีใครให้คอยรับฟังเรื่องน่าปวดหัวในแต่ละวัน เราทะเลาะกับแม่ เราดิ่ง เราจมกับความรู้สึกแบบนี้ซํ้าไปซํ้ามา แต่มันก็เพราะตัวเราเองเราทำตัวเอง ทุกวันนี้เราไม่ได้คุยกับใครเลย ไม่มีเลยจริงๆ สักคนก็ไม่มี
เราตัดสินใจว่าอีกสองเดือนเราจะออกไปทำงานใช้ชีวิตคนเดียวที่ต่างจังหวัด เราจะลองเข้าสังคมให้ได้ เราจะพยายามทำให้อนาคตของตัวเองมันดีขึ้นกว่านี้ เราไม่อยากจะเป็นเด็กโง่ที่ขี้แงรอให้ใครมารับฟังเรื่องของตัวเองแล้ว เราจมอยู่กับเรื่องพวกนี้มาเกือบจะสามปี จนบาวทีเราคิดว่าเราอาจจะเป็นซึมเศร้าเพราะบางทีมันก็ดิ่งมากจริงๆ ขอโทษที่เราพิมพ์ออกมายาวขนาดนี้แต่มันเป็นเรื่องในใจที่เราเก็บมาตลอด เราเข้าใจถ้าทุกคนจะเลื่อนผ่าน แต่แค่เราได้ระบายออกมาบ้างต่อให้ไม่มีใครสนใจเราก็โอเคแล้ว แค่คิดว่านะ เราคิดว่าตัวเองคงจะโอเคขึ้น แต่สำหรับใครที่อ่านมาจนถึงตอนนี้เราขอบคุณมากๆค่ะ อนาคตเราจะเป็นผู้ใหญ่ที่ดีกว่านี้ ไม่มาสนใจเรื่องเล็กๆแบบนี้อีกแล้ว เราก็หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้น
ในอนาคตเราก็หวังว่าตัวเองจะปลงกับเรื่องนี้ได้จริงๆสักที เราขอให้ตัวเองในอนาคตเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีหน้าที่การงานที่ดี ต่อให้ทางเลือกมันจะไม่มากเพราะความผิดพลาดในอดีตแต่อย่างน้อยก็ขอให้มันเป็นงานที่สุจริตก็พอ หวังว่าเราจะโตขึ้นกว่านี้เรื่อยๆในทุกๆปีทั้งความคิดและนิสัย สู้ๆนะตัวเราเอง ทำได้อยู่แล้วววววว
อยากระบายความในใจค่ะ
เริ่มเรื่องคือเราอายุจะเข้า20ปีแล้วแต่เราไม่เหลือเพื่อนเลยค่ะ5555 ไม่เหลือที่หมายถึงไม่มีจริงๆทั้งหมดเป็นเพราะเราเลือกทางเดินผิดเอง เรามีเพื่อนสนิทสองคนค่ะสนิทกันมาตั้งแต่ป.3 (นานมากก) สนิทมากๆขึ้นมัธยมมาก็อยู่ห้องเดียวกันมาตลอด สนิทชนิดที่ว่าเราไปนอนบ้านเพื่อนบ่อยมากแล้วแม่ก็ไม่ว่าอะไรทั้งๆที่ตอนนั้นยังเป็นเด็กอายุ13-14 นับได้ว่าช่วงเวลาในวัยเด็กของเรามีแต่ความทรงจำกับพวกมันเต็มไปหมด ถึงช่วงสอบม.ปลายก็เลือกสอบเข้าโรงเรียนเดียวกัน เพื่อนเราสอบเข้าวิทคณิตแต่เราอยากเข้าศิลภาษา แต่เพราะว่าเราติดเพื่อนมากๆแล้วก็กลัวไม่มีเพื่อนถ้าต้องแยกไปเรียนคนเดียวก็เลยเลือกสอบเข้าวิทคณิตด้วย แต่พอผลออกคือผิดคาดมากๆเพราะอยู่กันคนละห้องหมดเลย เราอยู่ห้อง1ส่วนอีกสองคนอยู่ห้อง2และ3 แรกๆเราก็โอเคเพราะพักเที่ยงยังไปกินข้าวด้วยกันทำอะไรด้วยกัน แต่พอเรียนไปสักเดือนเราเริ่มรับแรงกดดันไม่ไหวด้วยความที่เราอยู่ห้อง1ของวิทคณิตครูก็จะพยายามพูดเสมอว่าเราอยู่ห้อง1ต้องแข่งนู่นแข่งนี่ แล้วมันก็เรียนหนัก+กับเราไม่เปิดใจรับเพื่อนคนใหม่ๆเข้ามา เวลาเรียนเราเลยไม่ค่อยมีใครให้ปรึกษาด้วยเพราะเราไม่เอาใครใหม่จริงๆ เราพยายามเรียนทั้งๆที่มันเป็นสิ่งที่เราไม่ชอบ เราไม่ชอบคณิต ไม่ชอบชีวะ ไม่ชอบดาราศาสตร์หรือแม้แต่ฟิสิก แต่เพราะตอนนั้นเราติดเพื่อนมากๆแล้วมันก็ออกมาเป็นแบบนี้ เราทนไม่ไหวเราเลยขอแม่ลาออก สิ่งที่เราเลือกมันไม่ดีกับอนาคตตัวเองตั้งแต่เลือกเรียนตามเพื่อนแต่ตอนนั้นเราติดเพื่อนมากจริงๆ ระหว่างที่เราไม่ได้เรียนเราก็ออกมาหางานที่เราพอจะทำได้ทำ
เรื่องมันเริ่มเกิดจากตรงนี้เพราะเราไม่ได้คุยกับเพื่อนเลยตั้งแต่ออกจากโรงเรียน มีบ้างที่คุยกันในแชทแต่มันห่างเหินมากๆเราเริ่มน้อยใจ เริ่มรู้สึกเสียใจที่เราเลือกลาออกเพราะมันทำให้เรากับเพื่อนห่างกัน ทั้งๆที่บ้านอยู่ไม่ไกลจากกันแต่ก็ไม่ได้นัดออกมาเจอกันเลย ระหว่างนั้นเราก็ได้เพื่อนใหม่มาหนึ่งคนเป็นผู้ชาย รู้จักกันในเกมแล้วตอนนั้นเราก็มีแฟนอยู่แล้ว ซึ่งเราเว้นระยะห่างดีมากๆซะด้วยซํ้าแต่ก็ไม่วายทะเลาะกับแฟนเพราะเพื่อนใหม่คนนี้แต่เขาก็เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างตามประสาผู้ชาย จริงๆเรามีเพื่อนอีกหนึ่งคนเป็นผู้ชาย(อีกแล้ว) เป็นเพื่อนเก่าตั้งแต่ป.6 มีคุยกันบ้างประปรายแต่พอเราลาออกมาเราเล่นเกมก็มีเพื่อนคนนี้คอยเล่นเกมเป็นเพื่อน แน่นอนแฟนเราไม่พอใจแต่เราก็ยอมทะเลาะกับแฟนเพราะ ณ ตอนนั้นเรามีเพื่อนคนเดียวที่เราคุยกับมันได้ทุกเรื่องเพราะเราไม่ได้คุยกับเพื่อนสนิทสองคนในตอนแรกเลย เราทะเลาะกับแฟนบ่อยมากเพราะเพื่อนผช.สองคนของเรา เรายอมทะเลาะกับแฟนเพราะเราไม่อยากเสียเพื่อนสองคนสุดท้ายในชีวิตเรา หลังๆมาเขาก็เหมือนจะยอมเราเรื่องนี้ เพราะเราเว้นระยาห่างไม่คุยไม่เล่นเกมกับเพื่อนบ่อยเท่าแรกๆ
หลังจากนั้นผ่านมาประมาณปีนิดๆเราขอแม่กลับไปเรียนใหม่ แล้วแม่ก็ยอมเพราะเราเป็นความหวังของบ้าน แม่คาดหวังให้เราเรียนจบสูงๆเพราะบ้านเราเขาก็จบกันแค่ป.6 รอบนี้เราเลือกเรียนสายวิชาที่เราอยากเรียน พอเราเข้าไปเรียนเราได้เจอเพื่อนสนิททั้งสองพอได้เจอหน้ากันความสนิทมันก็ยังคงอยู่ ทุกอย่างเหมือนเดิมเรากลับมาสนิทกันเหมือนเดิม คุยกันเหมือนเดิมนัดเจอกันเหมือนเดิม เรามีความสุขจริงๆเพราะระหว่างที่เราลาออกเราเหงามากๆ มีเรื่องอะไรก็คุยกับใครไม่ได้เพราะเพื่อนที่มีตอนนั้นคือผช.ถ้าคุยไปก็ต้องทะเลาะกับแฟน เราดีใจที่ตอนนั้นเรากับเพื่อนยังคงสนิทกัน แต่พอเพื่อนเราอยู่ม.6 เราอยู่ม.5เพราะเราลาออกไปหนึ่งปี ปีแรกตอนม.4ต้องเรียนออนไลน์เพราะช่วงนั้นโควิดหนักมาก พอมาเรียนที่โรงเรียนเราก็มีปัญหาการหาเพื่อนใหม่อีกแล้ว เราไม่เอาใครอีกแล้ว พักเที่ยงเรารอเพื่อนสนิททั้งสอง เลิกเรียนเรารอเพื่อน บางวันเพื่อนชวนโดดเรียนเพราะของห้องมันว่างเราก็โดด เพื่อนในห้องคือรุ่นน้องซึ่งเราไม่ชอบมากๆเพราะเด็กผญ.ในห้องในความคิดของเราคืออ้อร้อมากๆ มีเพื่อนคนนึงถอดเสื้อนร.ใส่แค่เสื้อกล้ามเดินในห้องทั้งๆที่ตอนนั้นผช.ในห้องก็มี เรารับไม่ได้เราคิดว่าตัวเองไม่เข้ากับเด็กพวกนี้ เราไม่เอาใครใหม่แต่เราก็ตั้งใจเรียนของเราเองเพราะมันคือสายวิชาที่ชอบ
แต่พอเพื่อนเราจะจบม.6เราก็กลัวขึ้นมา เรากลัวว่าถ้าเพื่อนเราจบไปเราจะไม่มีใคร เรากลัวว่าจะไม่มีใครมาคอยเล่นด้วยตอนพักเที่ยงกลัวไม่มีเพื่อนกินข้าว เรากลัวจริงๆเราติดเพื่อนมากๆๆๆๆเรายอมรับ แล้วพอถึงเวลามันก็เป็นอีกครั้งที่เราลาออก เราลาออกได้4-5เดือนเพื่อนเราก็จบม.6 เรายินดีด้วยจริงๆ แต่อนาคตของเรามันยับเยินแค่เพราะเราเป็นเด็กขี้ขลาดคนนึงที่ไม่กล้าเข้าสังคมใหม่ๆ ไม่เปิดรับเพื่อนใหม่ๆเข้ามาในชีวิตทำให้เราพลาดทุกๆอย่างในชีวิตไป เพื่อนสนิททั้งสองเข้ามหาลัยเราทักไปสอบถามชีวิตบลาๆๆ แต่ทุกคนรู้มั้ยคะ555555ทุกวันนี้เพื่อนเรายังไม่ตอบมาเลย จนมันจะจบปีสองกันอยู่แล้วมั้ง5555555 เราน้อยใจซะยิ่งกว่าอะไรดี แต่พอเริ่มโตเราก็เริ่มเข้าใจ ทุกคนมีสังคมใหม่ที่ต้องออกไปเจอ มีแค่เราที่กลัวทุกอย่าง เราอยากคุยอยากพูดกับเพื่อนเรามากๆแต่มันเป็นไปไม่ได้แล้วเพราะเราทำตัวเอง เราพาตัวเองออกมาจากจุดๆนั้น ถ้าเราทนเรียนต่อไม่เป็นเด็กขี้ขลาดเราก็คงเรียนจบเข้ามหาลัยแล้วก็ยังคงมีเพื่อนอยู่ในชีวิต แต่เราทำตัวเองนี่5555เรื่องนี้จะไปโทษใครได้
แล้วก็เพื่อนผช.สองคนของเราสองคนนี้ก็มีบทบาทในชีวิตของเราเยอะเหมือนกัน คนนึงเราขอใช้ชื่อว่าcนะคะ cก็คือเพื่อนที่เราเจอในเกม นานๆทีเราถึงจะคุยกับcเพราะเราให้เกียรติแฟนเรา แต่มีช่วงนึงที่เราเลิกกับแฟน แล้วcมันก็คอยอยู่ข้างๆเรา คอยชวนเราเล่นเกมรับฟังเราระบายเรื่องต่างๆ แต่ตอนนั้นเรารักแฟนเรามากๆ หลายๆคนคงคิดว่าเราอาจจะหวั่นไหวกับcแต่ไม่ค่ะ เรารักแฟนเราที่สุดในใจเลยตอนนั้น แล้วcเหมือนจะชอบเรา เรารับรู้ แต่เรารับรักไม่ได้เราไม่อยากเอามันมาแทนที่แฟนเรา เราเล่นเกมปรึกษาเรื่องต่างๆให้กันและกันฟังบ่อย จนเราคืนดีกับแฟนเราก็ไม่ได้ห่างกับมันเพราะเราเริ่มสนิทกับมันแล้ว เราทะเลาะกับแฟนหลายครั้งแต่เราก็บอกแฟนตลอดว่าไม่มีอะไร เราอยากให้เขาเข้าใจตรงนี้ว่ามันคือเพื่อนที่เหลือในชีวิตเรา เรายอมทะเลาะกับแฟนบ่อยๆเพราะเราไม่อยากเลิกคบกับเพื่อนคนนี้ แต่พอผ่านมาสักปีกว่าๆตอนนั้นเราก็ยังคบกับแฟน ส่วนcมันก็มีหวานใจของมันแล้วและเขาไม่ชอบเรา ไม่โอเคที่cมันมาคอยรับฟังเรื่องต่างๆในชีวิตเรา เราก็เข้าใจเราเว้นระยะห่างให้เพราะเราก็ไม่อยากให้แฟนcคิดมาก แต่พอนานๆเข้าเราก็เริ่มกลัวการที่จะทักไปปรึกษามัน เรากลัวว่าเราจะรบกวน เราจะทำให้เขาทะเลาะกัน
cก็ดูเหมือนจะเลี่ยงๆเรา เราเข้าใจนะ แต่เราก็น้อยใจทั้งๆที่เรายอมทะเลาะกับแฟนมาก็หลายครั้งเพราะเราพยายามคีพเพื่อนของเราไว้แต่มันเหมือนจะเลิกคบกับเราได้ทุกเมื่อ พอถึงจุดๆนึงเราก็ปลงเพราะเราเริ่มโตขึ้น
เพื่อนผช.อีกคนก็ด้วย เรายอมทะเลาะกับแฟนหลายต่อหลายครั้งเพราะเราแค่อยากมีเพื่อนไว้ให้ปรึกษา เพราะบางเรื่องเราเอามาคุยกับแฟนไม่ได้เพราะตัวต้นเหตุมันคือเขา มีช่วงที่เราเลิกกับแฟนเราร้องไห้เสียใจหนักมากๆก็มีเพื่อนสองคนนี้ที่รับฟัง แต่พอทุกคนมีแฟนเราก็เริ่มกลายเป็นคนไร้ตัวตนในสายตาพวกมัน เราเข้าใจนะเว้ยที่ทุกคนต้องการรักษาระยะไม่ให้แฟนของตัวเองคิดมาก แต่แค่ตอบแขทเพื่อนเรายังเลือกแค่อ่านไม่ตอบเลย เราน้อยใจชิบ ทั้งสองคนเลยทั้งๆที่ที่ผ่านมาเราพยายามคีพพสกมันตลอดแต่พอพวกมันมีแฟนทุกคนกลับลืมเรา
ตอนนี้เราพูดตรงๆเลยว่ายังน้อยใจยังเสียใจอยู่เรื่องเพื่อนทั้งสี่คนของเรา เราฝันถึงความทรงจำตอนม.ต้นบ่อยมากๆ บ่อยมากจริงๆ เราโทษตัวเองมาตลอดว่าที่ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ก็เพราะเรา เพราะเรามันเป็นเด็กโง่ขี้ขลาดคนนึง เด็กโง่ที่ยอมทิ้งอนาคตตัวเองเพราะเรื่องโง่ๆ พอโตขึ้นแล้วมองย้อนกลับไปเราเสียใจมากๆที่ปัจจุบันมันกลายเป็นแบบนี้เพราะการตัดสินใจโง่ๆ เรากลายเป็นคนเก็บตัว ไม่ออกกจากบ้าน แม่ชวนไปไหนเราก็ไม่ไปทั้งๆที่เมื่อก่อนเราไปกับแม่ทุกที่ หนึ่งเดือนเราไปแค่หาหมอเพราะต้องเปลี่ยนสียาง งานการเราก็ไม่ทำ เราปิดรับทุกอย่างในชีวิตเลยตอนนี้ เราไม่มีใครให้คอยรับฟังเรื่องน่าปวดหัวในแต่ละวัน เราทะเลาะกับแม่ เราดิ่ง เราจมกับความรู้สึกแบบนี้ซํ้าไปซํ้ามา แต่มันก็เพราะตัวเราเองเราทำตัวเอง ทุกวันนี้เราไม่ได้คุยกับใครเลย ไม่มีเลยจริงๆ สักคนก็ไม่มี
เราตัดสินใจว่าอีกสองเดือนเราจะออกไปทำงานใช้ชีวิตคนเดียวที่ต่างจังหวัด เราจะลองเข้าสังคมให้ได้ เราจะพยายามทำให้อนาคตของตัวเองมันดีขึ้นกว่านี้ เราไม่อยากจะเป็นเด็กโง่ที่ขี้แงรอให้ใครมารับฟังเรื่องของตัวเองแล้ว เราจมอยู่กับเรื่องพวกนี้มาเกือบจะสามปี จนบาวทีเราคิดว่าเราอาจจะเป็นซึมเศร้าเพราะบางทีมันก็ดิ่งมากจริงๆ ขอโทษที่เราพิมพ์ออกมายาวขนาดนี้แต่มันเป็นเรื่องในใจที่เราเก็บมาตลอด เราเข้าใจถ้าทุกคนจะเลื่อนผ่าน แต่แค่เราได้ระบายออกมาบ้างต่อให้ไม่มีใครสนใจเราก็โอเคแล้ว แค่คิดว่านะ เราคิดว่าตัวเองคงจะโอเคขึ้น แต่สำหรับใครที่อ่านมาจนถึงตอนนี้เราขอบคุณมากๆค่ะ อนาคตเราจะเป็นผู้ใหญ่ที่ดีกว่านี้ ไม่มาสนใจเรื่องเล็กๆแบบนี้อีกแล้ว เราก็หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้น
ในอนาคตเราก็หวังว่าตัวเองจะปลงกับเรื่องนี้ได้จริงๆสักที เราขอให้ตัวเองในอนาคตเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีหน้าที่การงานที่ดี ต่อให้ทางเลือกมันจะไม่มากเพราะความผิดพลาดในอดีตแต่อย่างน้อยก็ขอให้มันเป็นงานที่สุจริตก็พอ หวังว่าเราจะโตขึ้นกว่านี้เรื่อยๆในทุกๆปีทั้งความคิดและนิสัย สู้ๆนะตัวเราเอง ทำได้อยู่แล้วววววว