US Sector Performance แดงยกรัง แต่พังงานยังเขียว
• World: กระแสการโยกย้ายเม็ดเงินออกจากกลุ่ม Big tech ในสหรัฐฯ ยังคงดําเนินไปอย่างต่อเนื่อง และดูเหมือนจะรุนแรงเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ หลังดัชนี Nasdaq ปรับตัวลงรุนแรงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2022 โดยเม็ดเงิน ที่ออกมานั้น ส่วนใหญ่ยังคงมีทิศทางไหลเข้าสู่หุ้นกลุ่ม Cyclicals เป็นสําคัญ สะท้อนผ่านการปรับตัวขึ้นของดัชนี Dow Jones อย่างต่อเนื่อง
• SET: สําหรับตลาดหุ้นไทยนั้น อาจมี Sentiment เชิงลบเข้ามารบกวนกลุ่ม Electronics ในช่วงเปิดตลาดเช้าวันนี้ ตามหลังการปรับตัวลงของหุ้นใน กลุ่ม Chipmakers และกลุ่มเชื่อมโยง AI ส่วนหุ้นกลุ่มอื่นๆ หากเราตัดกลุ่ม ที่เชื่อมโยงกับหุ้น GULF และ INTUCH ออกเมื่อวานนี้ จะพบว่าดัชนี SET จะปรับลงได้อีกถึง 4.3 จุด สะท้อนภาพความอ่อนแอของหุ้นไทยที่มากขึ้น (Broad-base) โดยเฉพาะกลุ่ม Domestic cyclicals ที่เรามองว่ายังคงมี ความเสี่ยงในภาวะ Flattening yield curve ณ ปัจจุบัน
•
Oil: อย่างไรก็ดี SET Index อาจได้รับการประคับประคองในวันนี้ได้บ้าง จากราคาน้ํามันดิบที่ปรับสูงขึ้นเมื่อคืน หลังสหรัฐฯรายงานตัวเลขสต็อก น้ํามันดิบประจําสัปดาห์ปรับตัวลดลงถึง 4.9 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่ตลาด คาดว่าจะลดลง 0.7 ล้านบาร์เรลอย่างมีนัยสําคัญ นอกจากนั้น ยังได้แรง หนุนจากดัชนี Dollar Index ที่ปรับลงทําจุดต่ําสุดใหม่ในรอบ 4 เดือน ส่งผลบวกต่อราคา Commodities โดยรวม มองเป็น Sentiment เชิงบวก ต่อกลุ่ม Oil & Gas ของไทย โดยเฉพาะกลุ่มต้นน้ําอย่าง PTTEP
• Trump trades: ทั้งนี้ กลุ่ม Oil & Gas ของไทยยังคงเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ เราประเมินว่าจะได้ประโยชน์จากการก้าวขึ้นมาดํารงตําแหน่งปธน.ของนาย โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งนับวันดูเหมือนจะมีแต่สูงขึ้นตามลําาดับ ด้วยแนวนโยบาย ที่ยังคงรักษาแหล่งพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลต่างๆ บวกกับเศรษฐกิจโลก ที่ยังไม่น่าจะมีสัญญาณเสื่อมถอยในช่วง 3 เดือนข้างหน้านี้ มองผู้เล่นที่ได้ ประโยชน์จะได้แก่ทั้งผู้เล่นต้นน้ําและกลางน้ํา อาทิเช่น PTTEP, BANPU, TOP, BCP, SPRC เป็นต้น
• ECB: สําหรับปัจจัยวันนี้ แนะนําติดตามผลการประชุม ECB ซึ่งเราคาดว่า จะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเชิงนโยบายแต่อย่างใด โดยล่าสุด ตลาดคาดการณ์ว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ครั้งถัดไป น่าจะไป เกิดขึ้นในเดือนกันยายนหรือตุลาคมนี้มากกว่า
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities
https://th.investing.com/analysis/article-200449590
กระแสการโยกย้ายเม็ดเงินออกจากกลุ่ม Big tech ในสหรัฐฯ ยังคงดําเนินไปอย่างต่อเนื่อง
• World: กระแสการโยกย้ายเม็ดเงินออกจากกลุ่ม Big tech ในสหรัฐฯ ยังคงดําเนินไปอย่างต่อเนื่อง และดูเหมือนจะรุนแรงเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ หลังดัชนี Nasdaq ปรับตัวลงรุนแรงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2022 โดยเม็ดเงิน ที่ออกมานั้น ส่วนใหญ่ยังคงมีทิศทางไหลเข้าสู่หุ้นกลุ่ม Cyclicals เป็นสําคัญ สะท้อนผ่านการปรับตัวขึ้นของดัชนี Dow Jones อย่างต่อเนื่อง
• SET: สําหรับตลาดหุ้นไทยนั้น อาจมี Sentiment เชิงลบเข้ามารบกวนกลุ่ม Electronics ในช่วงเปิดตลาดเช้าวันนี้ ตามหลังการปรับตัวลงของหุ้นใน กลุ่ม Chipmakers และกลุ่มเชื่อมโยง AI ส่วนหุ้นกลุ่มอื่นๆ หากเราตัดกลุ่ม ที่เชื่อมโยงกับหุ้น GULF และ INTUCH ออกเมื่อวานนี้ จะพบว่าดัชนี SET จะปรับลงได้อีกถึง 4.3 จุด สะท้อนภาพความอ่อนแอของหุ้นไทยที่มากขึ้น (Broad-base) โดยเฉพาะกลุ่ม Domestic cyclicals ที่เรามองว่ายังคงมี ความเสี่ยงในภาวะ Flattening yield curve ณ ปัจจุบัน
• Oil: อย่างไรก็ดี SET Index อาจได้รับการประคับประคองในวันนี้ได้บ้าง จากราคาน้ํามันดิบที่ปรับสูงขึ้นเมื่อคืน หลังสหรัฐฯรายงานตัวเลขสต็อก น้ํามันดิบประจําสัปดาห์ปรับตัวลดลงถึง 4.9 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่ตลาด คาดว่าจะลดลง 0.7 ล้านบาร์เรลอย่างมีนัยสําคัญ นอกจากนั้น ยังได้แรง หนุนจากดัชนี Dollar Index ที่ปรับลงทําจุดต่ําสุดใหม่ในรอบ 4 เดือน ส่งผลบวกต่อราคา Commodities โดยรวม มองเป็น Sentiment เชิงบวก ต่อกลุ่ม Oil & Gas ของไทย โดยเฉพาะกลุ่มต้นน้ําอย่าง PTTEP
• Trump trades: ทั้งนี้ กลุ่ม Oil & Gas ของไทยยังคงเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ เราประเมินว่าจะได้ประโยชน์จากการก้าวขึ้นมาดํารงตําแหน่งปธน.ของนาย โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งนับวันดูเหมือนจะมีแต่สูงขึ้นตามลําาดับ ด้วยแนวนโยบาย ที่ยังคงรักษาแหล่งพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลต่างๆ บวกกับเศรษฐกิจโลก ที่ยังไม่น่าจะมีสัญญาณเสื่อมถอยในช่วง 3 เดือนข้างหน้านี้ มองผู้เล่นที่ได้ ประโยชน์จะได้แก่ทั้งผู้เล่นต้นน้ําและกลางน้ํา อาทิเช่น PTTEP, BANPU, TOP, BCP, SPRC เป็นต้น
• ECB: สําหรับปัจจัยวันนี้ แนะนําติดตามผลการประชุม ECB ซึ่งเราคาดว่า จะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเชิงนโยบายแต่อย่างใด โดยล่าสุด ตลาดคาดการณ์ว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ครั้งถัดไป น่าจะไป เกิดขึ้นในเดือนกันยายนหรือตุลาคมนี้มากกว่า
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities
https://th.investing.com/analysis/article-200449590