พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๙ (ฉบับหลวง)
สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค
เป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา สิ่งใดเป็นอนัตตา เธอทั้งหลาย พึงเห็นสิ่งนั้น
ด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริงอย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา. นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตน
ของเรา.
ในความเป็นจริง เวลาเราเจอความไม่เที่ยง ความไม่น่าปรารถนา ความไม่สมหวัง จะเกิดการดำริ การเห็น เป็นเรา นั้นของเรา นั้นตัวตนของเรา
จึงจิตจะเกิดสภาพที่มี น้ำหนัก เพ่ง เกาะกำหนด เจาะจง มั่นหมาย
และ
นอนตามอารมณ์นั้นๆอยู่ ในชีวิตประจำวัน
แต่พอกำหนด รู้ทุกข์ได้สำเร็จ
จะเกิดการดับรอบภาวะนี้ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาส
จึงเกิดจิตที่เหมาะสมแก่การวิปัสนาเป็นลำดับ
แวดล้อมแห่งมรรค
ไม่ใช่ของเรา. นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา
สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค
เป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา สิ่งใดเป็นอนัตตา เธอทั้งหลาย พึงเห็นสิ่งนั้น
ด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริงอย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา. นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตน
ของเรา.
ในความเป็นจริง เวลาเราเจอความไม่เที่ยง ความไม่น่าปรารถนา ความไม่สมหวัง จะเกิดการดำริ การเห็น เป็นเรา นั้นของเรา นั้นตัวตนของเรา
จึงจิตจะเกิดสภาพที่มี น้ำหนัก เพ่ง เกาะกำหนด เจาะจง มั่นหมาย
และ
นอนตามอารมณ์นั้นๆอยู่ ในชีวิตประจำวัน
แต่พอกำหนด รู้ทุกข์ได้สำเร็จ
จะเกิดการดับรอบภาวะนี้ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาส
จึงเกิดจิตที่เหมาะสมแก่การวิปัสนาเป็นลำดับ
แวดล้อมแห่งมรรค