ก่อนอื่น ผมขอบอกก่อนนะครับว่า ผมสูบบุหรี่มาเป็นระยะเวลาเกือบ20ปี ▶️13ปีแรกสูบเพราะติด ▶️7ปีหลัง สูบ3เดือน ไม่สูบ9เดือน(ช่วงนี้ไม่ค่อยติด แต่สูบบ้างเวลาคุยกับเพื่อน เพื่อนสูบเราไม่สูบ เราก็เหม็น แถมไม่สูบเสี่ยงเป็นมะเร็งเหมือนกัน เพราะเค้าบอกว่าบุหรี่มือ2อันตรายกว่าสูบเอง ก็เลยสูบกันไว้ซะเลย 😂😂
ผมเริ่มสูบบุหรี่ไฟฟ้าก็ช่วง 7ปีหลังนี้แหละครับ เริ่มสูบเพราะ ปกติเวลาที่ผมอยู่กับภรรยา ผมจะไม่สูบบุหรี่ แล้วก็ไม่เคยอยากสูบเลย บางทีไปเที่ยวกันเป็นอาทิตย์ อยู่ด้วยกันตลอดเป็นเดือนๆ ก็ไม่ได้สูบเลย และก็ไม่ได้มีอาการอยากสูบเลยด้วยซ้ำ จนมาถึงจุดเปลี่ยนที่ผมได้เจอบุหรี่ไฟฟ้า ***ผมไม่ได้โทษคนที่เอามาให้ผมลองนะครับ เราต้องโทษตัวเองที่อยากสูบเอง ใจของเรามันบางเอง*** ครั้งแรกผมสูบแบบที่เป็นสำลีหยดสูบ คือติดใจมาก เพราะควันหนา เป่าโดนัท เล่นท่าได้สวยเลย กลิ่นไม่ติดเสื้อให้เสียบุคคลิคเลย หวาน เหมือนอมลูกอม พูดมาขนาดนี้คงเดาออกแล้วใช่มั้ยครับว่า ผมสั่งให้ลูกน้องไปซื้อมาด่วน เอาอย่างดี ใช้งานง่ายๆ ควันนุ่มๆ ราคาเท่าไหร่ก็ได้ เลยได้ตัวแรกมา เป็นแบบแทงค์เติม ราคาตัวละ 1500บาท ส่วนน้ำยาผมใช้ยี้ห้อ*****บอกไม่ได้ แต่ขวดสีเขียวเข้ม เป็นฟรีเบส กลิ่นสับปะรด นำเข้าจากประเทศทางใต้ของเรา พร้อมหัวคอยส์ เอาไว้เปลี่ยนแผงนึง ครั้งแรก ผมให้เงินลูกน้องไป2000บาท มันบอกไม่พอต้ิงโอนให้อีก300บาท รวมทั้งสิ้น2300บาทครับ **พอสูบได้ซักพัก ถึงรู้ว่าราคาทั้งหมดไม่เกิน1650บาท ที่เหลือ ค่าไปซื้อ**
พอได้มาครอบครอง ก็เริ่มมีการหาความรู้ เพราะมันมีให้เลือกมากมาย เหมือนของเล่น มีการดัดแปลงประกอบเหมือนหุ่นกันดั้ม มีรสชาติเยอะยิ่งกว่าผลไม้ในตลาด มียี้ห้อเยอะกว่าเครื่องดื่มน้ำดำที่ขายตามร่านสะดวกซื้อ คือ มันมีการพัฒนา จนในช่วง3เดือนแรกที่ผมเริ่มสูบ สามารถเอาเงินไปซื้อบุหรี่มวลได้วันละ2ซอง ใช่ครับไม่ได้พิมพ์ผิด วันละ2ซองหรือมากกว่าครับ 😁😁เพราะงั้น ผมการันตีได้เลยครับว่า บุหรี่ไฟฟ้า ต้นทุนสูงกว่ามวลแน่นอนครับ ใครบอกว่าประหยัดกว่า คือคนที่ยังไม่ได้สูบจนติดเป็นชีวิตประจำวันครับ นี้ยังไม่รวมน้ำยาที่ซื้อมาแล้วรสชาตไม่ถูกใจ แสบคอ ทิ้ง แจกนะครับ ถ้ารวมก็คิดว่า น่าจะซื้อมอไซต์แม่บ้านมือสองสภาพดีๆได้แน่นอนครับ ที่เล่ามาคือระยะเวลาแค่3เดือนแรกนะครับผมจะเรียกว่าเป็น "ระยะคนหาสิ่งที่เหมาะกับตัวเอง"
หลังจากนั้นผมมีรสชาต มีอุปกรณ์ มีร้านที่แน่นอน ค่าใช้จ่ายลดลงมาจากช่วงแรก แต่มันยิ่งทำให้ผมติดมากขึ้นไปกว่าเดิม สิ่งที่ผมในตอนนี้สาบานว่าจะไม่แตะมันอีก เป็นสิ่งที่เคยอยู่ติดตัวไม่เคยห่าง ติดตัวตลอดยิ่งกว่ากางเกงใน เพราะกางเกงในต้องถอดอาบน้ำ แต่ของสิ่งนี้ผมติดขนาดที่ผมสูบตอนอาบน้ำด้วย ตอนนอนบางครั้งก็สูบจนหลับไปเลย ของสิ่งนี้ วัยรุ่นเรียกกันว่า 📌"พอต" ผมซื้อพอตมา3อัน หัวอีกเป็น10หัว เพราะมันตัวเล็ก กลัวแบตมันหมด(ความคิดไปเอง ซึ่งจริงๆแบตมันอยู่ได้เกือบวันเลยนะ) หัวพอตผมระยะนี้ผมสูบ ประมาณ1หัวต่อวัน อยากรู้ราคามั้ยละครับว่าเท่าไหร่ มันอาจจะเจ็บใจคนที่สูบหลายคนตอนนี้นะครับ ผมได้มาตกหัวละ65-80บาทครับ ถ้าช่วงที่ตำรวจจับหน่อย ก็ไม่เคยเกิน100บาทต่อหัว แถมผมในตอนนั้นเป็นลูกค้าร้านขายพอตชื่อดังในย่านรังสิต ไม่ถึงกับvipนะครับ แต่สั่งที่บ้าน ไม่เกินครึ่งชม. มีคนขับมาส่งให้ตลอดเกือบ24ชม. (ตอนแรกก็งง นี้ร้านขายบุหรี่ไฟฟ้า หรือ7-11 มันเปิดแข่งกันเลย)
ที่เล่ามาผมคิดว่าน้าจะพอเข้าใจนะครับ ว่าผมติดจริงๆ ผมขอเล่าเท่านี้ก่อน เดียวทำงานบ้านเสร็จ ผมจะมาอธิบายว่าทำไมเด็ก วัยรุ่น วัยทำงาน นักเที่ยว แม้กระทั่งคนที่อยากเลิกสูบบุหรี่ ถึงได้โดนหลอกให้ติดบุหรี่ไฟฟ้ากันครับ แล้วผมจะเล่าประสบการณ์ตรงที่ผมเจอตอนเลิกมันให้อ่านด้วยในครั้งถัดไปครับ
ความจริงผ่านตัวเอง จากเริ่มถึงความทรมานตอนเลิก “บุหรี่ไฟฟ้า”
ผมเริ่มสูบบุหรี่ไฟฟ้าก็ช่วง 7ปีหลังนี้แหละครับ เริ่มสูบเพราะ ปกติเวลาที่ผมอยู่กับภรรยา ผมจะไม่สูบบุหรี่ แล้วก็ไม่เคยอยากสูบเลย บางทีไปเที่ยวกันเป็นอาทิตย์ อยู่ด้วยกันตลอดเป็นเดือนๆ ก็ไม่ได้สูบเลย และก็ไม่ได้มีอาการอยากสูบเลยด้วยซ้ำ จนมาถึงจุดเปลี่ยนที่ผมได้เจอบุหรี่ไฟฟ้า ***ผมไม่ได้โทษคนที่เอามาให้ผมลองนะครับ เราต้องโทษตัวเองที่อยากสูบเอง ใจของเรามันบางเอง*** ครั้งแรกผมสูบแบบที่เป็นสำลีหยดสูบ คือติดใจมาก เพราะควันหนา เป่าโดนัท เล่นท่าได้สวยเลย กลิ่นไม่ติดเสื้อให้เสียบุคคลิคเลย หวาน เหมือนอมลูกอม พูดมาขนาดนี้คงเดาออกแล้วใช่มั้ยครับว่า ผมสั่งให้ลูกน้องไปซื้อมาด่วน เอาอย่างดี ใช้งานง่ายๆ ควันนุ่มๆ ราคาเท่าไหร่ก็ได้ เลยได้ตัวแรกมา เป็นแบบแทงค์เติม ราคาตัวละ 1500บาท ส่วนน้ำยาผมใช้ยี้ห้อ*****บอกไม่ได้ แต่ขวดสีเขียวเข้ม เป็นฟรีเบส กลิ่นสับปะรด นำเข้าจากประเทศทางใต้ของเรา พร้อมหัวคอยส์ เอาไว้เปลี่ยนแผงนึง ครั้งแรก ผมให้เงินลูกน้องไป2000บาท มันบอกไม่พอต้ิงโอนให้อีก300บาท รวมทั้งสิ้น2300บาทครับ **พอสูบได้ซักพัก ถึงรู้ว่าราคาทั้งหมดไม่เกิน1650บาท ที่เหลือ ค่าไปซื้อ**
พอได้มาครอบครอง ก็เริ่มมีการหาความรู้ เพราะมันมีให้เลือกมากมาย เหมือนของเล่น มีการดัดแปลงประกอบเหมือนหุ่นกันดั้ม มีรสชาติเยอะยิ่งกว่าผลไม้ในตลาด มียี้ห้อเยอะกว่าเครื่องดื่มน้ำดำที่ขายตามร่านสะดวกซื้อ คือ มันมีการพัฒนา จนในช่วง3เดือนแรกที่ผมเริ่มสูบ สามารถเอาเงินไปซื้อบุหรี่มวลได้วันละ2ซอง ใช่ครับไม่ได้พิมพ์ผิด วันละ2ซองหรือมากกว่าครับ 😁😁เพราะงั้น ผมการันตีได้เลยครับว่า บุหรี่ไฟฟ้า ต้นทุนสูงกว่ามวลแน่นอนครับ ใครบอกว่าประหยัดกว่า คือคนที่ยังไม่ได้สูบจนติดเป็นชีวิตประจำวันครับ นี้ยังไม่รวมน้ำยาที่ซื้อมาแล้วรสชาตไม่ถูกใจ แสบคอ ทิ้ง แจกนะครับ ถ้ารวมก็คิดว่า น่าจะซื้อมอไซต์แม่บ้านมือสองสภาพดีๆได้แน่นอนครับ ที่เล่ามาคือระยะเวลาแค่3เดือนแรกนะครับผมจะเรียกว่าเป็น "ระยะคนหาสิ่งที่เหมาะกับตัวเอง"
หลังจากนั้นผมมีรสชาต มีอุปกรณ์ มีร้านที่แน่นอน ค่าใช้จ่ายลดลงมาจากช่วงแรก แต่มันยิ่งทำให้ผมติดมากขึ้นไปกว่าเดิม สิ่งที่ผมในตอนนี้สาบานว่าจะไม่แตะมันอีก เป็นสิ่งที่เคยอยู่ติดตัวไม่เคยห่าง ติดตัวตลอดยิ่งกว่ากางเกงใน เพราะกางเกงในต้องถอดอาบน้ำ แต่ของสิ่งนี้ผมติดขนาดที่ผมสูบตอนอาบน้ำด้วย ตอนนอนบางครั้งก็สูบจนหลับไปเลย ของสิ่งนี้ วัยรุ่นเรียกกันว่า 📌"พอต" ผมซื้อพอตมา3อัน หัวอีกเป็น10หัว เพราะมันตัวเล็ก กลัวแบตมันหมด(ความคิดไปเอง ซึ่งจริงๆแบตมันอยู่ได้เกือบวันเลยนะ) หัวพอตผมระยะนี้ผมสูบ ประมาณ1หัวต่อวัน อยากรู้ราคามั้ยละครับว่าเท่าไหร่ มันอาจจะเจ็บใจคนที่สูบหลายคนตอนนี้นะครับ ผมได้มาตกหัวละ65-80บาทครับ ถ้าช่วงที่ตำรวจจับหน่อย ก็ไม่เคยเกิน100บาทต่อหัว แถมผมในตอนนั้นเป็นลูกค้าร้านขายพอตชื่อดังในย่านรังสิต ไม่ถึงกับvipนะครับ แต่สั่งที่บ้าน ไม่เกินครึ่งชม. มีคนขับมาส่งให้ตลอดเกือบ24ชม. (ตอนแรกก็งง นี้ร้านขายบุหรี่ไฟฟ้า หรือ7-11 มันเปิดแข่งกันเลย)
ที่เล่ามาผมคิดว่าน้าจะพอเข้าใจนะครับ ว่าผมติดจริงๆ ผมขอเล่าเท่านี้ก่อน เดียวทำงานบ้านเสร็จ ผมจะมาอธิบายว่าทำไมเด็ก วัยรุ่น วัยทำงาน นักเที่ยว แม้กระทั่งคนที่อยากเลิกสูบบุหรี่ ถึงได้โดนหลอกให้ติดบุหรี่ไฟฟ้ากันครับ แล้วผมจะเล่าประสบการณ์ตรงที่ผมเจอตอนเลิกมันให้อ่านด้วยในครั้งถัดไปครับ