เราเป็นคนต่างจังหวัด มีน้องสาว 1 คน อายุห่างกัน 3 ปี ปัจจุบันเราอายุ 48 ปี
เราและน้องเรียนจบปริญญาตรี หลังจากเรียนจบเราก็ทำงานประจำมาตลอดตั้งแต่อายุ 23-45 โดยเข้ามาทำงานที่กรุงเทพฯเริ่มตั้งตัวจากศูนย์ คือไม่มีอะไรมาเลย เช่าห้องอยู่เงินเดือนหมื่นต้นๆ แต่ก็ส่งเงินให้พ่อแม่มาตลอดตั้งแต่เรียนจบจนถึงปัจจุบัน ไม่เคยมีเดือนไหนไม่ส่งเงิน เมื่อไหร่ไม่มีเงินก็กู้มาใช้จ่ายและให้พ่อแม่ เราอดได้แต่พ่อแม่ต้องอิ่ม ฐานะทางพ่อแม่คือค้าขายมีหนี้สิน กู้เงินส่งลูกๆเรียนจนจบ เมื่อเราได้งานทำก็ให้พ่อแม่ซึ่งแก่แล้วเลิกทำงาน จนปัจจุบันเรามีบ้านมีรถมีสามีและลูก 2 คน ค่าใช้จ่ายทางพ่อแม่เราออกให้ทุกอย่างทั้งปัจจัย 4 และเงินในการเข้าสังคม หลังเรียนจบเราไม่เคยขอพ่อแม่แม้แต่บาทเดียว ไม่เคยนำเรื่องเดือดร้อนใจให้พ่อแม่รับรู้ ทุกปัญหาเราแก้ไขเองหมด
น้องสาวเราเรียนจบมาก็ทำงานอิสระคือเปิดร้านขายของ ร้านเสริมสวย และหลายอาชีพ ทุกการลงทุนเอาเงินพ่อแม่ไปลงทุนตลอด ซื้อรถยนต์ก็เอาเงินพ่อแม่ ส่งลูกเรียนก็เอาเงินพ่อแม่ ไปกู้เงินก็ใช้ชื่อแม่ แล้วไม่ใช้หนี้ สุดท้ายพ่อแม่ไม่มีเงินใช้หนี้ เราต้องเป็นคนเอาเงินเก็บก้อนสุดท้ยมาปิดหนี้ให้น้อง พ่อแม่เจ็บป่วยน้องไม่เคยช่วยค่ารักษา ไม่เคยให้เงินพ่อแม่ใช้แม้แต่บาทเดียว ต้องสาวหย่าร้างก็ให้พ่อแม่ไปเคลียร์กับสามีให้ตลอดหลายปี พอหย้าร้างก็ไปอาศัยอยู่บ้านป้า แต่ไม่เคยช่วยค่าน้ำค่าไฟ ไม่เคยช่วยทำงานบ้าน ไม่หยิบจับงานในบ้าน เราต้องเป็นคนช่วยจ่ายค่าน้ำค่าไฟให้ป้าแทนน้อง และเราโอนเงินให้น้องสาวใช้ทุกเดือนตั้งแต่เราเรียนจบจนถึงปัจจุบัน
จนสุดท้ายน้องตกงานเพราะถูกไล่ออกจากงาน ถูกป้าไล่ออกจากบ้าน มาสมัครเป็นแม่บ้านดูแลคนแก่ได้ 7 วันก็ถูกไล่ออก เราบอกให้น้องสาวกลับไปอยู่บ้านพ่อแม่ ส่วนหลานให้มาอยู่บ้านเราเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ ให้น้องกลับไปดูแลพ่อแม่ค่าใช้จ่ายในบ้านพ่อแม่เราดูแลเองทั้งหมด เราบอกน้องว่าพอพ่อแม่เสียก็ให้น้องอยู่บ้านพ่อแม่ไปเลยเราไม่เอาบ้านพ่อแม่เพราะอยากให้น้องมีสมบัติติดตัวบ้าง
น้องมาอยู่บ้านพ่อแม่ได้ไม่ถึงปี มีเรื่องทะเลาะกับพ่อเกือบทุกวัน ขอเงินพ่อแม่ เกือบวางมวยกับพ่อ ตะคอกแม่และทำบ้านรกเลอะเทอะ พ่อแม่ผอมโทรมาด้วยความเครียด โทรมาระบายให้เราฟังตลอด จนสุดท้ายพ่อไล่น้องออกจากบ้าน ร้องขู่พ่อว่าถ้าจะให้ออกไปต้องเอาเงินมาให้ไปตั้งตัว เงินก้อนสุดท้ายที่พ่อมีเราสั่งห้ามเอามาใช้เพราะให้พ่อแม่เก็บไว้รักษาตัวตอนแก่ แต่สุดท้ายพ่อก็ให้น้องไปจนหมด แลกกับการให้น้องออกไปจากบ้าน
เราทำอะไรไม่ได้แล้วก็ปล่อยตามกรรม ตั้งแต่น้องออกจากบ้านไปเปิดร้านขายอาหารที่อื่น พ่อปม่เราก็มีความสุข กินอิ่มนอนหลับ สบายใจขึ้น น้องสาวไม่รับสายพ่อแม่ไม่รับสายเราเกือบปีแล้ว ตัดขาดทุกคน โทษทุกคน ยกเว้นตัวเอง
ตอนนี้พ่อติดต่อมาหาเราบอกว่าจะยกบ้านให้เป็นชื่อเรา เพราะเงินที่ให้น้องไปทั้งหมดก็มีมูลค่าเท่าบ้านที่พ่อจะให้เรา พ่อบอกว่าเราสมควรที่จะได้เพราะเราส่งเงินให้พ่อแ่ตลอดไม่เคยขอเงินพ่อแม่แม้แต่บาทเดียว บ้านที่เราบอกจะให้น้อง พ่อบอกว่าน้องไม่สมควรจะได้เพราะไม่ดูแลพ่อแม่และเอาสมบัติพ่อแม่ไปจนหมดแล้ว
พ่อบอกว่าทำประกันชีวิตไว้ 1 ฉบับ ใส่ชื่อเราเป็นผู้รับผลประโยชน์ เป็นเงิน 2 แสน ซึ่งได้เงินนี้ในปีหน้า เราขอกว่าเงิน 2 แสนนี้เรายกให้พ่อแม่เก็บไว้ใช้เอง และอย่าเอาไปให้ใครอีก
แม่เราทำประกันชีวิตไว้ ใส่ชื่อน้องเราเป็นผู้รับผลประโยชน์ประมาณ 2 แสนบาท แต่น้องเราก็ก็มีความประสงค์จะรับ แต่จะมารับหลังพ่อแม่เสียชีวิตและไม่คิดจะกลับมาหาพ่อแม่ในขณะที่ท่านยังมีชีวิต
คำถามที่อยากถามคือหากเรายินยอมรับมรดกคือบ้านพ่อแม่ ทั้งที่เราเองก็มีบ้านตัวเอง (บ้านที่ผ่อนชำระได้ 4 ปี และซื้อไว้ให้ลูก) ขณะที่น้องออกไปเช่าบ้านอยู่ เราจะดูเห็นแก่ตัวหรือไม่ มีคนแถวบ้านบอกว่าน้องลำบากกว่าก็ควรจะได้บ้าน แต่พ่อเราไม่อยากให้น้องเพราะทำกับพ่อให้เจ็บช้ำมาเยอะ และพ่อกลัวน้องเอาบ้านไปขายกิน แต่แม่ก็บอกว่าน้องลำบากเราสบาย ความจริงมจริงเราลำบากและมีหนี้สินเยอะแต่ไม่เคยเล่าให้ท่านฟัง
เป็นลูกที่ส่งเสียเลี้ยงดูพ่อแม่คนเดียว แต่มีทรัพย์สินจากการหาเอง สมควรรับมรดกจากพ่อแม่หรือไม่
เราและน้องเรียนจบปริญญาตรี หลังจากเรียนจบเราก็ทำงานประจำมาตลอดตั้งแต่อายุ 23-45 โดยเข้ามาทำงานที่กรุงเทพฯเริ่มตั้งตัวจากศูนย์ คือไม่มีอะไรมาเลย เช่าห้องอยู่เงินเดือนหมื่นต้นๆ แต่ก็ส่งเงินให้พ่อแม่มาตลอดตั้งแต่เรียนจบจนถึงปัจจุบัน ไม่เคยมีเดือนไหนไม่ส่งเงิน เมื่อไหร่ไม่มีเงินก็กู้มาใช้จ่ายและให้พ่อแม่ เราอดได้แต่พ่อแม่ต้องอิ่ม ฐานะทางพ่อแม่คือค้าขายมีหนี้สิน กู้เงินส่งลูกๆเรียนจนจบ เมื่อเราได้งานทำก็ให้พ่อแม่ซึ่งแก่แล้วเลิกทำงาน จนปัจจุบันเรามีบ้านมีรถมีสามีและลูก 2 คน ค่าใช้จ่ายทางพ่อแม่เราออกให้ทุกอย่างทั้งปัจจัย 4 และเงินในการเข้าสังคม หลังเรียนจบเราไม่เคยขอพ่อแม่แม้แต่บาทเดียว ไม่เคยนำเรื่องเดือดร้อนใจให้พ่อแม่รับรู้ ทุกปัญหาเราแก้ไขเองหมด
น้องสาวเราเรียนจบมาก็ทำงานอิสระคือเปิดร้านขายของ ร้านเสริมสวย และหลายอาชีพ ทุกการลงทุนเอาเงินพ่อแม่ไปลงทุนตลอด ซื้อรถยนต์ก็เอาเงินพ่อแม่ ส่งลูกเรียนก็เอาเงินพ่อแม่ ไปกู้เงินก็ใช้ชื่อแม่ แล้วไม่ใช้หนี้ สุดท้ายพ่อแม่ไม่มีเงินใช้หนี้ เราต้องเป็นคนเอาเงินเก็บก้อนสุดท้ยมาปิดหนี้ให้น้อง พ่อแม่เจ็บป่วยน้องไม่เคยช่วยค่ารักษา ไม่เคยให้เงินพ่อแม่ใช้แม้แต่บาทเดียว ต้องสาวหย่าร้างก็ให้พ่อแม่ไปเคลียร์กับสามีให้ตลอดหลายปี พอหย้าร้างก็ไปอาศัยอยู่บ้านป้า แต่ไม่เคยช่วยค่าน้ำค่าไฟ ไม่เคยช่วยทำงานบ้าน ไม่หยิบจับงานในบ้าน เราต้องเป็นคนช่วยจ่ายค่าน้ำค่าไฟให้ป้าแทนน้อง และเราโอนเงินให้น้องสาวใช้ทุกเดือนตั้งแต่เราเรียนจบจนถึงปัจจุบัน
จนสุดท้ายน้องตกงานเพราะถูกไล่ออกจากงาน ถูกป้าไล่ออกจากบ้าน มาสมัครเป็นแม่บ้านดูแลคนแก่ได้ 7 วันก็ถูกไล่ออก เราบอกให้น้องสาวกลับไปอยู่บ้านพ่อแม่ ส่วนหลานให้มาอยู่บ้านเราเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ ให้น้องกลับไปดูแลพ่อแม่ค่าใช้จ่ายในบ้านพ่อแม่เราดูแลเองทั้งหมด เราบอกน้องว่าพอพ่อแม่เสียก็ให้น้องอยู่บ้านพ่อแม่ไปเลยเราไม่เอาบ้านพ่อแม่เพราะอยากให้น้องมีสมบัติติดตัวบ้าง
น้องมาอยู่บ้านพ่อแม่ได้ไม่ถึงปี มีเรื่องทะเลาะกับพ่อเกือบทุกวัน ขอเงินพ่อแม่ เกือบวางมวยกับพ่อ ตะคอกแม่และทำบ้านรกเลอะเทอะ พ่อแม่ผอมโทรมาด้วยความเครียด โทรมาระบายให้เราฟังตลอด จนสุดท้ายพ่อไล่น้องออกจากบ้าน ร้องขู่พ่อว่าถ้าจะให้ออกไปต้องเอาเงินมาให้ไปตั้งตัว เงินก้อนสุดท้ายที่พ่อมีเราสั่งห้ามเอามาใช้เพราะให้พ่อแม่เก็บไว้รักษาตัวตอนแก่ แต่สุดท้ายพ่อก็ให้น้องไปจนหมด แลกกับการให้น้องออกไปจากบ้าน
เราทำอะไรไม่ได้แล้วก็ปล่อยตามกรรม ตั้งแต่น้องออกจากบ้านไปเปิดร้านขายอาหารที่อื่น พ่อปม่เราก็มีความสุข กินอิ่มนอนหลับ สบายใจขึ้น น้องสาวไม่รับสายพ่อแม่ไม่รับสายเราเกือบปีแล้ว ตัดขาดทุกคน โทษทุกคน ยกเว้นตัวเอง
ตอนนี้พ่อติดต่อมาหาเราบอกว่าจะยกบ้านให้เป็นชื่อเรา เพราะเงินที่ให้น้องไปทั้งหมดก็มีมูลค่าเท่าบ้านที่พ่อจะให้เรา พ่อบอกว่าเราสมควรที่จะได้เพราะเราส่งเงินให้พ่อแ่ตลอดไม่เคยขอเงินพ่อแม่แม้แต่บาทเดียว บ้านที่เราบอกจะให้น้อง พ่อบอกว่าน้องไม่สมควรจะได้เพราะไม่ดูแลพ่อแม่และเอาสมบัติพ่อแม่ไปจนหมดแล้ว
พ่อบอกว่าทำประกันชีวิตไว้ 1 ฉบับ ใส่ชื่อเราเป็นผู้รับผลประโยชน์ เป็นเงิน 2 แสน ซึ่งได้เงินนี้ในปีหน้า เราขอกว่าเงิน 2 แสนนี้เรายกให้พ่อแม่เก็บไว้ใช้เอง และอย่าเอาไปให้ใครอีก
แม่เราทำประกันชีวิตไว้ ใส่ชื่อน้องเราเป็นผู้รับผลประโยชน์ประมาณ 2 แสนบาท แต่น้องเราก็ก็มีความประสงค์จะรับ แต่จะมารับหลังพ่อแม่เสียชีวิตและไม่คิดจะกลับมาหาพ่อแม่ในขณะที่ท่านยังมีชีวิต
คำถามที่อยากถามคือหากเรายินยอมรับมรดกคือบ้านพ่อแม่ ทั้งที่เราเองก็มีบ้านตัวเอง (บ้านที่ผ่อนชำระได้ 4 ปี และซื้อไว้ให้ลูก) ขณะที่น้องออกไปเช่าบ้านอยู่ เราจะดูเห็นแก่ตัวหรือไม่ มีคนแถวบ้านบอกว่าน้องลำบากกว่าก็ควรจะได้บ้าน แต่พ่อเราไม่อยากให้น้องเพราะทำกับพ่อให้เจ็บช้ำมาเยอะ และพ่อกลัวน้องเอาบ้านไปขายกิน แต่แม่ก็บอกว่าน้องลำบากเราสบาย ความจริงมจริงเราลำบากและมีหนี้สินเยอะแต่ไม่เคยเล่าให้ท่านฟัง