คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 46
ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก มีเนื้อหาเข้าข่ายไม่เหมาะสมอาจสร้างความขัดแย้งในเว็บบอร์ด
ทั้งนี้การลบเนื้อหานี้ออกไปนั้น มิได้เป็นการตัดสินความอย่างใดอย่างหนึ่งแต่เป็นไปเพื่อรักษาบรรยากาศการแลกเปลี่ยนความเห็นในเว็บบอร์ดให้กับเพื่อนสมาชิกค่ะ
ความคิดเห็นนี้ได้ถูก ppantip.com ลบออกไปจากระบบแล้ว หากเนื้อหาที่ถูกลบยังคงถูกนำไปแสดงใน application หรือเว็บไซต์ใดๆ
ทาง ppantip.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆด้วย การดำเนินการทางกฎหมายกรุณาติดต่อผู้พัฒนา application หรือเว็บไซต์นั้นๆโดยตรงค่ะ
ทั้งนี้การลบเนื้อหานี้ออกไปนั้น มิได้เป็นการตัดสินความอย่างใดอย่างหนึ่งแต่เป็นไปเพื่อรักษาบรรยากาศการแลกเปลี่ยนความเห็นในเว็บบอร์ดให้กับเพื่อนสมาชิกค่ะ
ทาง ppantip.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆด้วย การดำเนินการทางกฎหมายกรุณาติดต่อผู้พัฒนา application หรือเว็บไซต์นั้นๆโดยตรงค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
ไม่มี ไม่หนี้ ไม่จ่าย เคยฟังทนายคลายทุกข์ เขาให้ข้อคิดไว้ว่า ถ้าคิดจะให้เงินใครยืม ให้เจ้าของเงินคิดตามดังนี้ก่อน
1. เงินที่ให้ยืมต้องเป็นเงินเย็น
2. เงินที่ให้ยืม ให้คิดเสียว่ามันเป็นหนี้สูญ มีโอกาสได้คืนหรือไม่ได้คืน
3. เงินที่ให้ยืมต้องไม่เป็นเงินที่คุณไปยืมต่อมาอีกที
4. เงินที่ให้ยืม เป็นเงินที่คุณไม่ลำบากในการให้ยืม
5. ให้คิดเสียว่าการให้ยืมคือทำทาน
ถ้าใครสามารถทำได้ตาม 5 ข้อนี้ คือให้ยืมได้ตามสบาย ถ้าทำไม่ได้ก็อย่าให้ใครยืม
1. เงินที่ให้ยืมต้องเป็นเงินเย็น
2. เงินที่ให้ยืม ให้คิดเสียว่ามันเป็นหนี้สูญ มีโอกาสได้คืนหรือไม่ได้คืน
3. เงินที่ให้ยืมต้องไม่เป็นเงินที่คุณไปยืมต่อมาอีกที
4. เงินที่ให้ยืม เป็นเงินที่คุณไม่ลำบากในการให้ยืม
5. ให้คิดเสียว่าการให้ยืมคือทำทาน
ถ้าใครสามารถทำได้ตาม 5 ข้อนี้ คือให้ยืมได้ตามสบาย ถ้าทำไม่ได้ก็อย่าให้ใครยืม
แสดงความคิดเห็น
ยืมเงิน 200,000 บาท ขอผ่อนเดือนละ 500 บาท 30 ปี
คือเราให้เพื่อนยืมเงินไป ราวๆสองแสนบาท แล้วเขาไม่คืน ซึ่งตอนนี้เราขึ้นศาล ทางเรามีการแต่งตั้งทนาย ซึ่งทางเขาไม่มีการแต่งตั้วทนาย มาคนเดียว พร้อมทำหน้าตาเคียดแค้น ราวกับทางเราเป็นคนผิด พร้อมไปกล่าวหากับคนรอบตัวที่เป็นเพื่อนเราว่าเรา "เป็นคนไม่ดี"
.
ตอนแรกเขาแจ้งศาลว่า ขอผ่อน เดือนละ 500 บาท ใช้ระยะเวลาประมาณ 30 ปี ซึ่งเราน่าจะแก่ไปแล้ว เลยมีการไกล่เกลี่ย ผ่อน 2,000 บาท 12 เดือน และเริ่มผ่อน 3,000 บาท ขึ้นไป ในระยะเวลา 5 ปี ซึ่งตอนนี้เขาเริ่มผ่อนมาได้ สองหมื่นบาท เรียนตามตรง เราค่อนข้างกังวลว่าเขาจะเบี้ยว ไม่จ่ายค่ะ
.
ล่าสุดเขาเริ่มมีการล่าช้า ทางเรามีการสอบถามว่า จะโอนเมื่อไร ซึ่งเขาแจ้งว่า โอนภายใน 31 ซึ่งปกติ ทุกๆ ต้นเดือนจะต้องโอนชำระ แล้วก็ใช้ประโยคทำนองว่า "จะมาทวงอะไร นี่มันวันที่หนึ่ง" หรือ "ก็ให้กำหนดวันจ่าย ก็กำหนดแล้วเนี่ยไง"
.
จากใจของเราตอนนี้ เราเป็นคนที่ค่อนข้างไว้ใจคนง่ายค่ะ ไม่คิดว่าจะเจอเรื่องแบบนี้กับตัว เมื่อก่อนเราเคยช่วยหลายคน ตอนยืมน่าสงสารมาก พอตอนทวงคืน เราเหมือนขอทาน ขอเงินจากเขา
.
ในกรณีนี้ เราควรจัดการยังไงดีคะ
1.ในเชิงกฎหมาย ทุกท่านผู้รู้กฎหมายพอทราบไหมคะ ว่าสามารถแจ้งความต่อ หรือจัดการยังไงได้บ้าง ในกรณีที่ 5 ปีแล้ว เขาผ่อนไม่หมด สามารถดำเนินการต่อได้ไหมคะ หรือทางเราสามารถโอนหนี้ให้คนที่เป็นตัวแม่ทางนี้ เป็นคนจัดการกับเขา โดยที่เราไม่ต้องยุ่งอีกได้ไหมคะ
2.แนวทางการแก้ไขปัญหาอื่นที่ทุกท่านเคยเจอ
3.แนวทางจัดการความรู้สึกในตอนนี้ เรารู้สึก "Trauma" ทางความรู้สึก และอารมณ์ ไม่ค่อยอยากใช้เงิน และมีความตระหนี่ในการใช้เงินมากขึ้น และปวดหัวทุกวันค่ะ
.
สุดท้ายนี้ เราอยากมาแชร์ความรู้สึก ที่ "ไว้ใจ" เพื่อน หรือคนที่เคยรัก ที่เราพยายามเป็น "ผู้ให้" และ "ไว้ใจ" มากเกินไป จนเรากลับมารักตัวเอง พอมีใครทักมาขอยืม เรารู้จักการปฎิเสธ และรู้จักเลือกคบคนมากขึ้น
.
และอยากฝากถึง "ลูกหนี้" ทุกคน เราเข้าใจคุณมาก แต่อยากให้คุณเข้าใจเราบ้าง ว่าตอนคุณยืมคุณทำพฤติกรรมอย่างไร และตอนคืนคุณทำพฤติกรรมอย่างไร คนที่รู้จัก "คืน" ก็ดีไป ส่วนคนที่ไม่รู้จัก "คืน" ขอให้ชีวิตคุณตกต่ำ และกรรมตามสนองคุณให้สาสมค่ะ
.
เงินมันตัดได้ทุกความสัมพันธ์จริงๆค่ะ
ขอบคุณค่ะ